สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 895 พบกับจี้ซ่งเฉิง
บทที่ 895 พบกับจี้ซ่งเฉิง
บทที่ 895 พบกับจี้ซ่งเฉิง
ข้ารับใช้ยกถ้วยเปล่าออกไป
ลู่จื่อชิงเรียกข้ารับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ มาหาแล้วเอ่ยถาม “หมู่นี้ซ่งหานจือกำลังยุ่งกับอะไรอยู่หรือ?”
หากจะบอกว่าเขาอยู่ที่นี่อย่างเรื่อยเปื่อย เช่นนั้นถ้าอยากให้เขายุ่ง เขาก็ควรมายุ่งอยู่กับการเล่าเรียนด้วยกันกับนางสิ ทว่าหมู่นี้กลับไม่เห็นแม้กระทั่งเงาของเขาเลย
ท่านแม่กล่าวว่าให้เขาไปจัดการเรื่อง ทว่านี่ก็ผ่านไปสิบวันแล้ว ยังมีอะไรให้เขาต้องทำอีกหรือ?
หลายปีมานี้ ไม่ว่าลู่จื่อชิงจะเหลวไหลเพียงใด ซ่งหานจือก็อยู่เคียงข้างนางเสมอ อยู่มาวันหนึ่งเขากลับไม่ได้อยู่ข้าง ๆ อีกต่อไป พื้นที่ข้าง ๆ นางพลันว่างเปล่า นางจึงมักจะรู้สึกเดียวดายอยู่เสมอ
“บ่าวก็ไม่รู้เจ้าค่ะ มิเช่นนั้น บ่าวไปถามคุณชายซ่งเป็นอย่างไรเจ้าคะ”
ข้ารับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ นางเอ่ยขึ้น “เชิญคุณชายซ่งมาที่นี่เถอะ คุณหนูรองอยู่เพียงลำพังจะต้องเบื่อเป็นแน่ หากคุณชายซ่งมาอยู่เป็นเพื่อนจะต้องมีความสุขอย่างแน่นอน”
“ช่างเถิด ท่านแม่ข้าบอกว่าให้เขาไปจัดการบางอย่าง เขาคงยุ่งอยู่กับเรื่องที่ท่านแม่ให้ทำ” ลู่จื่อชิงกล่าว “พวกเจ้าอย่าได้ไปรบกวนเขา ข้าไม่ได้อยากให้เขามาอยู่เป็นเพื่อนสักหน่อย! เขาไม่อยู่เป็นเพื่อนข้า ข้าก็รู้สึกสงบดี”
ส่วนคำพูดเหล่านั้นของจี้ซ่งเฉิง นางไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย หญิงงามคนสนิทอะไรกัน ไม่เป็นห่วงนางอะไรกัน หากนางเชื่อคำพูดเหล่านั้นแม้เพียงคำเดียว เช่นนั้นก็อย่าเรียกนางว่าลู่จื่อชิง ให้เรียกลู่จื่อชิงคนโง่ อย่างไรเสีย ถูกผู้อื่นใช้คำพูดเพียงไม่กี่คำยุยง นั่นไม่ได้เรียกว่าโง่เขลาหรือไร!
มู่ซืออวี่ไปเยี่ยมลู่จื่อชิงทุกวัน เมื่อนางพูดคุยกับลู่จื่อชิงตามปกติและถามไถ่ว่าวันนี้ทำอะไรมาบ้าง ลู่จื่อชิงก็เล่าเรื่องจี้ซ่งเฉิงให้ฟัง
“เขาต้องการตกลงการค้ากับข้าหรือ?”
“เจ้าค่ะ”
“ได้ พรุ่งนี้ข้าจะยอมพบเขา”
“ท่านแม่ คนผู้นี้ฉลาดแกมโกง ท่านต้องระวังอย่าถูกเขาหลอกเอาได้นะเจ้าคะ”
“หากถูกผู้เยาว์คนหนึ่งหลอกได้ง่ายดาย เช่นนั้นประสบการณ์หลายปีมานี้ไม่สูญเปล่าหรือ” มู่ซืออวี่เอ่ย “อาการบาดเจ็บเป็นอย่างไรบ้าง ท่านหมอหมิงว่าอย่างไร?”
“การบาดเจ็บกล้ามเนื้อและกระดูกคงอยู่ถึงร้อยวัน ไม่ได้ฟื้นตัวง่าย ๆ อย่างแน่นอน เพียงแต่พี่หญิงหมิงบอกว่าข้าสุขภาพแข็งแรง ย่อมฟื้นตัวได้ดีกว่าผู้อื่นเจ้าค่ะ”
“นี่นับเป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การดีใจที่ไหนกัน เจ้ายังจะหัวเราะโง่เขลาเช่นนี้อีกรึ?” มู่ซืออวี่ส่ายหัว “ในเมื่อเจ้าฟื้นตัวได้ดี เช่นนั้นก็ทำต่อไป อย่าได้ยอมแพ้กลางทาง”
“ท่านแม่ ท่านให้ซ่งหานจือไปทำเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ? หมู่นี้เขายุ่งจนไม่เห็นแม้แต่เงา” ลู่จื่อชิงดึงแขนของมู่ซืออวี่มากอด “ข้าได้ยินมาว่าเขาไปย่านสราญรมย์บ่อย ๆ ซ่งหานจือเป็นคนซื่อตรง ผู้ตรวจการซ่งเคร่งครัดกับเขายิ่ง ท่านไม่อาจปล่อยให้เขาทำผิดได้นะเจ้าคะ”
“ข้าขอให้เขาช่วยจัดการเรื่องบางอย่างจริง ๆ อย่างไรก็ตาม เขาโตเพียงนี้แล้ว ที่เช่นใดควรไป ที่เช่นใดไม่ควรไป ย่อมกระจ่างแก่ใจ นอกจากนี้ เขาเป็นบุรุษ ภายหน้าจะต้องเป็นขุนนาง การให้เขาปรับตัวต่อโลกภายหน้าก็ดีเช่นกัน นี่จะเป็นประโยชน์ต่อหน้าที่การงานของเขาในอนาคต หากผู้ตรวจการซ่งรู้ว่าข้าส่งเสริมบุตรชายเขาเช่นนี้จะต้องไม่กล่าวโทษข้าอย่างแน่นอน เอาละ พักรักษาตัวเถอะ เรื่องอื่นไม่ต้องสนใจแล้ว”
ลู่จื่อชิงทำหน้ายับย่น
“เป็นอะไรอีก?”
“ซ่งหานจือซื่อตรงมาแต่ไหนแต่ไร ท่านให้เขาทำสิ่งใด เขาจะต้องฟังท่านอย่างแน่นอน ท่านไม่อาจรังแกคนซื่อตรงได้นะเจ้าคะ!”
“เจ้าปกป้องเขาเพียงนี้ หากไม่รู้คงคิดว่าเขาเป็นพี่ชายเจ้า” มู่ซืออวี่รู้สึกขบขันยิ่ง “เอาละ หากเรื่องที่ข้าขอให้เขาทำยังไม่ไม่กระจ่าง อีกไม่กี่วันก็จะไม่ให้เขารับผิดชอบแล้ว”
วันต่อมา มู่ซืออวี่ได้พบกับจี้ซ่งเฉิง
หากเอ่ยถึงจี้ซ่งเฉิง ก่อนหน้านี้นางเคยได้ยินชื่อเขา ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบ
นางพินิจพิจารณาเขา
จี้ซ่งเฉิงทักทายด้วยความนอบน้อม “พระชายา”
“คุณชายจี้ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ นั่งลงเถอะ” มู่ซืออวี่ผายมือเชื้อเชิญให้นั่ง
นี่คือห้องโถงข้าง ข้างนอกล้วนมีคนของนางอยู่ คุณชายจี้ผู้นี้อายุไม่มาก แก่กว่าลู่จื่อชิงเพียงห้าปี รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาของเขาค่อนข้างดูอ่อนเยาว์ทีเดียว อายุยังน้อยแต่กลับมีรัศมีไม่ธรรมดาเช่นนี้ ภายหน้าย่อมไม่ใช่เพียงสัตว์เล็ก ๆ ในบ่ออย่างแน่นอน
สำหรับคนเช่นนี้ ขอเพียงไม่ได้ขัดแย้งทางผลประโยชน์กัน ทางที่ดีที่สุดย่อมเป็นการผูกมิตรกับพวกเขา ในฐานะผู้ทำการค้า การสร้างศัตรูไปทุกหนทุกแห่งไม่ใช่วิธีที่ฉลาด
“ได้ยินว่าเจ้าต้องการพบข้า หารือตกลงทำการค้ากับข้า อย่างที่เจ้าเห็น ข้ามีเรื่องต้องทำมากมาย พวกเราเปิดอกพูดคุยอย่างเปิดเผย อธิบายจุดประสงค์การมาครั้งนี้อย่างตรงไปตรงมาเป็นอย่างไร?”
“พระชายาเป็นคนตรง ๆ ดังนั้นข้าย่อมไม่โยกโย้แล้ว” จี้ซ่งเฉิงกล่าว “ข้าเป็นคนอาณาจักรกู่ แน่นอนว่าเนื่องจากมันล้อมรอบด้วยทะเล ทั้งยังเลี้ยงจระเข้ไว้จำนวนมาก โลกภายนอกจึงไม่ค่อยรู้จักเรานักและเรียกพวกเราว่าอาณาจักรโบราณ ข้าน้อยอยู่อาณาจักรกู่ นับได้ว่าอยู่ในสกุลใหญ่ ทว่าด้วยเหตุผลบางประการ…”
มู่ซืออวี่ขัดจังหวะเขา “เจ้าบอกมาเถอะว่าเจ้าต้องการร่วมมือกับข้าอย่างไร”
“พระชายาดูเหมือนจะไม่สนใจอาณาจักรโบราณเลยแม้แต่น้อย” จี้ซ่งเฉิงกล่าว “เช่นนั้น ท่านรู้หรือไม่ว่าราชวงศ์ปัจจุบันของอาณาจักรกู่มีความทะเยอทะยานมาก พวกเขาต้องการจะออกมาจากอาณาเขตกลางทะเลและทำให้อาณาจักรอื่น ๆ กลายเป็นของตนเอง”
เมื่อได้ยินดังนี้ ปฏิกิริยาแรกของนางคืออาการปวดหัวตุบ ๆ นางคลึงนิ้วบริเวณหว่างคิ้วตนเอง
“พระชายาไม่เป็นไรกระมัง?”
“ไม่เป็นไร เพียงแค่รู้สึกปวดหัว เจ้าเห็นหรือไม่ว่าสงครามที่นี่ยังไม่สิ้นสุด ตอนนี้เจ้ากำลังบอกข้าว่ายังมีคนอยู่ไม่สุขอีกผู้หนึ่ง จะไม่ให้ข้าปวดหัวได้อย่างไร?” มู่ซืออวี่กล่าว
“พระชายาไม่ต้องกังวลไป ขอเพียงท่านให้ความร่วมมือกับข้า ข้ารับรองว่าเรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้น”
“เจ้าจะรับรองได้อย่างไร?”
“ขอเพียงข้าได้เป็นฮ่องเต้ที่นั่น”
มู่ซืออวี่มองเขา “เจ้าก็เป็นเชื้อพระวงศ์ด้วยหรือ?”
“ไม่ใช่”
“เจ้าคิดจะกบฏ?”
“เหตุใดจะไม่ได้เล่า?” จี้ซ่งเฉิงกล่าว “ราชวงศ์ของอาณาจักรกู่ล้วนโง่เขลาและไร้คุณธรรม ทำอะไรไม่เป็นนอกจากทำร้ายผู้คน ท่านไม่เคยไปอาณาจักรกู่จึงไม่รู้ว่าราษฎรที่นั่นเป็นอย่างไร ในบรรดาสามอาณาจักร อาณาจักรเฟิ่งหลินยากจนที่สุดกระมัง? ทว่าราษฎรในอาณาจักรกู่นั้นกลับยากจนยิ่งกว่า ในบรรดาสามอาณาจักร อาณาจักรเหลียงวุ่นวายที่สุดกระมัง? หากแต่ทางพวกเรากลับวุ่นวายยิ่งกว่าอาณาจักรเหลียงเสียอีก”
มู่ซืออวี่เข้าใจแล้ว
เจ้าเด็กคนนี้อายุน้อย แต่อยากเป็นวีรบุรุษ
พิจารณาจากรูปร่างหน้าตาของเขาแล้ว เขาจะต้องเป็นคนที่มีอำนาจอย่างเซียงอวี่*[1]อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม โลกนี้ไม่ขาดแคลนวีรบุรุษผู้ทะเยอทะยาน เขาจะกลายมาเป็นวีรบุรุษที่น่าตกตะลึงในประวัติศาสตร์ได้หรือไม่นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของเขาเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับโชคด้วย
“ข้าเป็นเพียงสตรีผู้หนึ่ง ไม่อาจช่วยเจ้าได้”
“ฮูหยิน ท่านก็รู้ว่าเรือของท่านมีประโยชน์” จี้ซ่งเฉิงเอ่ย “ข้าอยากยืมเรือของฮูหยินเป็นเวลาห้าปี ถึงตอนนั้นข้าจะคืนให้ท่านเป็นสองเท่า”
“การค้าที่เจ้าว่า คือการใช้เรือรบของสกุลลู่เราต่อสู้กับอาณาจักรของเจ้าอย่างนั้นหรือ? เท่าที่ข้ารู้ น่านน้ำของอาณาจักรเจ้าเต็มไปด้วยจระเข้ เจ้าคิดว่าเรือรบของข้าจะจัดการกับอุปสรรคเหล่านั้นได้รึ?”
“ได้!” จี้ซ่งเฉิงเอ่ย “ข้าเคยเห็นเรือรบของฮูหยินแล้ว”
แววตาของมู่ซืออวี่มืดครึ้มลงโดยพลัน
“เจ้าเคยเห็นที่ใด?”
“ข้าเห็นภาพแบบของฮูหยิน” จี้ซ่งเฉิงเอ่ย “ฮูหยินไม่จำเป็นต้องสงสัยว่าข้าซื้อตัวคนของท่าน วิชาตัวเบาของข้าไม่เลว หากข้าอยากไปที่ใด ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะราบรื่นกว่าผู้อื่น”
[1] เซียงอวี่ หรือฌ้อปาอ๋อง แม่ทัพคู่ปรับคนสำคัญของจักรพรรดิฮั่นเกาจู ปฐมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ฮั่น