สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 842 ลู่จื่อชิงอ้วนแล้ว
บทที่ 842 ลู่จื่อชิงอ้วนแล้ว
บทที่ 842 ลู่จื่อชิงอ้วนแล้ว
มู่ซืออวี่กำลังจะออกจากบ้านก็เห็นควันหนาทึบลอยมาจากทางเรือนของลู่ฉาวอวี่จึงรีบบึ่งไปทางนั้น
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ฮูหยิน ท่านมาได้อย่างไรขอรับ?” มามาผู้ดูแลก็รุดเข้ามา “ข้างในวุ่นวาย ฮูหยินอย่าเข้าไปเลยนะเจ้าคะ ประเดี๋ยวจะสำลักควันเอาได้”
“เหตุใดทางนี้มีควันดำโขมง? พวกเจ้าทำอะไร?”
“นายน้อยกล่าวว่าเสื้อผ้ามีแมลงเกาะ แมลงเหล่านั้นทำให้คนคันคะเยอจึงให้พวกเราเผาเสื้อผ้าทั้งหมดของเขาเจ้าค่ะ”
“มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?” มู่ซืออวี่ขมวดคิ้ว “เผาทั้งหมดเลยรึ?”
“เจ้าค่ะ ทั้งหมด”
“ก่อนหน้านี้เหตุใดข้าไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้เล่า?” มู่ซืออวี่เอ่ย จากนั้นก็หันกลับไปพูดกับซางจือ”เจ้าไปสอบถามดูหน่อยว่าทางนายน้อยพบอะไรหรือไม่?”
สิงเจียซือก็เห็นควันดำนี้เช่นกันจึงรีบเดินมาที่นี่
“เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ?”
“เห็นว่าเสื้อผ้าของฉาวอวี่เต็มไปด้วยแมลง เขาจึงสั่งให้เผาเสื้อผ้าทั้งหมด” มู่ซืออวี่เอ่ย “ไม่ต้องเข้าไปแล้ว ข้างในมีควันหนาแน่น หากเจ้าสูดมันเข้าไปจะไม่ดี”
ซางจือหาข่าวได้อย่างรวดเร็ว นางโน้มตัวเข้าไปกระซิบสองสามคำข้างหูมู่ซืออวี่
“ร้ายแรงมากหรือ?”
“นายน้อยกำลังตรวจนับเจ้าค่ะ ตอนนี้มีคนติดเชื้อไปแล้วห้าคน ได้ยินว่าพวกเขาออกไปตรวจสอบคดีหนึ่งพร้อมกันแล้วติดมา ตอนนั้นไม่มีผู้ใดจริงจังกับเรื่องนี้ กระทั่งเกิดบางอย่างกับลู่เยี่ย ถึงได้ใส่ใจมันเจ้าค่ะ”
สำนักตรวจการมีหลายคนติดโรคระบาดเข้าแล้ว ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดลู่ฉาวอวี่จึงต้องเผาเสื้อผ้าทั้งหมดของเขา ท้ายที่สุดอย่างไรวิธีนี้ก็ปลอดภัยกว่า หากเป็นโรคระบาดจริง ๆ เกรงว่าจะรับมือได้ไม่ง่ายดายนัก
มู่ซืออวี่ส่งคนออกไปสอบถาม ทว่าการตรวจตราของสำนักตรวจการเข้มงวดมาก นางจึงไม่พบอะไรทั้งสิ้น
“เจ้าไปตรวจสอบที่สำนักหมอหลวงหน่อยเถิด”
“เหตุใดบ่าวนึกไม่ถึงนะเจ้าคะ? บ่าวจะไปที่นั่นประเดี๋ยวนี้”
รถม้าของจวนลู่พาลู่จื่อชิงและลู่ฉาวจิ่งกลับมา
ลู่จื่อชิงที่เพิ่งลงจากรถม้าตะโกนบอกมู่ซืออวี่ “ท่านแม่ ลูกสาวที่น่ารักที่สุดของท่านกลับมาแล้ว!”
มู่ซืออวี่ “…”
นางอาจไม่ใช่ลูกสาวที่น่ารักที่สุด ทว่าลูกสาวที่หนังหนาที่สุดจะต้องเป็นนางอย่างไม่ต้องสงสัย
พลั่ก! ร่างเล็ก ๆ โผเข้าสู่อ้อมแขนของมารดาประหนึ่งก้อนหินที่ร่วงลงมาทับร่าง
มู่ซืออวี่กอดลูกสาว “เจ้าอ้วนขึ้นแล้ว”
“จะเป็นไปได้อย่างไร?” ลู่จื่อชิงฟึดฟัดด้วยความโกรธ
“ข้าบอกว่าพี่หญิงอ้วนแล้ว พี่หญิงก็ยังยืนกรานว่าข้าสายตาแย่” ลู่ฉาวจิ่งที่อยู่ข้าง ๆ กล่าววาจาทิ่มแทง
“อาหารในสำนักบัณฑิตหลวงไม่เลว นึกไม่ถึงว่าจะทำให้เจ้าอวบอ้วนได้ ดูเหมือนข้าจะไม่ต้องห่วงเจ้าแล้ว เจ้าคงไม่ทำให้ตนเองลำบากนัก”
ลู่จื่อชิงบีบแก้มตนเอง “ข้าอ้วนขึ้นจริง ๆ หรือ? ต้องโทษซ่งหานจือ ไม่รู้ว่าหมู่นี้ปีศาจอะไรเข้าสิงเขาถึงมักจะตักเนื้อให้ข้าตลอด ส่วนเขาทานเพียงผักเท่านั้น เขาผ่ายผอมไปไม่น้อย แต่ข้ากลับอ้วนขึ้นแล้ว”
“นั่นเป็นเพราะเขาห่วงเจ้า” มู่ซืออวี่คว้ามือนางกับลู่ฉาวจิ่งมาจูง “มาเถอะ ข้าจะแนะนำพี่สาวคนหนึ่งให้พวกเจ้ารู้จัก”
คืนนั้น ลู่อี้กลับมาค่อนข้างเร็ว
งานเลี้ยงครอบครัวลู่สำคัญมาก ขอเพียงไม่ได้ติดพันเรื่องสำคัญอะไร ทุกคนล้วนต้องเข้าร่วม
มู่ซืออวี่เตรียมหม้อไฟหม้อเล็กหลากรสชาติเอาไว้
ทุกคนนั่งอยู่ที่โต๊ะใหญ่ มีหม้อไฟเล็ก ๆ หลากหลายรสชาติวางอยู่ตรงหน้าพวกเขา ทั้งยังมีอาหารเลิศรสอีกมากมายในหม้อไฟเล็ก ๆ เหล่านั้น
แน่นอนว่าแผ่นหมุนกลางโต๊ะทำหน้าที่ของมันเป็นอย่างดี มันหมุนเวียนอาหารหลากรสชาติตรงหน้าพวกเขาไปเรื่อย ๆ
“ฉาวอวี่ยังไม่กลับมา” มู่ซืออวี่กล่าว “ทางสำนักตรวจการเรียบร้อยดีหรือไม่?”
“เขารับมือได้” ลู่อี้เอ่ย “ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงลูก ทว่าวางใจเถิด เขาจัดการเองได้อย่างแน่นอน”
“คนของฉาวอวี่ติดโรคระบาด ข้าอยากทราบข่าวคราว แต่เขากลับปิดสำนักตรวจการไว้แน่นหนา แม้กระทั่งยุงยังบินเข้าไปไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงการสืบข่าวคราว”
เริ่มแรกยังพอสืบเสาะหาข่าวคราวได้บ้าง จากนั้นกลับไม่รู้อะไรทั้งสิ้น เขาจะต้องสั่งห้ามไม่ให้คนภายในปล่อยให้ข่าวรั่วไหลออกมาข้างนอกเป็นแน่ถึงได้เข้มงวดกวดขันเพียงนี้
“ข้าทราบ ทางสำนักหมอหลวงรายงานข้าแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย อย่าปล่อยให้ข่าวรั่วไหลไปยังคนภายนอก เดี๋ยวจะกลายเป็นการสร้างความแตกตื่นโดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ เขากำลังตรวจสอบเรื่องนี้ให้กระจ่าง”
“พี่ใหญ่กลับมาไม่ได้หรือเจ้าคะ?” ลู่จื่อชิงได้ยินดังนั้นก็เข้าใจ พลันไม่มีความสุขขึ้นมาเล็กน้อย “ข้าอยากให้เขาตรวจการบ้านของข้า ท่านอาจารย์บอกว่าหมู่นี้ข้าพัฒนาขึ้น อีกทั้งยังชมเชยข้าด้วย”
“พี่ใหญ่เจ้าบอกแล้วว่าครั้งหน้าเมื่อเขากลับมาจะให้รางวัลเจ้า” ลู่อี้เอ่ย “นอกจากนี้ พี่ใหญ่เจ้าไม่อยู่ พ่อแม่ก็ยังชมเจ้าได้เช่นกัน”
“ท่านพ่อท่านแม่เอาแต่ชมข้าอย่างเอาใจ มีเพียงพี่ใหญ่ที่จริงใจยามชมข้า” ลู่จื่อชิงไม่เชื่อ “จริงสิ วันหยุดสองวันนี้ข้าจะทำอะไรก็ได้ใช่หรือไม่? เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะไปฝึกวรยุทธ์ที่บ้านท่านอาฉี”
“แล้วแต่เจ้า”
“ขอบคุณท่านพ่อ”
ลู่อี้หันไปมองสิงเจียซือ “แม่นางสิงไม่ต้องเกรงใจ ถือเสียว่าเป็นบ้านตนเอง”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ” สิงเจียซือเอ่ยอย่างใจกว้าง “ข้าจะไม่เห็นฮูหยินเป็นคนนอกเจ้าค่ะ”
“ได้ยินจากฉาวอวี่ว่าเจ้ามีส่วนช่วยให้พวกเขาตรวจหาโรคระบาดครั้งนี้ได้ทันกาล” ลู่อี้เอ่ย
มู่ซืออวี่หันไปมองสิงเจียซือด้วยความประหลาดใจ
แก้มของสิงเจียซือแดงเรื่อขึ้นมา นางเอ่ยอย่างกระวนกระวาย “ฮูหยิน ข้าไม่ได้จงใจปิดบังท่านนะเจ้าคะ”
“ข้ารู้ เจ้าไม่ต้องกังวลไป” มู่ซืออวี่เอ่ยปลอบ “เจ้าคงไม่อยากให้ข้ากังวลกระมัง ทว่าเจ้ารู้จักโรคนี้หรือ?”
“ข้ารู้เจ้าค่ะ” สิงเจียซือเอ่ย “โรคนั้นแพร่กระจายรวดเร็ว ทว่ามันแพร่กระจากการสัมผัสกัน ขอเพียงไม่ได้สัมผัสกับผู้ที่เป็นโรคก็ไม่ได้ติดโรคง่ายดายเพียงนั้นเจ้าค่ะ”
“หลายปีมานี้เจ้าท่องเที่ยวไปที่ต่าง ๆ มาไม่น้อย ได้เก็บเกี่ยวอะไรมาบ้างหรือไม่?” ลู่อี้เอ่ยถามอีกครั้ง
มู่ซืออวี่เหลือบมองเขา
ลู่อี้แตะหลังมือของภรรยาใต้โต๊ะเบา ๆ เพื่อให้นางสบายใจ
แน่นอนว่าเขาไม่ได้จะทำให้แม่นางน้อยลำบากใจ เพียงแค่อยากได้ยินสถานการณ์ของชนเผ่าอื่น ๆ เท่านั้น
สิงเจียซือเล่าเรื่องที่นางพบเจอตลอดหลายปีมานี้อย่างใจกว้าง
โลกภายนอกนั้นน่าตื่นเต้น ทว่าก็อันตรายด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม นางชอบชีวิตที่ได้ท่องเที่ยวไปมาเช่นนี้ อีกทั้งยังได้พบเห็นทิวทัศน์งดงามมากมาย
“ฟังดูน่าสนใจยิ่งนัก” ลู่จื่อชิงแสดงสีหน้าเพ้อฝัน “รอข้าโตขึ้น ข้าก็อยากออกไปท่องโลกกว้างเหมือนกับท่าน! ข้าอยากเป็นวีรสตรีที่ต่อสู้กับความชั่วร้าย เป็นอย่างวีรบุรุษผู้กล้า!”
“เช่นนั้น คงต้องหลั่งน้ำตาด้วยความเห็นอกเห็นใจต่อผู้ที่พัวพันกับเจ้าภายภาคหน้าแล้วจริง ๆ” มู่ซืออวี่คีบผักลงในถ้วยบุตรสาว “ก่อนที่เจ้าจะออกท่องโลกกว้าง กินผักให้มาก ๆ เสียก่อน ไม่มีวีรสตรีคนใดอ้วนราวกับลูกหมูเหมือนเจ้า เพราะวีรสตรีเช่นนี้เดิมทีก็ใช้วิชาตัวเบาไม่ได้แม้แต่น้อย”
ลู่จื่อชิง “…”
นางเคี้ยวผักสีเขียวแสนไม่อร่อยไปพลาง นึกบ่นซ่งหานจือที่ขุนนางให้อ้วนไปพลาง
“ท่านแม่ ท่านยังมีหม้อไฟหม้อเล็กอยู่หรือไม่?” ลู่จื่อชิงเอ่ยถาม
“มีสิ”
“ขอข้าสักหม้อ ข้าจะเอาไปส่งให้ซ่งหานจือ หมู่นี้เขาโหมเล่าเรียน ผ่ายผอมไปไม่น้อย ข้าจะชดเชยให้เขา” ลู่จื่อชิงลงจากโต๊ะ
“เจ้าจะไปส่งตอนนี้เลยหรือ?”
“ใช่ ข้าอยากเห็นเขากินมันกับตา ไม่เช่นนั้นเพื่อที่จะผอมลง เขาคงไม่กินอะไรเป็นแน่” ” ลู่จื่อชิงเอ่ยแล้วสั่งให้สาวใช้ยกหม้อไฟหม้อเล็กมา
นางจะไป ‘ให้รางวัล’ ซ่งหานจือ
——————————————