สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 902 การลอบสังหารล้มเหลว
บทที่ 902 การลอบสังหารล้มเหลว
บทที่ 902 การลอบสังหารล้มเหลว
ผู้ส่งสารที่รับหน้าที่ส่งรายงานทางการรบก้าวเข้ามา โดยไม่รอให้ติงเซียงก้าวออกไปรับรายงานทางการรบ เขากลับเป็นฝ่ายมอบให้ลู่จื่ออวิ๋นเสียเอง
ติงเซียงตะลึงงันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงมองผู้ส่งสารคนนั้นด้วยความหวาดระแวง
ในยามนี้เอง ผู้ส่งสารผู้นั้นก็หยิบกริชออกมาจากแขนเสื้อแล้วแทงไปที่ลู่จื่ออวิ๋น
ฟึ่บ! เงาร่างหนึ่งกระโดดลงมาจากด้านบน คนผู้นั้นคือองครักษ์เงาที่คอยคุ้มกันฮองเฮาอาณาจักรเฟิ่งหลิน จนถึงบัดนี้ คนผู้นี้ไม่เคยเผยตัว ได้ใช้การเขาขึ้นมาก็ครานี้
องครักษ์เงาจับกุมมือลอบสังหาร
“ผู้ใดส่งเจ้ามา?” องครักษ์เงาเอ่ยอย่างเยือกเย็น
ผู้ส่งสารทำท่าจะกัดลิ้นฆ่าตัวตายในทันที
ทว่าองครักษ์เงาหักขากรรไกรของเขา ป้องกันไม่ให้ฆ่าตัวตายเรียบร้อยแล้ว
“ฮองเฮา ข้าพาคนผู้นี้ไปนะขอรับ”
“ดี” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “นำรายงานทางการรบในมือเขามา”
องครักษ์เงาตรวจสอบรายงานทางการรบอย่างถี่ถ้วน เมื่อแน่ใจว่าไม่มีของอันตรายอย่างพิษใด ๆ แล้ว ถึงได้มอบให้กับลู่จื่ออวิ๋น
“รายงานการรบเป็นของปลอมหรือเปล่าเพคะ?” ติงเซียงเอ่ยถาม
“เป็นของจริง ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงไม่อาจสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป จึงคิดจะลงมือต่อข้า” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ไม่ถึงหนึ่งเดือนอาณาจักรเหลียงจะต้องพ่ายแพ้แน่นอน ถึงยามนั้น ฝ่าบาทและท่านพ่อบุญธรรมย่อมนำกองทัพกลับมายังเมืองหลวง”
“ดียิ่งนะเพคะ”
“หมู่นี้อาจเกิดความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “อย่างไรก็ตาม ข้าเองก็รอช่วงเวลานี้อยู่เช่นกัน ท้ายที่สุดแล้ว ศัตรูยังไม่ขยับเขยื้อนจึงยังหาภูตผีปีศาจชั่วร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดออกมาไม่ได้”
ฮองเฮาถูกลอบปลงพระชนม์ ได้รับบาดเจ็บสาหัสใกล้สิ้นลม ข่าวนี้แพร่สะพัดไปดั่งไฟลามทุ่ง ราษฎรล้วนหวั่นวิตก อย่างไรเสีย หากเกิดอะไรขึ้นกับลู่จื่ออวิ๋น ท้องฟ้ากว่าครึ่งในอาณาจักรเฟิ่งหลินจะต้องถล่มทลายลงมาเป็นแน่ นี่เป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับ
ยามที่ฮองเฮาถูกลอบปลงพระชนม์ ลู่จื่อชิงนำกำลังคนออกจากเมืองหลวงไปทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากแม่ทัพ ขุนนางที่ปรึกษาคนสำคัญหลายคนเข้าวังหลวงวันละสามครั้ง ดูเหมือนอาการบาดเจ็บของฮองเฮาจะร้ายแรงเกินกว่าที่คาดคิด
ลู่จื่ออวิ๋นกำลังเฝ้ารอโอกาส อย่างไรก็ตาม หลังจากรอข่าวกองทัพอาณาจักรเฟิ่งหลินและอาณาจักรฮุ่ย กลับมายังเมืองหลวงเป็นเวลาสองเดือน มือในเงามืดก็ยังคงไม่เคลื่อนไหว
“ข้ารอมานานเพียงนี้แล้ว อีกฝ่ายช่างนิ่งสงบเสียจริง” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยกับตนเอง “หรือว่าเป้าหมายจะไม่ใช่ข้า หากแต่เป็น…”
เซี่ยเฉิงจิ่น
หากเซี่ยเฉิงจิ่นพบเจออุบัติเหตุระหว่างทางกลับมายังเมืองหลวง องค์ชายที่ยังเป็นเพียงทารกผู้หนึ่งย่อมไร้ซึ่งอำนาจที่แท้จริง หากนางไม่มีเซี่ยเฉิงจิ่นคอยหนุนหลัง ขุนนางในราชสำนักย่อมไม่ปล่อยให้กุมอำนาจต่อ
“ส่งข่าวถึงฝ่าบาทประเดี๋ยวนี้” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “มีเพียงหน่วยข่าวกรองของสกุลลู่เท่านั้นจึงจะหลบหลีกเลี่ยงอันตรายที่ซ่อนอยู่รอบกายเขาได้ ข้างกายฝ่าบาทจะต้องมีผู้ทรยศเป็นแน่ ดังนั้นต้องส่งข่าวโดยใช้รหัสลับของสกุลลู่!”
“บ่าวจะไปประเดี๋ยวนี้เพคะ” ติงเซียงกล่าว
ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ตกหลุมพราง เช่นนั้น ‘กลยุทธ์ทุกข์กาย’ ของฮองเฮาจึงไม่จำเป็นต้องแสดงอีกต่อไป ลู่จื่อชิงเองก็สามารถกลับมายังเมืองหลวงได้โดยไม่ต้องเสียเวลาอยู่ข้างนอกแล้วเช่นกัน
กองทัพอันยิ่งใหญ่เกรียงไกรกลับคืนสู่เมืองหลวง
ลู่จื่อชิงขี่ม้าตัวสูงอยู่ด้านหน้า นางสวมชุดเกราะขนาดเล็กบนร่างกาย กล่าวกันตามเหตุผลแล้ว นางไม่ได้โดดเด่นมากนัก ทว่าทุกคนกลับเห็นร่างเล็ก ๆ นั้น
แววตาของลู่จื่อชิงเฉียบคม นางไม่ได้มีมาดอย่างหญิงสาว ดาบในมือนางก็ไม่มีผู้ใดรู้ว่าฆ่าคนมากี่มากน้อย อีกทั้งยังมีกลิ่นอายสังหารแผ่ออกมา ผู้คนรอบกายจึงหลบหลีกอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวผู้หนึ่งโยนถุงเงินไปยังซ่งหานจือ
ซ่งหานจือฝีมือไม่เลว รวบจับไว้ได้ในคราวเดียว ทว่าเมื่อเห็นสิ่งที่ถูกโยนใส่ตน สีหน้าของเขาพลันแปรเปลี่ยน หันไปมองทางลู่จื่อชิงอย่างร้อนรน
หญิงสาวนางนั้นมองซ่งหานจืออย่างเอียงอาย
ลู่จื่อชิงจำหญิงสาวผู้นั้นได้ นางเป็นบุตรสาวของเสนาบดีกรมขุนนาง เป็นหญิงงามเลื่องชื่อมากพรสวรรค์ในเมืองหลวง ทั้งอ่อนโยนและบอบบาง ราวกับหากลมพัดแรงขึ้นอีกหน่อยจะหอบเอาร่างอันเพรียวบางราวกับต้นหลิวนั้นปลิวไปได้
“ฮึ!” ลู่จื่อชิงแค่นเสียงในลำคออย่างเย็นชา
ซ่งหานจือพลิกกายลงจากหลังม้า ประคองถุงเงินนั้นส่งคืน พร้อมทั้งกล่าวว่า “แม่นาง ท่านทำของหล่นแล้ว คราวหน้าอย่าได้โยนไปทั่วอีกเป็นอันขาด เก็บไว้ให้ดีเล่า”
สีหน้าของหญิงสาวซีดเผือด นางมองซ่งหานจืออย่างไร้เรี่ยวแรง “คุณชายซ่ง นี่เป็นถุงเงินแสดงความยินดีที่ได้รับชัยชนะกลับมา ข้าปักให้ท่านเป็นพิเศษ ข้าไม่ได้มีเจตนาอื่นใด เพียงแค่อยากจะเฉลิมฉลองที่ท่านกลับมาอย่างปลอดภัยเท่านั้น”
“ขอบคุณ เพียงแต่ไม่จำเป็น” ซ่งหานจือขึ้นไปบนหลังม้าอีกครั้ง
“แม่นางผู้นี้เป็นสตรีมากพรสวรรค์ชื่อเสียงโด่งดังในอาณาจักรเฟิ่งหลิน” ลู่จื่อชิงกล่าว “ข้าได้ยินว่าชื่อเสียงของนางเลื่องลือไปไกลตั้งแต่ยังเยาว์ มีผู้คนมากมายมาสู่ขอนางแต่งงาน”
“ข้าไม่รู้จักนาง” ซ่งหานจือเอ่ย “แม่นางผู้นั้นจะต้องสายตาไม่ดีเป็นแน่จึงมองคนผิด เดิมทีอาจต้องการโยนให้ผู้บัญชาการชิงเอ๋อร์ ผลที่ได้คือไม่ได้ระวังจึงบังเอิญโยนมันตกใส่ข้า”
ลู่จื่อชิงหัวเราะฮ่า ๆ แล้วบ่นพึมพำ “ยังจะมาโกหกตาไม่กะพริบอีก”
ลู่จื่อชิงนำคนของนางกลับไปยังค่ายทหาร
ในระยะเวลาสั้น ๆ นางก็เอาชนะใจทหารเหล่านั้นได้ ตอนนี้ไม่มีผู้ใดดูถูกนางเพราะอายุและเพศแล้ว
“หัวหน้ากองพันลู่ เฉินซานโก่วนำคนไปล่าสัตว์แล้ว” มีคนเอ่ยขึ้นมา “เขากล่าวว่าหากหัวหน้ากองพันลู่กลับมา พวกเราจะต้องจัดงานเลี้ยงให้ท่านและเหล่าพี่น้องได้เฉลิมฉลอง”
“ไปล่าที่ใด?”
“ภูเขาด้านหลังหมู่บ้านไป๋กั่วขอรับ ก่อนหน้านี้ท่านเคยไปแล้วไม่ใช่หรือ? อีกทั้งยังได้รับบาดเจ็บที่นั่น สุดท้ายจึงไม่ได้ล่าอะไรกลับมา เฉินซานโก่วบอกว่าจะต้องจัดงานเลี้ยงให้พวกท่านได้กินอย่างอิ่มหนำสำราญ วันนี้จึงไปล่าเหยื่อกลับมาเพื่อเป็นรางวัลแด่เหล่าทหาร”
“ข้าจำได้ว่าบนภูเขานั้นมีดินถล่ม พวกเขาวิ่งไปทำอะไรที่นั่น? ผู้ใดให้พวกเขาตัดสินใจด้วยตนเอง” ลู่จื่อชิงเอ่ย “ไปเรียกพวกเขากลับมาประเดี๋ยวนี้”
คนที่ลู่จื่อชิงส่งไปเพิ่งเดินออกจากค่ายทหารก็เห็นคนสองสามคนวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“หัวหน้ากองพัน เฉินซานโก่วและคนอื่น ๆ ประสบเหตุดินถล่ม ไม่เพียงแต่พวกเขาที่ถูกฝังอยู่ในนั้น ยังมีชาวบ้านจากหมู่บ้านถูกฝังอยู่ในนั้นด้วยขอรับ”
“กลัวสิ่งใดพบสิ่งนั้นจริง ๆ” ซ่งหานจือเอ่ย “เฉินซานโก่วผู้นี้ หากจะกล่าวว่าจริงใจก็จริงใจ หากจะกล่าวว่าโง่ก็โง่ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะไปดูเอง”
เรื่องอันตรายเช่นนี้ ไม่อาจปล่อยให้เสี่ยวชิงเอ๋อร์ต้องเผชิญหน้า เขาจะไปจัดการให้เรียบร้อยก่อน
“ข้าก็จะไปด้วย”
ในตอนที่ลู่จื่อชิงกำลังจะขยับตัว เหยาอิงหมินก็มาถึงที่นี่ด้วยสีหน้าถมึงทึงแล้ว
สีหน้าของเขาเย็นชา เอ่ยขึ้นมาด้วยความโกรธ “คุณหนูรองลู่นับว่ามีความสามารถอยู่บ้างจริง ๆ ทว่าการจะเป็นผู้บัญชาการกองทัพนั้นไม่ได้ง่ายดาย ไม่ได้หมายความว่าฝีมือดีแล้วจะเป็นผู้บัญชาการที่ดีได้ ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้าหลังจากเหตุการณ์ในวันนี้สิ้นสุด ยามนี้สิ่งสำคัญคือต้องช่วยคนก่อน”
“หัวหน้ากองพันลู่ไม่ได้ให้เฉินซานโก่ว…” ผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ด้านข้างต้องการอธิบาย แต่กลับถูกลู่จื่อชิงกล่าวขัดขึ้นเสียก่อน
“เฉินซานโก่วเป็นคนของข้า ปกติต้องรับคำสั่งจากข้า บัดนี้เกิดเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ควรเป็นข้าที่ต้องรับผิดชอบ ข้าไม่อาจหลบเลี่ยงความรับผิดชอบได้” ลู่จื่อชิงเอ่ย
สีหน้าของเหยาอิงหมินดีขึ้นมาเล็กน้อย
“ควรเป็นเช่นนั้น”
ภูเขาเกิดดินถล่ม อีกทั้งยังเกิดเหตุบริเวณที่เฉินซานโก่วและคนอื่น ๆ ผ่านไป นี่ช่างบังเอิญเกินไปแล้ว
เฉินซานโก่วนำคนไปกว่าร้อยคน บัดนี้เกินกว่าครึ่งถูกฝังอยู่ข้างใน เหลือเพียงไม่กี่สิบคนที่หลบหนีได้ทัน ในยามนี้พวกเขายังคงหลงเหลือความหวาดกลัวอยู่ภายในใจ ดูอกสั่นขวัญแขวน
“โชคไม่ดีจริง ๆ ตอนเรามาถึงจุดนี้ ภูเขาก็ถล่มลงมาพอดี” ทหารนายหนึ่งเอ่ยขึ้น “หัวหน้ากองร้อยเฉินก็ถูกฝังอยู่ข้างในเช่นกันขอรับ”