สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 844 ลิ่วล้อไม่ติดตามแล้ว
บทที่ 844 ลิ่วล้อไม่ติดตามแล้ว
บทที่ 844 ลิ่วล้อไม่ติดตามแล้ว
เช้าตรู่วันถัดมา ลู่จื่อชิงนั่งรอซ่งหานจืออยู่ในรถม้า ผลที่ได้กลับมีเพียงผู้ติดตามของซ่งหานจือที่มาหา
“คุณหนูรอง วันนี้คุณชายมีเรื่องต้องทำขอรับ ไม่อาจไปฝึกวรยุทธ์กับท่านได้แล้ว”
“เขามีเรื่องอะไร?” ลู่จื่อชิงเอ่ยถาม
“นายท่านเชิญอาจารย์มาให้ขอรับ บอกว่าเขาต้องเล่าเรียนเพิ่มเติม ดังนั้น…”
“เขายังเรียนเสริมอีกหรือ? เขาอยู่สำนักศึกษาหลวงความสามารถก็จัดว่าเป็นหัวกะทิแล้ว”
“นายท่ายเพิ่มเป้าหมายให้นายน้อยขอรับ”
“เช่นนั้นเขายินดีเรียนหรือไม่? หากเขาไม่ยินดีเรียน ข้าจะช่วยเขาออกมา”
“คุณหนูรองอย่าได้บุ่มบ่ามไปขอรับ คุณชายยินดีทำขอรับ” ผู้ติดตามรีบเอ่ยขึ้นมาทันควัน
“ก็ได้ เช่นนั้นอีกสองวันค่อยพบกัน”
รถม้าของสกุลลู่เคลื่อนออกไป
ประตูจวนซ่งเปิดออก ซ่งหานจือเดินออกมาจากข้างใน
“คุณหนูรองว่าอย่างไรบ้าง?”
“คุณหนูรองถามว่านายน้อยเต็มใจหรือไม่ หากไม่เต็มใจนางจะช่วยท่านออกมาขอรับ”
ซ่งหานจือยิ้มบาง ๆ “นับว่านางมีมโนธรรม”
“เช่นนั้นคุณชาย…”
“ข้าจะกลับไปเรียน”
ณ จวนฉี ฉีเซียวนั่งถือถ้วยชาอยู่ที่ศาลา มองแม่นางน้อยผู้นั้นฝึกวรยุทธ์
“วันนี้เจ้าดูอารมณ์ไม่ดี เป็นอะไรไป?”
“ไม่ใช่เพราะซ่งหานจือผู้นั้นหรือเจ้าคะ” ลู่จื่อชิงเอ่ย “ปกติยามข้ามาฝึกวรยุทธ์ เขาก็จะตามข้ามา ถึงแม้ข้าจะฝึกได้ไม่ดี เขาก็มักจะคอยปรบมือให้ วันนี้เขาไม่มา ข้ารู้สึกไม่สนุกแล้ว”
ฉีเซียวมองนางคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “เจ้าฝึกฝนเช่นนั้น ยังต้องให้คนมาคอยให้กำลังใจอีกหรือ?”
“นั่นไม่สำคัญ ที่สำคัญคือเขาไม่มากับข้าแล้ว” ลู่จื่อชิงขมวดคิ้ว “เหตุใดซ่งไท่ฟู่ถึงเชิญอาจารย์เพิ่มให้เขากันนะเจ้าคะ เดิมทีเขาก็เป็นบัณฑิตหัวกะทิของสำนักศึกษาหลวงอยู่แล้ว บัดนี้ยังเรียนเพิ่มอีก ต่อไปเขากล่าวสิ่งใดข้าคงฟังไม่เข้าใจ ท่านอาฉี ข้าเศร้าใจยิ่งนัก ที่บ้านมีพี่ชาย ข้างกายยังมีอัจฉริยะอย่างซ่งหานจืออีก”
“เจ้าเก่งบู๊ พวกเขาเก่งบุ๋น ไม่มีอะไรให้เปรียบเทียบ”
“ใช่แล้ว ซ่งหานจือบัณฑิตอ่อนแอผู้นั้นแบกอะไรก็ไม่ได้ ถืออะไรก็ไม่ไหว ภายหน้ายังต้องให้ข้าปกป้องเขา!”
“เจ้าไม่ได้อยากเป็นวีรสตรีผู้กล้าหาญเปี่ยมคุณธรรม ออกท่องโลกกว้างผดุงความอยุติธรรมหรือ? เจ้าฝึกวรยุทธ์เพื่อปกป้องเด็กผู้ชายตั้งแต่เมื่อใดกัน?” ฉีเซียวเอ่ยเย้าแหย่
ลู่จื่อชิงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “ซ่งหานจืออ่อนแอเพียงนั้น ภายหน้าจะต้องถูกคนรังแกอย่างแน่นอน ปกป้องเขาก็นับว่าเป็นการผดุงความยุติธรรมเช่นกัน”
ลู่จื่อชิงฝึกวรยุทธ์อยู่ที่บ้านของฉีเซียวเพียงลำพังเป็นเวลาสองวันติดต่อกัน
หลังกลับมาจากบ้านฉีเซียว นางก็เดินไปเคาะประตูจวนซ่ง
“คุณหนูรอง” พ่อบ้านเดินออกมา
“คุณชายพวกเจ้าเล่า?”
“คุณชายยังเรียนอยู่เลยขอรับ!”
“ยังเรียนอยู่อีกหรือ?” ลู่จื่อชิงเงยหน้ามองท้องฟ้า “นี่ก็มืดแล้ว เขายังเรียนอยู่หรือ?”
“ขอรับ…”
“ช่างเถิด เช่นนั้นพรุ่งนี้ค่อยพบ! ข้าจะกลับแล้ว”
“น้อมส่งคุณหนูรอง”
ณ สำนักตรวจการ ลู่ฉาวอวี่มองคนของตนที่นอนอยู่บนพื้นแล้วเอ่ยว่า “จู่ ๆ พวกเขาก็ตายอย่างนั้นหรือ?”
“ใต้เท้า เกรงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นครานี้จะไม่ใช่อุบัติเหตุ” ลู่เยี่ยเอ่ย “พอลองมองย้อนกลับไป ดูเหมือนสตรีผู้นั้นที่เราช่วยเอาไว้คราวก่อนจะจงใจเข้าหาเรา เกรงว่านางคงต้องการแพร่เชื้อให้เราเป็นแน่”
“หาตัวสตรีผู้นั้นออกมา บอกคนของเราว่า หากพบเห็นผู้ที่น่าสงสัยในระยะนี้ให้จับมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “เชิญท่านหมอหลวงติงจากสำนักหมอหลวงมาสักเที่ยว ตรวจหาสาเหตุการตายของพวกเขา”
ผู้ใต้บังคับบัญชาเหล่านี้ล้วนไม่ได้มีอาการเช่นเดียวกับลู่เยี่ย ดังนั้นพวกเขาอาจไม่ได้เป็นโรคเดียวกัน หากไม่ตรวจสอบเรื่องนี้ให้ถี่ถ้วน เกรงว่าทั่วทั้งเมืองหลวงจะไม่ปลอดภัยแล้ว
ยิ่งอำนาจของสกุลลู่ยิ่งใหญ่เพียงใด ยิ่งมีคนต้องการกำจัดสกุลลู่ให้ได้โดยเร็วเพียงนั้น ถึงแม้ตอนนี้ไม่มีผู้ใดกล้าล่วงเกินสกุลลู่ ทว่านั่นเป็นเพียงฉากหน้า ฉากหลังยังมีคนอีกมากมายนับไม่ถ้วนคอยสาปแช่งสกุลลู่ที่ขวางทางพวกเขา
ลู่ฉาวอวี่ในฐานะบุตรชายคนโตของสกุล ทั้งยังเป็นผู้ที่มีความสามารถและเก่งกาจมากที่สุดในรุ่นถัดไป แน่นอนว่าย่อมเป็นผู้ที่พวกเขาต้องการกำจัด หากไม่อาจจัดการกับลู่อี้ได้ แล้วเด็กคนเดียวจะจัดการไม่ได้เชียวหรือ?
ท่านหมอหลวงติงมาแล้ว
“คนเหล่านี้ถูกวางยาพิษ” ท่านหมอหลวงติงเอ่ย “ดูจากรอยเล็ก ๆ บนตัวพวกเขา คงถูกแมลงพิษบางชนิดต่อยหรือกัดเข้าแล้ว”
“ท่านหมอหลวงติง ท่านช่วยเตรียมยาที่สามารถรักษาพิษหลายร้อยชนิดได้หรือไม่?” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “ยากนักที่จะหาว่าเป็นแมลงพิษชนิดใด หากรอให้หาพบ เกรงว่าพวกเขาอาจรักษาชีวิตไว้ไม่ได้แล้ว หากมียาที่ระงับอาการไว้ได้ อย่างน้อยพวกเขาก็ยังมีโอกาสรอด หากข้าเดาไม่ผิด เกรงว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังที่คิดจะจัดการข้าคงจะไม่ได้ตัวเล็ก ๆ ข้าต้องการเวลาสืบหาตัวคนเหล่านี้ออกมา”
“ข้าทำได้” หมอหลวงติงเอ่ย “เรื่องอื่นไม่ต้องกล่าวถึง หากถูกกัดแล้วกินยาลงไปทันที อย่างน้อยก็ควบคุมการแพร่กระจายของพิษได้ จากนั้นค่อยกลับมารักษากับข้าอีกครั้ง ไม่ใช่เรื่องใหญ่”
ครึ่งเดือนต่อมา สำนักตรวจการมีคดีที่ต้องจัดการในมือมากขึ้น ลู่ฉาวอวี่มักจะต้องออกไปข้างนอก แม้กระทั่งสำนักตรวจการยังแทบไม่ได้กลับมา
“ถูกวางยาพิษหรือ?” มู่ซืออวี่เงยหน้าขึ้นมองซางจือ “ข่าวนี้เชื่อถือได้หรือไม่?”
“ข้างนอกล้วนเล่าลือกันเจ้าค่ะ กล่าวว่าคุณชายถูกวางยาพิษแล้ว ทางสำนักตรวจการกำลังวุ่นวายโกลาหล นายท่านจึงจัดเตรียมขุนนางคนอื่นเข้ามารับช่วงคดีไปดูแลต่อ” ซางจือกล่าว
มู่ซืออวี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ยังไม่ต้องสนใจ”
“ไม่ต้องสนใจหรือเจ้าคะ?” ชิงไต้เดินเข้ามา “เหตุใดเล่าเจ้าคะ? ”
“ท่านอัครมหาเสนาบดีของเราจัดการให้ขุนนางคนใหม่เข้ามาดูแลแทน ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวอย่างอื่นใช่หรือไม่?”
“เจ้าค่ะ”
“หากสถานการณ์ของฉาวอวี่ย่ำแย่ ในฐานะบิดา เขาย่อมไม่จัดการเพียงแค่นี้อย่างแน่นอน ดังนั้นคงไม่เป็นไร”
“ใช่เจ้าค่ะ! นายท่านปกป้องคนรอบตัวเสมอ ถึงแม้ปกติเขาจะไม่ได้เข้าไปยุ่งเรื่องคุณชาย แต่หากคุณชายใหญ่มีภัย เขาจะต้องไม่นิ่งเฉยอย่างตอนนี้แน่นอน” ซางจือเอ่ย
“ฝ่าบาทไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง ในเงามืดมีภูตผีปีศาจมากมายนับไม่ถ้วน ภาระที่พวกเขาพ่อลูกแบกไว้ไม่ได้ง่ายดาย” มู่ซืออวี่่เอ่ย “ที่เราต้องทำยามนี้คือคอยสนับสนุนและไม่สร้างปัญหาให้พวกเขาสองพ่อลูก”
“ยังเป็นฮูหยินที่นิ่งสุขุม”
มู่ซืออวี่นิ่งสุขุมหรือ?
นางจะนิ่งสุขุมได้อย่างไร?
ถึงแม้จะวิเคราะห์ได้ว่าเรื่องราวเป็นเช่นนี้ แต่เมื่อคิดว่าลู่ฉาวอวี่อาจถูกวางยาพิษจริง ๆ นางก็ยังคงเป็นกังวลอยู่ดี
มู่ซืออวี่นั่งรถม้าไปยังสำนักตรวจการ
หากนางที่เป็นมารดาผู้นี้ไม่ทำอะไรเลย เช่นนั้นจะทำให้ผิดสังเกตได้
ไม่ว่าพวกเขาพ่อลูกกำลังทำสิ่งใด ตอนนี้สิ่งที่นางต้องทำคือไปหาลู่ฉาวอวี่ตามความต้องการของตนเอง
ขณะที่มู่ซืออวี่เข้าไปในสำนักตรวจการ คนที่อยู่บนถนนฝั่งตรงข้ามก็ลอบหนีไปเงียบ ๆ
คนผู้นั้นตรงไปในตรอกแห่งหนึ่ง แล้วเข้าไปในบ้านโกโรโสที่อยู่ในนั้น
“สำเร็จแล้วขอรับ” คนผู้นั้นเอ่ย “ทั้งสามีและภรรยาสกุลลู่ล้วนอยู่ในสำนักตรวจการ ลู่ฉาวอวี่ก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน หากเราจัดการกับคนในสำนักตรวจการคืนนี้ อาณาจักรฮุ่ยจะต้องเกิดความวุ่นวายอย่างแน่นอน ฮ่องเต้อาณาจักรฮุ่ยที่อยู่ทางนั้นต้องวอกแวกเป็นแน่”
“ลงมือราตรีนี้”
ในบ้านโกโรโกโสหลังนั้น คนสวมหน้ากากหลายสิบคนแสดงสีหน้าเย็นชาออกมา
ในฐานะหน่วยกล้าตายของอาณาจักรเหลียง ภารกิจของพวกเขาในครั้งนี้คือการจัดการสกุลลู่ นำความวุ่นวายโกลาหลมาสู่อาณาจักรฮุ่ย
พวกเขาใคร่ครวญอยู่นาน ท้ายที่สุดจึงตัดสินใจลงมือกับลู่ฉาวอวี่…