สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 879 ชนะแล้ว
บทที่ 879 ชนะแล้ว
ลู่จื่อชิงมองไปรอบ ๆ โรงพนัน นางไม่พบเห็นผู้ที่น่าสงสัย
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกล่าวยั่วยุ “นังหนู ไหน ๆ ก็มาแล้ว จะไม่เล่นสักหน่อยหรือ?”
ลู่จื่อชิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านลุง ข้ามาหาคน”
ชายวัยกลางคนดูเหมือนจะเป็นผู้ดูแลโรงพนัน
ผู้ที่เข้าหาสกุลลู่ หากไม่ใช่เพราะผลประโยชน์ก็เรื่องชื่อเสียง เมื่อพิจารณาจากบุคลิกของคนผู้นี้แล้ว เกรงว่าจะเป็นอย่างหลัง
“คนที่นี่ข้าล้วนรู้จักทั้งสิ้น เจ้าคิดจะหาผู้ใดล้วนได้ทั้งนั้น ขอเพียงแค่ชนะข้าได้” ชายวัยกลางคนเอ่ยด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง
“นี่ท่านไม่ได้รังแกเด็กหรือ?” ลู่จื่อชิงเอ่ย “พวกเราไม่เคยเดิมพัน ท่านให้พวกเราเดิมพัน พวกเราย่อมไม่ทำ”
“ที่นี่เป็นโรงพนัน หากไม่เล่นพนัน เช่นนั้นเจ้ามาทำอะไรที่นี่? นังหนู จะเล่นพนันหรือจะออกไป ถึงแม้เจ้าจะเป็นพระญาติของฮองเฮา แต่ที่นี่เป็นที่ทำการค้า เจ้าไม่อาจบุกรุกได้เช่นกัน”
“เอาเถอะ เช่นนั้นก็เล่นสักสองตา! ทว่าท่านลุง พวกเราเล่นไม่เป็น ท่านก็อย่าได้หาของยาก ๆ เหล่านั้นมาหลอกเราเลย เพียงแค่ทายขนาดใหญ่เล็กก็แล้วกัน”
เหล่านักพนันรวมตัวกันเข้ามา
ซ่งหานจือเข้าไปใกล้ ๆ หูของลู่จื่อชิง “เจ้ามั่นใจหรือ?”
“มั่นใจ… กระมัง” ลู่จื่อชิงกล่าว
ซ่งหานจือ “…”
มั่นใจก็บอกมั่นใจ ไม่มั่นใจก็บอกไม่มั่นใจสิ อะไรคือมั่นใจกระมัง?
อย่างไรก็ตาม นางไม่เคยเล่นมาก่อน เกรงว่าจะไม่มีโอกาสชนะ
ฉินโม่ถงเดินเข้าไปหาลู่จื่อชิง
ชายวัยกลางคนกำลังจะลงมือ แต่กลับถูกลู่จื่อชิงขวางเอาไว้
“ช้าก่อน” ลู่จื่อชิงเอ่ย “ที่นี่เป็นอาณาเขตของท่าน ของก็เป็นของท่าน ต้องให้ข้าตรวจสอบหน่อยหรือไม่? หากพวกท่านกุเรื่องหลอกลวง เช่นนั้นข้าจะไม่เสียเปรียบหรอกหรือ?”
ชายวัยกลางคนยื่นลูกเต๋าและถ้วยลูกเต๋าให้กับคนงานข้าง ๆ คนงานจึงส่งลูกเต๋าเหล่านั้นให้กับลู่จื่อชิง
ลู่จื่อชิงเขย่าถ้วยลูกเต๋า ตรวจสอบลูกเต๋าสามลูกทีละลูก แล้วเอ่ยขึ้น “เอาละ เริ่มได้แล้ว”
ชายวัยกลางคนเขย่าลูกเต๋า หลังจากเขย่าอย่างมีลีลาท่าทางได้พักหนึ่ง เขาก็คว่ำถ้วยลูกเต๋าในมือลง
“ใหญ่หรือเล็ก?”
ลู่จื่อชิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “เล็ก… ช่างเถิด ใหญ่แล้วกัน”
“ที่แท้เป็นใหญ่หรือเล็กกันแน่?”
“ใหญ่!”
“เดิมพันสิ่งใด?”
“รู้จักสิ่งนี้กระมัง? ข้าเดิมพันด้วยกำไลหยกโลหิตชิ้นนี้” ลู่จื่อชิงถอดกำไลข้อมือออก
ดวงตาของชายวัยกลางคนผู้นั้นเต็มไปด้วยความโลภ
แน่นอนว่าเขารู้จักของสิ่งนี้ ทั้งยังรู้ว่าของสิ่งนี้สามารถซื้อเมืองได้ครึ่งเมือง
“เริ่มได้แล้ว”
ชายวัยกลางคนเปิดถ้วยลูกเต๋าออก
เห็นลูกเต๋านั้นเป็น ‘สามสามหก’
“สาม สาม หก ใหญ่” ลู่จื่อชิงเอ่ย “ข้าชนะแล้ว”
“จะเป็นไปได้อย่างไร?” ชายวัยกลางคนผู้นั้นเอ่ยด้วยความโกรธ “เจ้าทำอะไรกันแน่?”
“แพ้ไม่รู้จักแพ้หรือ? โรงพนันของท่านทำการค้าก็จริง ขณะเดียวกัน หากกล้าเล่นลูกไม้อะไร ทางการก็ปิดที่แห่งนี้ได้เช่นกัน” ลู่จื่อชิงเอ่ย “วางใจ ข้ามีเพียงหนึ่งคำถาม ไม่ได้ต้องการให้พวกท่านเสียสิ่งใด ไยต้องแสดงสีหน้าไม่น่ามองเช่นนั้นเล่า?”
เดิมทีชายวัยกลางคนจับจ้องกำไลข้อมือของลู่จื่อชิง บัดนี้เขากลับสูญเสียทุกสิ่งไปแล้ว สีหน้าของเขาจึงไม่น่าดูชมเป็นอย่างยิ่ง
คนงานคนหนึ่งเดินเข้ามากระซิบข้างหูชายวัยกลางคนสองสามคำ
ชายวัยกลางคนเอ่ยกับลู่จื่อชิง “ข้ายินดียอมรับความพ่ายแพ้ ในเมื่อข้าแพ้ก็ควรทำตามข้อตกลง เอาอย่างนี้เถิด เจ้านายเรากำลังรอเจ้าอยู่ข้างใน เจ้าไปถามเขาดูเองก็แล้วกัน”
“ข้าเพียงแค่อยากถามหนึ่งคำถาม นึกไม่ถึงว่ายังต้องพบกับเจ้านายท่านอีก” ลู่จื่อชิงขมวดคิ้ว “โรงพนันเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง กลับมีกฎเกณฑ์มากเสียเหลือเกิน”
ลู่จื่อชิงเดินนำ ‘ผู้ติดตาม’ สองคนเข้าไปในห้องด้านใน
ชายสวมหน้ากากผู้หนึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ดวงตาคู่นั้นจ้องมองลู่จื่อชิงแล้วเอ่ยว่า “เจ้าก็ฉลาดอยู่บ้างจริง ๆ”
“ท่านกำลังเอ่ยอะไร? ไยข้าไม่เข้าใจ?”
“เจ้ายุ่งกับลูกเต๋าตอนที่เจ้าตรวจสอบพวกมัน ไม่ว่าเจ้าจะเดิมพันอย่างไร ตัวเลขก็จะเป็นไปตามที่กล่าวเสมอ”
“นายท่านผู้นี้ ข้าไม่มีความสามารถอย่างที่ท่านกล่าว” ลู่จื่อชิงเอ่ย “พวกท่านยอมรับความพ่ายแพ้ไม้ได้จึงจงใจจะเบี้ยวหนี้ใช่หรือไม่? โรงพนันใหญ่เพียงนี้ กลับทำให้คนผิดหวังยิ่งนัก”
“วางใจ ข้ายอมรับความพ่ายแพ้ ข้าย่อมไม่คืนคำ คนเหล่านั้นที่เจ้าตามหา ข้าจะให้คนพาเจ้าไปพบ”
ลู่จื่อชิงประหลาดใจ “จริงหรือ?”
ราบรื่นเพียงนี้เชียวหรือ?
คนผู้นี้…
มีจุดประสงค์อะไรกันแน่?
“อายุยังน้อยกลับทำตัวเหมือนเป็นผู้ใหญ่” เจ้าของบ่อนผู้นั้นกล่าว “เจ้าเป็นคุณหนูสกุลลู่ โรงพนันเล็ก ๆ อย่างเราย่อมไม่กล้าต่อต้าน เอาอย่างนี้ ถือโอกาสแสดงน้ำใจต่อเจ้า เช่นนี้อยู่เมืองหลวงข้าก็มีชีวิตที่ดีขึ้นไม่ใช่หรือ?”
“เช่นนั้นขอบคุณท่านแล้ว” ลู่จื่อชิงยิ้มน้อย ๆ
หลังออกมาจากโรงพนัน นางก็ตามอันธพาลประจำโรงพนันไปตามหาคนต่างแดนเหล่านั้น ก่อนจะจับตัวพวกเขาไว้ทันทีเพื่อประกาศชัยชนะต่อหน้าซูหลินและคนอื่น ๆ หลังจากนั้นลู่จื่อชิงจึงสั่งให้คนของนางส่งคนต่างแดนให้ทางการ
ซูหลินและคนอื่น ๆ จำต้องเรียกนางว่า ‘ลูกพี่’ อย่างไม่เต็มใจ
ระหว่างทางกลับ ซ่งหานจือเห็นว่าลู่จื่อชิงดูเหมือนกำลังขบคิดบางอย่าง ไม่พูดไม่จา จึงเอ่ยถามนางว่าเป็นอะไร
“โรงพนันแห่งนั้นมีบางอย่างผิดปกติ” ลู่จื่อชิงเอ่ย “ทุกคนที่นั่น รวมถึงคนงานล้วนมีฝีมืออยู่บ้าง เจ้าจำลุงวัยกลางผู้ที่เดิมพันกับเราได้หรือไม่?”
ฉินโม่ถงพยักหน้า
ซ่งหานจือก็บอกว่าจำได้เช่นกัน
“ถึงแม้จะดูถ่อมตน ทว่าก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่ง โรงพนันเล็ก ๆ แห่งหนึ่งกลับมีผู้ฝึกยุทธ์มากมาย เกรงว่าโรงพนันแห่งนี้จะไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่เห็น” ลู่จื่อชิงเอ่ย “ไม่ได้การ ต้องตรวจสอบโดยละเอียด”
“เจ้าคิดจะตรวจสอบโดยละเอียดอย่างไร?”
“แน่นอนว่าต้องให้องครักษ์ปิดล้อมสถานที่ ตรวจค้นทุกซอกทุกมุมว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ หากไม่มีปัญหาพวกเขาก็เป็นเพียงผู้ทำกิจการธรรมดา แต่หากเป็นสายลับที่ส่งมาจากอาณาจักรอื่น หรือเป็นพวกบ่อนทำลายอาณาจักรเฟิ่งหลิน นั่นก็ไม่อาจทนได้”
ครั้นลู่จื่อชิงกลับไปที่โรงพนันพร้อมกับองครักษ์ ที่แห่งนั้นก็ว่างเปล่าแล้ว
สถานที่ที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนเมื่อครู่นี้ จู่ ๆ ก็ว่างเปล่า ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบก็ทราบว่าที่นี่มีบางอย่างผิดปกติ
องครักษ์วังหลวงตรวจค้นด้านในแต่กลับไม่พบสิ่งใดเลย เหลือเพียงของที่เกี่ยวข้องกับการพนันเท่านั้น ไม่มีเอกสารอย่างสมุดบัญชี นับประสาอะไรกับข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่น ๆ
“ข้าควรฉุกคิดได้ก่อนหน้านี้” ลู่จื่อชิงหงุดหงิดใจ
“หากเมื่อครู่นี้เจ้าฉุกคิดได้จริง ๆ เกรงว่าแม้แต่พวกเราก็คงก้าวออกจากประตูนั้นไม่ได้” ซ่งหานจือเอ่ย “กลับไปที่วังก่อนเถอะ! เรื่องนี้ก็มอบให้เจ้าหน้าที่ทางการตรวจสอบ”
ภายในวังหลวง มู่ซืออวี่ฟังคำบอกเล่าของซ่งหานจือเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นตอนที่พวกเขาออกไป นางหันไปมองลู่จื่อชิงแล้วเอ่ยว่า “เจ้าเป็นคนอย่างไรกัน? ทุกคราที่ออกไปล้วนเกิดเรื่อง อีกทั้งยังไม่ใช่เรื่องเล็ก ข้าว่าเจ้าอยู่ในวังอย่างว่าง่ายเถิด ไม่ต้องไปที่ใดแล้ว อยู่กับพี่หญิงและหลานชายของเจ้าเงียบ ๆ รอสถานการณ์ทางนี้ของพี่สาวเจ้าดีขึ้นก็ถึงเวลาที่เราต้องกลับไปอาณาจักรฮุ่ยแล้ว”
“ท่านแม่ ท่านเพิ่งมานะเจ้าคะ อย่าเพิ่งรีบไปเลย” ลู่จื่ออวิ๋นได้ยินดังนั้นก็วางพู่กันในมือลงแล้วทักท้วง
“แม่มาอยู่ที่นี่ได้สองเดือนแล้ว จะกล่าวว่าเพิ่งมาได้อย่างไร?” มู่ซืออวี่เอ่ย “ข้ารู้ว่าเจ้าตัดใจแยกจากไม่ได้ เจ้าวางใจเถิด ภายหน้าแม่จะมาเยี่ยมเจ้าบ่อย ๆ ไม่ทิ้งเจ้าไว้ที่นี่ลำพังแน่นอน”