สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 871 จิตใจแม่ลูกสื่อถึงกัน
บทที่ 871 จิตใจแม่ลูกสื่อถึงกัน
หนึ่งเดือนให้หลัง เรือก็เทียบท่า
มู่ซืออวี่เรียกฉินโม่ถงมาแล้วถามเขาว่ามีที่ที่อยากไปหรือไม่
ฉินโม่ถงคุกเข่าลงแล้วโขกหัวคำนับมู่ซืออวี่
“ได้ยินว่าเจ้าฉลาดมาก ภายในระยะเวลาสั้น ๆ ยังเรียนรู้คำศัพท์ได้มากมาย เขียนความคิดของเจ้าออกมาเถอะ” มู่ซืออวี่กล่าว
ฉินโม่ถงไม่ได้ปิดบังความสามารถของตนต่อหน้ามู่ซืออวี่
เขาเขียนด้วยลายมือที่แท้จริงออกมาหนึ่งประโยค ‘ฮูหยินได้โปรดพาข้าไปด้วย’
หลังจากอยู่ด้วยกันมาชั่วระยะหนึ่ง ฉินโม่ถงได้ละทิ้งความระแวดระวังที่มีต่อพวกเขาแล้ว ขณะเดียวกันก็เข้าใจว่าการตัดสินใจเด็ดขาดอยู่ในมือสตรีตรงหน้า อีกทั้งนางยังไม่ใช่ผู้ที่หลอกลวงได้ง่าย ๆ
เขาไตร่ตรองอยู่นาน ท้ายที่สุดคำโกหกย่อมถูกเปิดโปง หากเขาเลือกที่จะหลอกลวงด้วยการโกหกต่อไป สุดท้ายเขาย่อมไม่ได้สิ่งใด แต่หากจริงใจ บางทีอาจพอมีหวังอยู่บ้าง
“ลายมือไม่เลว” มู่ซืออวี่เอ่ย “เจ้าไม่ได้มาจากอาณาจักรเฟิ่งหลิน”
ฉินโม่ถงพยักหน้า
“เจ้ามาจากอาณาจักรเหลียง”
เขาพยักหน้าอีกครั้ง
“เจ้ามีศัตรูและตอนนี้เจ้ากำลังหลบหนีพวกเขา”
ฉินโม่ถงยังคงพยักหน้าอีกครั้ง
“อาณาจักรเหลียงกำลังทำสงครามกับเรา พวกเราไม่ควรให้เจ้ารั้งอยู่” มู่ซืออวี่เอ่ย “หากเจ้าโน้มน้าวข้าได้ ข้าอาจพิจารณาคำขอของเจ้า”
ลู่จื่อชิงแนบติดอยู่กับฝาผนัง เงี่ยหูฟังเสียงจากข้างใน
“ไม่ได้ยินสิ่งใดเลย”
ซ่งหานจือกระตุกชายเสื้อลู่จื่อชิงเบา ๆ
ซ่งหานจือไร้ทางเลือก ทำได้เพียงคำนับมู่ซืออวี่ที่อยู่ตรงหน้าต่าง “ท่านป้ามู่”
ลู่จื่อชิงเงยหน้าขึ้น สบกับสายตาของมารดาที่ดูเหมือนยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้ม
“ท่านแม่” ลู่จื่อชิงลุกขึ้นแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “น้องชายกำลังร้องหาท่าน ข้าบอกเขาว่าท่านมีเรื่องต้องทำ เขากลับไม่ฟัง”
ลู่ฉาวจิ่งที่กำลังเล่นว่าวอยู่บนดาดฟ้าเรือ “…”
เขากะพริบตาปริบ ๆ มองอาจารย์ซ่งที่อยู่ข้าง ๆ “พี่สาวบ้านอื่นก็ไร้ยางอายเพียงนี้หรือขอรับ?”
อาจารย์ซ่งกระดกสุราแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่สาวบ้านอื่นรักน้องชายน้องสาวมากที่สุด เพียงแต่พี่สาวบ้านเจ้าผู้นี้ไร้ยางอายต่างหาก ผู้ใดให้เจ้าเกิดช้าเล่า อดทนเอาเถิด! อย่างไรเสียเจ้าก็ชนะนางไม่ได้”
มู่ซืออวี่ไม่ได้เปิดโปงอุบายของลู่จื่อชิง แต่กล่าวว่า “ประเดี๋ยวจะขึ้นฝั่งแล้ว รีบเก็บสัมภาระเถิด”
“ท่านแม่ โม่ถงเล่า?”
“หานจือไม่ได้พาเด็กรับใช้มา เช่นนั้นให้เขาติดตามหานจือนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเถิด” มู่ซืออวี่เอ่ย “ถึงแม้อายุเขาจะไม่มาก ทว่าอยู่ในวัยสิบกว่าปีแล้ว ไม่เหมาะที่จะอยู่ข้าง ๆ เจ้า เข้าใจหรือไม่?”
“ข้ารู้แล้ว” ลู่จื่อชิงพรูลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ฉินโม่ถงพูดไม่ได้ นางเห็นว่าเขาไร้ที่ไปจึงกังวลว่ามู่ซืออวี่จะไล่เขา นางจึงแอบฟังการสนทนาข้างในแต่กลับไม่ได้ยินสิ่งใดทั้งสิ้น
ขอเพียงเขารั้งอยู่ได้ ติดตามผู้ใดล้วนเหมือนกัน นอกจากนี้ ซ่งหานจือยังนิสัยดีเพียงนั้น ฉินโม่ถงติดตามเขาได้ก็ไม่เลว อย่างน้อยก็ไม่ถูกรังแก
หลังจากขึ้นฝั่งแล้ว ลู่จื่อชิงก็กวาดตามองทิวทัศน์ต่างอาณาจักร รู้สึกเบิกบานใจเป็นพิเศษ
ทุกดินแดนล้วนมีขนบธรรมเนียมประเพณีของตนเอง อำนาจของอาณาจักรเฟิ่งหลินนั้นไม่สู้อาณาจักรฮุ่ย ทว่าก็มีลักษณะเฉพาะตนเช่นกัน นอกจากนี้ ลู่จื่อชิงยังเป็นคนที่เอาตัวรอดได้ ไม่ว่าจะไปที่ใดล้วนปรับตัวได้ดี
“ชิงเอ๋อร์ เจ้าอย่าเพ่นพ่านไปทั่วเล่า”
“ท่านแม่ ที่นี่งามยิ่งนัก!
“อืม”
“ท่านแม่ หากเป็นท่าน ท่านจะสร้างอะไรไว้ที่นี่?”
“ในอาณาจักรเฟิ่งหลินมีผู้อยู่อาศัยใกล้ทะเลเป็นจำนวนมาก ใกล้เขากินของบนเขา ใกล้ทะเลกินของในทะเล ข้าจะพัฒนาพื้นที่ใกล้ทะเลให้กลายเป็นแหล่งค้าอาหารทะเลขึ้นชื่อ ทำให้ทุกอาณาจักรได้ทานอาหารทะเลขึ้นชื่อของอาณาจักรเฟิ่งหลิน” มู่ซืออวี่กล่าว
ดังคำกล่าวที่ว่ายิ่งใกล้บ้านยิ่งกระสับกระส่าย ทว่าสำหรับมู่ซืออวี่แล้ว นี่ไม่ใช่บ้านเกิดนาง หากแต่เป็นที่ที่เข้าใกล้ลูกสาวของนางมากขึ้นเรื่อย ๆ
ยิ่งนางใกล้ถึงเมืองหลวงของอาณาจักรเฟิ่งหลินมากขึ้นเพียงใด มู่ซืออวี่ก็รู้สึกราวกับได้สัมผัสลมหายใจของลูกสาวในอากาศมากขึ้นเพียงนั้น
ในฐานะมารดา ลูกสาวแต่งงานออกไปห่างไกลบ้าน นางจะไม่คิดถึงได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตาม นางรู้ว่าลูกสาวของนางเลือกความรัก สิ่งที่นางต้องทำคือไม่เป็นห่วงอีกฝ่ายมากเกินไปนัก เพื่อไม่ให้ลู่จื่ออวิ๋นที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างแว่นแคว้นต้องทุกข์ใจ
“ท่านแม่ ท่านเขียนจดหมายถึงพี่หญิงเรื่องที่พวกเราจะมาหรือไม่?”
“ไม่ได้เขียน”
“เช่นนั้นจู่ ๆ เราก็ปรากฏตัว ท่านคิดว่าพี่หญิงจะประหลาดใจหรือตกใจกลัวมากกว่ากัน?”
ณ พระตำหนักฮองเฮา
เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังออกมาจากข้างในระลอกแล้วระลอกเล่า
หมอหลวงและหมอดูแลครรภ์คอยเฝ้าอยู่ข้างใน เสียงของหมอดูแลครรภ์ดังขึ้นเป็นครั้งคราว
“ฮองเฮาอย่าตระหนกไปเลยนะเพคะ เด็กอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องแล้ว ทั้งยังเจริญเติบโตเป็นอย่างดี พระวรกายของฮองเฮาก็แข็งแรงเช่นกัน จะต้องประสูติพระโอรสองค์น้อยได้อย่างปลอดภัยเป็นแน่ ขอทรงผ่อนคลาย คิดถึงมารดาของพระนาง…”
ซ่างกวนหมิงเสียเดินวนไปวนมาอยู่หน้าประตู นางพยายามจะเข้าไปข้างในหลายครั้งแล้วทว่าถูกอู่อันอ๋องขวางไว้
เสียงร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวดของลู่จื่ออวิ๋นดังมาจากข้างใน
ได้ยินเสียงนี้แล้วซ่างกวนหมิงเสียก็รู้สึกปวดใจเป็นอย่างยิ่ง
“ไยท่านต้องดึงข้าไว้? เฉิงจิ่นไม่อยู่ ข้าจะเข้าไปอยู่กับอวิ๋นเอ๋อร์เพื่อให้นางได้รู้สึกดีขึ้นสักหน่อย”
“นี่เป็นลูกคนแรกของลูกสะใภ้ ย่อมคลอดช้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ หมอดูแลครรภ์และหมอหลวงอยู่ข้างในทั้งคู่ แม่นางหมิงที่ทักษะการรักษาไม่เลวผู้นั้นก็อยู่ข้างใน ท่านไม่ต้องเข้าไปแล้ว ท่านเลือดลมไม่ดี หากเข้าไปเป็นลมจะไม่ทำให้ลูกสะใภ้กังวลยิ่งกว่าเดิมหรือ ท่านจะช่วยนางหรือทำร้ายนางกันแน่?”
“ข้า… ไม่ใช่ว่าข้าไม่เห็นว่าเฉิงจิ่นไม่อยู่หรือ มารดานางก็ไม่ได้อยู่กับนาง ข้าย่อมตัดใจปล่อยนางไว้ไม่ได้!” ซ่างกวนหมิงเสียคร่ำครวญ “พวกท่านบุรุษไม่รู้ความเจ็บปวดจากการคลอดบุตรของสตรี ข้าช่างไร้ประโยชน์เสียจริง ไม่อาจช่วยอะไรได้เลย ข้าสงสารอวิ๋นเอ๋อร์ เดิมทีนางเป็นบุตรที่ได้รับการทะนุถนอมมากที่สุดในบ้าน ยามนี้นางกลับต้องทนทุกข์ทรมาน”
อู่อันอ๋องพลันปวดหัวขึ้นมา
ตอนนั้นที่ลูกสะใภ้ตั้งครรภ์ ภรรยาผู้นี้ของเขามีความสุขมากเสียจนนอนไม่หลับทั้งคืน วันถัดมาฟ้าไม่ทันสางก็บึ่งไปที่ห้องเครื่องเพื่อดูหมอหลวงทำเครื่องเสวย จากนั้นก็เฝ้าดูทุก ๆ มื้ออาหารเพราะเกรงว่าจะมีอะไรผิดพลาด บัดนี้ใกล้คลอดบุตรแล้ว นางรู้สึกว่าการคลอดบุตรเป็นเรื่องเจ็บปวด เห็นได้ว่าสตรีผู้นี้อารมณ์อ่อนไหว ไม่ว่าจะมีเหตุผลหรือไม่ อย่างไรเสียสิ่งที่นางกล่าวล้วนถูกต้อง
ติงเซียงออกมาจากข้างใน
“เจ้าออกมาทำอะไร? ขาดสิ่งใดหรือไม่?”
“หมอดูแลครรภ์บอกว่าปากมดลูกของฮองเฮายังขยายไม่พอเพคะ เกรงว่าจะไม่คลอดเร็ว ๆ นี้ นางจึงให้เรามาเตรียมเครื่องเสวยให้พระนาง บางทีอิ่มแล้วอาจมีแรงเบ่ง เช่นนี้จะได้คลอดง่ายขึ้นเพคะ”
“เช่นนั้นเจ้ารีบไปเตรียมเถิด” ซ่างกวนหมิงเสียเอ่ย “เตรียมเครื่องเสวยดี ๆ ไว้ให้นาง”
“องค์หญิง…” ขันทีผู้ดูแลวิ่งเข้ามา “นอกวัง… นอกวังมีคนมากมายกล่าวว่าพระชายาผู้สำเร็จราชการแทนอาณาจักรฮุ่ย หรือก็คือมารดาฮองเฮาและน้องชายน้องสาวมาที่นี่พ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ?!”
“มารดา น้องชาย และน้องสาวฮองเฮามาพ่ะย่ะค่ะ อยู่ด้านนอกพระราชวังแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“เรื่องเช่นนี้จะทำลวก ๆ ไม่ได้ พวกเรารีบไปต้อนรับเถิด” ซ่างกวนหมิงเสียเอ่ยกับอู่อันอ๋อง
อู่อันอ๋องรีบพยักหน้าโดยเร็ว “ช่างบังเอิญยิ่งนัก นึกไม่ถึงว่ามารดาของลูกสะใภ้จะมายามนี้ เห็นได้ชัดว่าแม่ลูกจิตใจสื่อถึงกัน จะต้องสัมผัสบางอย่างได้เป็นแน่”
ลู่จื่ออวิ๋นเหงื่อโซมกาย ดูไร้เรี่ยวแรงยิ่ง
“ไป๋จื่อ ข้าได้ยินว่าเสด็จแม่บอกว่าท่านแม่กับน้องชายน้องสาวข้ามาที่นี่ ข้าหูฝาดไปหรือไม่?”
หมิงจือเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “ฮองเฮาไม่ได้หูฝาดเพคะ พวกเขามาแล้วจริง ๆ”