สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 877 ราษฎรเป็นน้ำ กษัตริย์เป็นเรือ
- Home
- สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派]
- บทที่ 877 ราษฎรเป็นน้ำ กษัตริย์เป็นเรือ
บทที่ 877 ราษฎรเป็นน้ำ กษัตริย์เป็นเรือ
กรมพระคลัง
อาลักษณ์ที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “ใต้เท้าเสนาบดี รองผู้บัญชาการกององครักษ์มาที่นี่พร้อมกับป้ายคำสั่งของฮองเฮา พวกเราไม่ไว้หน้าเขา นี่จะไม่เหมาะสมไปหน่อยหรือขอรับ? หากเรื่องไปถึงฮองเฮา พวกเราทั้งกรมพระคลังกินไม่หมดต้องห่อกลับนะขอรับ”
“ข้าส่งคนไปสอบถามแล้ว ผู้ที่ถือป้ายคำสั่งคือน้องสาวของฮองเฮา คุณหนูรองลู่ที่มาจากอาณาจักรฮุ่ยผู้นั้น คนจากอาณาจักรฮุ่ยคิดจะแทรกแซงเรื่องภายในของอาณาจักรเฟิ่งหลินเรา นี่มีเหตุผลที่ใดกัน? นอกจากนี้ ตอนนี้ชายแดนมีสงคราม พ่อค้าวาณิชจากที่อื่นผ่านเข้ามาน้อยลง ผ้าของอาณาจักรเฟิ่งหลินย่อมไม่อาจขายออกไป แน่นอนว่าย่อมไม่อาจให้ราคาดีกับผู้เลี้ยงไหม ท้องพระคลังร่อยหรอ ข้าจึงต้องรับรังไหมมากมายเพียงนี้ในราคาต่ำที่สุด ถึงแม้พระนางฮองเฮาจะไม่พอพระทัย อย่างไรขุนนางพลเรือนและขุนนางทหารในราชสำนักก็จะต้องเข้าข้างเรา”
“ชื่อเสียงของคุณหนูรองลู่ผู้นั้นไม่สู้ดีนัก”
“ไม่ว่าชื่อเสียงของนางจะเลวร้ายเพียงใด นางจะกล้าบุกมาที่กรมพระคลังของเราหรือ? หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะถามฮองเฮาว่า เรื่องภายในของอาณาจักรเฟิ่งหลินต้องให้คนของอาณาจักรฮุ่ยมาจัดการตั้งแต่เมื่อใด? หรือนางเห็นว่าฝ่าบาทไม่อยู่ ก็คิดจะให้คนจากอาณาจักรฮุ่ยมารับตำแหน่งเป็นขุนนางอาณาจักรเฟิ่งหลิน หากเป็นเช่นนี้ การกระทำนี้ของฮองเฮานับว่ามีเจตนาไม่ดีแล้ว!”
ด้านนอกเกิดเสียงวุ่นวายดังขึ้น
บ่าวรับใช้ของกรมพระคลังเดินเร่งรีบเข้ามา
“ใต้เท้า ท่าไม่ดีแล้ว ข้างนอกมีผู้เลี้ยงไหมมาปิดล้อมเป็นจำนวนมากขอรับ”
เสนาบดีกรมพระคลังขมวดคิ้ว “ผู้เลี้ยงไหมมาปิดล้อม? นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
“พวกเขากล่าวว่าใต้เท้ากอบโกยเงินพวกเขาเข้ากระเป๋าตนเองขอรับ” บ่าวรับใช้เอ่ยด้วยความระมัดระวัง
“ชนชั้นต่ำพวกนั้นกล้าก่อเรื่องรึ! มีกี่คน? จับโยนเข้าคุกกรมอาญาให้หมดซะ” เสนาบดีกรมพระคลังเอ่ยอย่างเยือกเย็น
“บางทีคุกกรมอาญาอาจรองรับไม่ไหวนะขอรับ” บ่าวรับใช้เอ่ย “คนมามากมายเกินไป นับไม่หวาดไม่ไหวเลยขอรับ เบื้องต้นคาดการว่ามีผู้เลี้ยงไหมหลายร้อยคน อีกทั้งยังมีแนวโน้มว่าจะมีคนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ขอรับ”
“มากขนาดนี้เลยหรือ?” อาลักษณ์ที่อยู่ข้าง ๆ เริ่มตื่นตระหนก “ใต้เท้า จะทำอย่างไรดีขอรับ?”
“ร้อนรนอะไร?” เสนาบดีกรมพระคลังเอ่ย “ข้าจะออกไปดูเอง”
ประตูเปิดออก เสนาบดีกรมพระคลังกวาดตามองฝูงชนที่ออกันอยู่หนาแน่นตรงหน้า คิ้วหร็อมแหร็มของเขาพลันกระตุก
หากไม่เห็นด้วยตาตัวเอง คงนึกภาพที่มีคนนับร้อยปิดล้อมกรมพระคลังไม่ออกแม้แต่น้อย
“พวกเจ้าคิดจะกบฏหรือไร?” เสนาบดีกรมพระคลังเอ่ยเสียงเย็น “ที่นี่คือจวนว่าการของกรมพระคลัง พวกเจ้าปิดล้อมเราอยู่ที่นี่ อยากจะถูกจับโยนเข้าคุกหรือไร?”
“พวกเราเพียงต้องการขอความเป็นธรรม”
“ใช่! เหตุใดหมู่บ้านไป๋เฮ่อจึงได้ราคารังไหมราคาเดียวกับเมื่อปีก่อน ๆ ราคาที่พวกเราได้ไม่พอแม้กระทั่งให้พวกเราดื่มน้ำแกงด้วยซ้ำ?”
“วันนี้จะต้องให้คำอธิบายกับพวกเรา”
เสนาบดีกรมพระคลังมีสีหน้าไม่น่ามองขึ้นมาทันที
เดิมทีต้องให้ราคาสูงแก่หมู่บ้านไป๋เฮ่อก็ทำให้เขาไม่สบอารมณ์มากแล้ว ทว่าคุณหนูรองลู่ออกหน้าแทรกแซงจึงไม่อาจทำอะไรได้ ถือเสียว่าเป็นการสร้างน้ำใจต่อนาง นึกไม่ถึงว่าจะมีปัญหาใหญ่รอคอยเขาอยู่
“ผู้ใดบอกว่ารังไหมในหมู่บ้านไป๋เฮ่อเหมือนกับของพวกเจ้า? รังไหมของผู้อื่นเขาคุณภาพสูง แต่รังไหมของพวกเจ้าธรรมดาทั่วไป พวกเรายอมรับมาก็นับว่าเหลือทางรอดสายหนึ่งให้พวกเจ้าแล้ว” เสนาบดีกรมพระคลังเอ่ย
“หมู่บ้านไป๋เฮ่ออยู่ข้าง ๆ หมู่บ้านพวกเรา รังไหมของพวกเขาสภาพเป็นอย่างไร พวกเรารู้ดีที่สุด”
“ไม่ผิด ท่านอย่าได้คิดจะโกหกพวกเรา”
เสนาบดีกรมพระคลังหมดความอดทน “คุณภาพเป็นอย่างไรราคาเป็นอย่างไรล้วนมีเกณฑ์ หากพวกเจ้าไม่เชื่อ เช่นนั้นก็ส่งรังไหมที่ดีกว่ามา ตอนนี้พวกเจ้ากลับมาก่อปัญหาที่นี่ เช่นนั้นก็ให้คนจากกรมอาญาจับกุมพวกเจ้าไปให้หมดเป็นอย่างไร”
“เสนาบดีกรมพระคลังทุจริตบิดเบือนกฎหมาย แม้กระทั่งเงินที่ราษฎรหามาได้อย่างยากลำบากยังไม่ละเว้น” เสียงใสกระจ่างดังขึ้นกลางกลุ่มคน
ชาวบ้านที่อยู่รอบ ๆ แหวกทางออกให้ลู่จื่อชิงและองครักษ์วังหลวงขี่ม้าผ่านไป
“ข้ามีป้ายคำสั่งของฮองเฮาอยู่ในมือ ฮองเฮาอนุญาตแล้ว ให้ข้าฆ่าก่อนรายงานทีหลังได้ เพื่อจัดการกับความอยุติธรรมในใต้หล้า”
“เจ้าเป็นคนอาณาจักรฮุ่ย ไม่อาจยุ่งเรื่องของอาณาจักรเฟิ่งหลินเราได้”
ลู่จื่อชิงหันไปมองราษฎร “เขาบอกว่าข้าไร้คุณสมบัติที่จะจัดการ พวกท่านคิดว่าอย่างไร?”
“คุณหนูรองลู่เป็นน้องสาวของฮองเฮา ในมือมีป้ายคำสั่งของฮองเฮา หากท่านไม่มีคุณสมบัติ แล้วผู้ใดเล่าที่มีคุณสมบัติ?”
“ไม่ผิด”
“คุณหนูรองลู่ ได้โปรดคืนความยุติธรรมให้พวกเราด้วย”
ลู่จื่อชิงมองเสนาบดีกรมพระคลัง “ดูเหมือนว่าข้าจะได้ใจชาวบ้านมากกว่าท่าน ท่านเป็นขุนนางอาณาจักรเฟิ่งหลินแล้วอย่างไร ดูดเลือดดูดเนื้อพวกเขา ทั้งยังบอกไม่ให้พวกเขาร้องไห้ นี่มันเรื่องตลกแบบไหนกัน”
“รังไหมของพวกเขาไม่ดีพอ นั่นเป็นปัญหาของพวกเขา กรมพระคลังเราไม่ได้เป็นที่บริจาค จะให้ราคาสูงอย่างปีที่แล้วได้อย่างไร? นอกจากนี้ ยังมีสงครามชายแดน ท้องพระคลังว่างเปล่า หากพวกเจ้าคิดถึงทหารที่ชายแดนจริง ๆ ก็ไม่ควรคิดหาผลประโยชน์เพียงเล็กน้อยนี่ ควรคิดถึงภาพรวมเสียบ้าง”
“ท่านหมายความว่า ท่านคิดถึงทหารที่ชายแดนอย่างนั้นหรือ?”
“แน่นอน”
ชาวบ้านมองหน้ากันไปมา
เมื่อเอ่ยถึงสงครามที่ชายแดน พวกเขาก็เริ่มลังเลขึ้นมาแล้ว
เป็นความจริงที่ชายแดนเกิดสงครามขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท้องพระคลังว่างเปล่าก็เป็นความจริง บางทีพวกเขาอาจไม่ควรสนใจผลได้เสียเล็กน้อยเหล่านี้
เพียงแต่ ราคาที่ให้นั้นต่ำเกินไปจริง ๆ เดิมทีก็ไม่พอให้พวกเขาเลี้ยงชีพแม้แต่น้อย
“ให้ตายเถอะ!” ลู่จื่อชิงยิ้มหยัน “ในตอนที่พวกท่านส่งมอบสินค้าให้กับโรงทอ แน่ใจหรือว่าไม่ได้ทำอะไรที่โลภมากจริง ๆ?”
“ย่อมไม่ได้ทำ”
“ดี เช่นนั้นก็ให้สำนักตรวจการมาตรวจสอบเรื่องนี้” ลู่จื่อชิงเอ่ย “รองผู้บัญชาการ ท่านคุมตัวเสนาบดีกรมพระคลังไปส่งตัวให้สำนักตรวจการและศาลต้าหลี่ไต่สวนโดยละเอียด”
“เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะลงมือกับขุนนางในราชสำนัก”
“เขาบอกว่าข้าไม่มีสิทธิ์ พวกท่านว่าอย่างไร?”
“คุณหนูรองกำลังทวงความยุติธรรมแทนราษฎร หากท่านไม่มีคุณสมบัติ แล้วผู้ใดมีเล่า?”
“ข้าเป็นเสนาบดีกรมพระคลัง!” เสนาบดีกรมพระคลังไม่ยินยอม “เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ที่นี่ไม่ใช่อาณาจักรฮุ่ยของเจ้า พวกคนโง่เขลา ถึงกับกระดิกหางร้องขอความเมตตาจากคนอาณาจักรฮุ่ย!”
“ยามนี้อาณาจักรฮุ่ยกับอาณาจักรเฟิ่งหลินกำลังจับมือกันจัดการกับอาณาจักรเหลียงที่ทะเยอทะยาน ทว่าขุนนางบางคนกลับยุยงความสัมพันธ์ของเราให้แตกแยก นี่หมายความว่าอย่างไร? เขาจะต้องเป็นสายลับที่อาณาจักรเหลียงส่งมาเพื่อสร้างความวุ่นวายให้อาณาจักรเฟิ่งหลิน ทำให้อาณาจักรเฟิ่งหลินกับอาณาจักรฮุ่ยแตกแยกกันเป็นแน่ เหล่าราษฎร พวกท่านคิดว่าเราควรจัดการกับผู้ทรยศเช่นนี้อย่างไร?”
“ตรวจสอบคนผู้นี้โดยละเอียด พวกเราจะไม่อดทนต่อเขา”
ทหารองครักษ์วังหลวงอยู่ข้าง ๆ เสนาบดีกรมพระคลังเป็นเพียงขุนนางพลเมือง คิดจะต่อต้านก็ไม่อาจต่อต้านได้ ไม่ว่าเขาจะตะโกนเสียงดังเพียงใด ชาวบ้านก็สนับสนุนลู่จื่อชิง ไม่มีผู้ใดสนใจเสียงตะโกนของเขาแม้แต่น้อย
ที่น่ากังวลยามนี้คือสำนักตรวจการ
คดีเช่นนี้จะไต่สวนอย่างไร?
ขณะที่สำนักตรวจการกำลังแสดงสีหน้าอมทุกข์อยู่นั้น ลู่จื่อชิงจึงตัดสินใจช่วยพวกเขาไต่สวน
หลักฐานชี้ว่าเสนาบดีกรมพระคลังกอบโกยเงินหลวงเข้าถุงเงินตนเองจนร่ำรวย จึงถูกไล่ออกจากตำแหน่งในทันทีและถูกตัดสินประหารชีวิต ยังมีสมบัติเงินทองมากมายในจวนของเขา เขาเกรงว่าท้องพระคลังจะว่างเปล่าไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นก็นำทั้งหมดนี้ไปเก็บในท้องพระคลังก็แล้วกัน
หลังจากเสนาบดีกรมพระคลังถูกตัดสินโทษ ขุนนางและเจ้าหน้าที่กรมพระคลังก็ไปยังหมู่บ้านพร้อมสมุดบัญชี เพื่อมอบเงินที่พวกเขาควรได้รับให้กับผู้เลี้ยงไหม