สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 861 ยังมีเภทภัยอีกครั้งหนึ่งรอข้าอยู่
- Home
- สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派]
- บทที่ 861 ยังมีเภทภัยอีกครั้งหนึ่งรอข้าอยู่
บทที่ 861 ยังมีเภทภัยอีกครั้งหนึ่งรอข้าอยู่
บทที่ 861 ยังมีเภทภัยอีกครั้งหนึ่งรอข้าอยู่
“ท่านอยากให้ข้ากลับเมืองหลวงก่อนจริง ๆ หรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยถาม
“ใช่แล้ว” เซี่ยชิงโจวกล่าว “กระหม่อมจะรั้งอยู่ที่นี่อีกสักสองสามวัน”
“ท่านยุ่งมากจริง ๆ หรือว่าไม่อยากกลับเมืองหลวงไปพร้อมกับพวกเรากันแน่?”
“เหลวไหล กระหม่อมจะไม่อยากกลับไปพร้อมพวกท่านได้อย่างไร?”
“ใต้เท้าเซี่ยไม่กล้าร่วมทางไปกับเราหรือ?” ติงเซียงที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยกระเซ้า “บ่าวนับนิ้วทำนายดูแล้ว เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับแม่นางหมิงอย่างแน่นอน”
เซี่ยชิงโจวยกชาขึ้นจิบ ปิดบังท่าทีร้อนตัวในแววตาของเขา
“ใต้เท้าเซี่ยไม่อยากร่วมทางไปกับข้า ทว่าข้ากลับยังต้องรอท่าน อย่างไรเสีย ยังมีเภทภัยอีกครั้งหนึ่งรอข้าอยู่ ใต้เท้าเซี่ยคงไม่อยากให้ข้าต้องเผชิญตามลำพังกระมัง?” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าว
เซี่ยชิงโจววางถ้วยชาลงแล้วมองนางด้วยสีหน้าจริงจัง “เหตุใดฮองเฮาจึงตรัสเช่นนั้น?”
“ใต้เท้าเซี่ย ท่านอยู่ที่หนานโจวนานเกินไปแล้ว ลืมแล้วหรือว่าเรายังมีเสบียงจำนวนหนึ่งอยู่ในมือของพวกโจร?” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ตอนที่ข้าออกมาจากเมืองหลวง ข้าได้เตรียมการให้แม่ทัพหลายคนไปปราบโจรบริเวณรอบ ๆ นี้แล้ว ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าแม่ทัพหลายท่านทั้งกล้าหาญและเชี่ยวชาญในการสู้รบ พวกเขากำจัดโจรไปมากมาย ในทางกลับกัน พวกเขาไม่พบเสบียงของเราที่หายไป เช่นนั้นท่านคิดว่าหากข้ากลับเมืองหลวง คนชั่วที่ชักใยอยู่เบื้องหลังจะปล่อยข้าไปหรือ?”
“ฮองเฮา โปรดรออีกสักสองสามวัน หลังจากกระหม่อมจัดการเรื่องที่เหลือเสร็จแล้วจะกลับไปพร้อมกับพระนาง” เซี่ยชิงโจวลุกขึ้นยืน ประกบมือเอ่ย “กระหม่อมทำให้ฮองเฮาต้องเสี่ยงภัยด้วยตนเองแล้ว คราวนี้ กระหม่อมจะพาฮองเฮากลับไปอย่างปลอดภัยแน่นอน ไม่เช่นนั้นกระหม่อมคงผิดต่อราษฎรอาณาจักรเฟิ่งหลินและผิดต่อความไว้วางใจของสหายที่ดีของกระหม่อม”
ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยอย่างใจเย็น “ดี”
หลายวันต่อมา ลู่จื่ออวิ๋นกับเซี่ยชิงโจวและคนอื่น ๆ เตรียมตัวออกจากหนานโจวอย่างลับ ๆ ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะออกเดินทางก่อนรุ่งสาง
อย่างไรก็ตาม ขณะที่รถม้าของพวกเขากำลังเคลื่อนออกไป ถนนทั้งสายก็สว่างไสวไปด้วยแสงไฟ เหล่าราษฎรยืนถือคบเพลิงอยู่สองฝั่งของถนน
“ฮองเฮา ใต้เท้าเซี่ย หนานโจวกลับมามีชีวิตเพราะมีพวกท่าน หากพวกท่านกลับไปยังเมืองหลวงแล้ว โปรดอย่าได้ลืมพวกเรา ราษฎรหนานโจวจะไม่มีวันลืมพระคุณของพวกท่าน พวกเราหารือกันแล้ว หนานโจวจะสร้างรูปปั้นของฮองเฮา ราษฎรหนานโจวไม่เชื่อในศาสนาพุทธหรือศาสนาอื่นใด เชื่อเพียงฮองเฮาของพวกเราเท่านั้น”
“ฮองเฮา ขอทรงเดินทางโดยปลอดภัย”
ภายใต้ท้องฟ้าที่มืดมิด คำว่า ‘เดินทางโดยปลอดภัย’ ดังกึกก้องอยู่เป็นเวลานาน
ลู่จื่ออวิ๋นไม่ได้ลงจากรถม้า เพียงแต่นั่งอยู่ในรถม้า โบกมือให้ทุกคน “กลับไปเถิด ดูแลตนเองดี ๆ ต่อไปชีวิตของพวกท่านจะดีขึ้นอย่างแน่นอน หากมีความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นในภายหน้า เพียงแค่ร้องเรียนกับทางการ ข้าจะต้องช่วยเหลือพวกท่านเป็นแน่”
“ฮองเฮา พวกเราจะหมั่นเรียนหนังสือและกลายเป็นเสาหลักของอาณาจักรเฟิ่งหลินให้ได้” เด็กกลุ่มหนึ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วกังวานใส
ลู่จื่ออวิ๋นน้ำตาคลอเบ้า พยักหน้าน้อย ๆ ด้วยรอยยิ้ม
รอบทิศทางเต็มไปด้วยแสงจากคบเพลิง ทุกคนล้วนมองเห็นใบหน้าของนางได้อย่างชัดเจน
ลู่จื่ออวิ๋นนั้นงดงามมาก งดงามราวกับเทพธิดา ทว่าในสายตาของราษฎร สิ่งที่สวยงามที่สุดของฮองเฮาไม่ใช่รูปโฉมโนมพรรณของนาง แต่เป็นจิตใจที่รักราษฎรดั่งบุตรชาย
พวกเขาจะสวดภาวนาให้นาง อธิษฐานขอพรให้นางคลอดลูกอย่างปลอดภัย ขอให้นางไร้ซึ่งความกังวลทั้งชีวิต ขอให้นางได้รับพรในยามยากลำบาก
เวลารุ่งสาง ขบวนรถม้าเคลื่อนออกจากหนานโจวมาไกลแล้ว
ติงเซียงเห็นดวงตาสีแดงเรื่อของลู่จื่ออวิ๋นจึงกล่าวว่า “ฮองเฮา บ่าวสังเกตว่าตอนนี้ท่านมักจะร้องไห้อยู่บ่อยครั้ง หรือว่าท่านกำลังจะกลายเป็นมารดาแล้วจึงอารมณ์อ่อนไหวมากขึ้นเพคะ?”
“รู้ก็ดี อย่าได้ทำให้ข้าโกรธเล่า” ลู่จื่ออวิ๋นเช็ดหางตาของตนเอง “เด็ก ๆ เหล่านั้นน่ารักจริงเชียว ข้าหวังว่าเวลาจะเร็วขึ้นอีกหน่อย จะได้เห็นพวกเขาเติบใหญ่ขึ้น”
“ถึงตอนนั้นฮองเฮาคงเป็นท่านยายตัวน้อย ๆ แล้ว” ติงเซียงเอ่ยเย้าแหย่ “คงไม่ได้งดงามอย่างตอนนี้นะเพคะ!”
หมิงจือเหยียนจึงเอ่ยขึ้น “ข้ารู้วิธีดูแลผิวพรรณทำให้ฮองเฮาคงความเยาว์วัยตลอดไป”
“จริงหรือ?” ติงเซียงชี้ไปที่ตนเอง “ข้าก็อยากทำได้เช่นกัน”
“ย่อมได้”
ลู่จื่ออวิ๋นเหลือบมองเซี่ยชิงโจวที่อยู่ข้างนอกแวบหนึ่ง “เจ้ากับใต้เท้าเซี่ยเป็นอย่างไรบ้าง?”
หมิงจือเหยียนเบะปากแล้วเอ่ยว่า “คนมักมากบ้าตัณหาเช่นนั้นมีอะไรเกี่ยวข้องกับหม่อมฉัน? ก่อนหน้านี้เห็นเขาทำเพื่อราษฎรจนได้รับบาดเจ็บ หม่อมฉันจึงไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับเขา ตอนนี้เขาดีขึ้นแล้ว แค่กระทั่งเห็นเขาหม่อมฉันก็ยังรู้สึกขยะแขยง”
“จือเหยียน พวกเราก็นับว่าเป็นสหายที่ดีต่อกันแล้ว เจ้าอย่าได้เก็บความลับไว้เพียงลำพังเลย เอ่ยออกมาให้ทุกคนได้ให้คำปรึกษาเจ้าเถิด” ลู่จื่ออวิ๋นเขย่าแขนของหมิงจือเหยียนไปมา
หมิงจือเหยียนยิ้ม แล้วกล่าวออกมาด้วยความโมโห “ฮองเฮายิ่งเหมือนเด็กขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ท่านอยากฟังละครก็บอกว่าอยากฟังละครเถิด เหตุใดต้องกล่าวให้ตนเองดูสง่าผ่าเผยเช่นนี้เล่า”
“เช่นนั้นเจ้าจะเล่าหรือไม่เล่า!” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “การเดินทางนี้ยังอีกยาวไกล เจ้าก็ถือเสียว่าเล่าเรื่องให้เราฟังก็แล้วกัน”
“อันที่จริงไม่มีอะไร” หมิงจือเหยียนกล่าว “ถึงแม้ครานั้นเขาจะถือว่าช่วยหม่อมฉัน แต่ก็ยังลงมือแตะต้องหม่อมฉัน คนเช่นนี้ หม่อมฉันไม่ฆ่าเขาทิ้งก็ดีแค่ไหนแล้ว”
“นึกไม่ถึงว่าใต้เท้าเซี่ยจะเป็นคนเช่นนี้…” ไป๋จื่อประหลาดใจ “ดูไม่เหมือนจะเป็นเช่นนั้นเลยนะเพคะ! ปกติแล้วเขาค่อนข้างเป็นสุภาพบุรุษทีเดียว”
“สุภาพบุรุษจอมปลอม เสแสร้งแกล้งทำ” หมิงจือเหยียนแค่นเสียงอย่างเย็นชา
เซี่ยชิงโจวควบม้าเข้ามา เอ่ยกับลู่จื่ออวิ๋นว่า “ฮองเฮา ทางข้างหน้าเป็นที่ที่ซื่อจื่ออันกั๋วกงสูญเสียเสบียงไปพ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านคงส่งคนไปตรวจสอบมาล่วงหน้าแล้วกระมัง?” ลู่จื่ออวิ๋นไม่เชื่อว่าเซี่ยชิงโจวจะไม่ได้ตรวจสอบมาล่วงหน้า
ด้วยนิสัยของเขาแล้ว จะทำเรื่องใดย่อมพยายามให้ไร้ข้อผิดพลาดให้ได้มากที่สุด เขาไม่มีทางสู้ศึกที่ไม่แน่ใจว่าจะชนะ
“แถบนี้มีโจรชุกชุมไม่น้อย อย่างที่ฮองเฮากล่าว แม่ทัพถังนำคนมาเก็บกวาดที่นี่ โจรแถบนี้ถูกกวาดล้างไปแล้ว ทว่าเสบียงบรรเทาทุกข์ของเรายังไร้ร่องรอย”
“เช่นนั้น…”
“กระหม่อมได้ส่งคนไปตรวจดูว่ามีผู้ที่น่าสงสัยหรือไม่ ทว่าเหตุการณ์ผ่านไปนานแล้ว คนที่ส่งไปจึงไม่พบหลักฐานใด ๆ อย่างไรก็ตาม ฮองเฮาได้ส่งคนมาตรวจสอบที่นี่ครั้งเดินทางไปยังหนานโจวแล้ว ถึงแม้ใต้เท้าท่านนั้นจะไม่พบสิ่งใด แต่กลับรวบรวมหลักฐานได้ไม่น้อย หลักฐานนั้นแม่นางไป๋จื่อคนข้างกายฮองเฮานำใส่กล่องไว้ กระหม่อมถือวิสาสะคาดเดาตามหลักฐานที่มี บัดนี้เหลือเพียงยืนยันเท่านั้น”
“ได้ ข้าฟังท่าน”
“ฮองเฮา ความหมายของกระหม่อมคือไม่อยากให้ฮองเฮาต้องเสี่ยง แม่นางไป๋จื่อและแม่นางติงเซียงล้วนมีฝีมือ หากให้พวกนางปลอมตัวเป็นท่านจะปลอดภัยยิ่งกว่า”
“บ่าวเห็นด้วยเพคะ” ติงเซียงพยักหน้า
“ถึงแม้ใบหน้าของท่านจะไม่อาจปลอมได้ ทว่าในฐานะฮองเฮา ยามออกไปข้างนอกสวมหมวกม่านก็เป็นกฎเช่นกัน” หมิงจือเหยียนเอ่ย “หม่อมฉันก็ไม่อยากให้เสี่ยง อย่างไรเสียท่านในตอนนี้ก็มิได้ตัวคนเดียวแล้วนะเพคะ”
ลู่จื่ออวิ๋นมองท้องของตน “ย่อมได้”
นางเองก็ไม่อยากเสี่ยงเช่นกัน อย่างไรเสีย นางก็ไม่อาจให้ลูกในท้องเผชิญกับความผิดพลาดใด ๆ ได้
“อีกประเดี๋ยวฮองเฮาลงจากรถม้าเสียก่อน กระหม่อมจัดเตรียมคนมาพบท่านที่นี่ ถึงตอนนั้นจะพาฮองเฮาไปยังที่ที่ปลอดภัยสักสองสามวัน หลังจากเรื่องจบลงแล้ว พวกเราค่อยกลับมาหาท่าน”
“ยึดความปลอดภัยของตนเองเป็นอันดับแรก หากพบสิ่งผิดปกติให้รีบพาพวกเขาหลบหนีมาทันที” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าว “อย่าได้ปะทะกันซึ่งหน้า”
“ฮองเฮาโปรดวางใจ กระหม่อมยังรอเป็นพ่อบุญธรรมขององค์ชายน้อย ย่อมไม่ยอมให้ตนเองเสี่ยงอย่างแน่นอน”