สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 904 แม่นางหมิงจือเหยียน?
บทที่ 904 แม่นางหมิงจือเหยียน?
บทที่ 904 แม่นางหมิงจือเหยียน?
เซี่ยชิงโจวเห็นนางไม่สนใจเขา ทั้งยังเห็นท้องนั่นถูกผ่าออกจึงไม่อาจทนต่อเหตุการณ์นองเลือดนี้ได้อีกต่อไป เขาทำได้เพียง… หลับตาลง
หากเขาอยากหนี เช่นนั้นจะหนีไปซ่อนที่ใดเล่า?
ผ่านไปไม่นานนัก หมิงจือเหยียนจึงเปิดปากขึ้น “เอาละ ปล่อยได้แล้ว”
เซี่ยชิงโจวลืมตา จากนั้นจึงเห็นว่ากระต่ายตัวนั้นยังคงอยู่ดี เขาถามด้วยความสงสัย “เจ้าผ่าท้องมันแล้วเย็บกลับเข้าไปใหม่ เจ้าเป็นคนแบบไหนกัน?”
“มีบางอย่างอยู่ในท้องของมันทำให้มันทรมานอยู่ตลอดเวลา กินยาเข้าไปเพียงใดก็ไม่ดีขึ้น ข้านึกถึงตอนที่ยังอยู่หุบเขาเทพโอสถ ท่านอาจารย์เคยบอกวิธีนี้กับข้า ข้าจึงตัดสินใจลองดู”
“ผ่าท้องหรือ?”
“อืม”
บ่าวรับใช้นำยาต้มมาแล้วเอ่ยว่า “นายท่าน ยาพร้อมแล้วขอรับ”
“ยกมาเถอะ!” เซี่ยชิงโจวคิดว่าหากเขาดื่มเร็วเท่าไหร่ก็จะส่งท่านป้าคนนี้ออกไปได้เร็วขึ้น เขาจะได้ไม่ต้องอกสั่นขวัญแขวนไปมากกว่านี้
เขาเพิ่งเผชิญกับความเป็นความตายที่ดาหน้าเข้ามาหลายต่อหลายครั้ง จึงไม่อาจทานทนต่อภัยคุกคามเช่นนี้ได้อีก
เซี่ยชิงโจวเพิ่งดื่มลงไปหนึ่งอึกก็ถึงกับต้องพ่นน้ำลายพุ่งพรวดออกมา
หมิงจือเหยียนผู้ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหยาดละอองมองเขาอย่างเยือกเย็น
“ข้าไม่ได้ตั้งใจ” เซี่ยชิงโจวชี้ไปยังยาต้มที่เหลืออยู่ในถ้วย “แต่นี่มันขมเกินไปแล้วจริง ๆ”
“ยาดีย่อมมีรสขม”
“เจ้าก็รู้ว่าข้าทนความขมไม่ไหว”
เซี่ยชิงโจวเคยพบหมิงจือเหยียนหลายครั้งหลายครา นิสัยไม่ดีเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ของเขาผู้อื่นไม่รู้ ทว่าหมิงจือเหยียนกลับรู้แจ้งกระจ่างใจ
“อืม ใต้หล้านี้ไม่มียาใดหวาน”
“ขออภัย ข้าจะให้บ่าวรับใช้พาเจ้าไปล้างเนื้อล้างตัว เจ้าวางใจเถอะ ยานี้ข้าจะดื่มให้หมดอย่างแน่นอน”
เซี่ยชิงโจว “…”
ช่างเถิด ภัยพิบัตินี้อย่างไรก็ไม่อาจรอดพ้นแล้ว
เขาดื่มยาต้มลงไปทันที
หลังจากดื่มสิ่งนี้ก็แทบอยากจะคายทิ้งเสียให้หมดจริง ๆ แต่กลับทำได้เพียงกลืนมันลงไปภายใต้สายตาที่ไม่สบอารมณ์ของหมิงจือเหยียน
ถ้าไม่ฝืนกลืนมันลงไป เขากังวลจริง ๆ ว่าจะต้องพ่นมันออกมาเหมือนก่อนหน้านั้น
“หมดแล้ว ดื่มแล้ว”
“เช่นนั้นก็ใช้ได้” หมิงจือเหยียนลุกขึ้นยืน
“รอประเดี๋ยว เจ้าไปล้างเนื้อล้างตัวก่อน ข้าจะให้บ่าวรับใช้ไปซื้อชุดที่เจ้าใส่ได้มา” เซี่ยชิงโจวเอ่ย “ไม่อย่างนั้น หากเจ้าออกไปเช่นนี้ ผู้ที่ไม่รู้คงคิดว่า…”
หมิงจือเหยียนมองเสื้อผ้าที่เปียกโชก ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าน้อย ๆ
หลังจากหมิงจือเหยียนไปแล้ว เซี่ยชิงโจวก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เพียงแต่ เขาไม่อาจพักผ่อนได้ในตอนนี้ อย่างไรเสียหมิงจือเหยียน ‘แขก’ ผู้นี้ก็ยังไม่จากไป เขาต้องรอจนกระทั่งนางออกจากจวนเซี่ยไปจึงจะได้พักผ่อน
“นายท่าน แม่นางหมิงล้างเนื้อล้างตัวเรียบร้อยแล้วขอรับ” บ่าวรับใช้กล่าว “นางกล่าวว่านางยังไม่ได้ถือของตนเองไปจึงให้บ่าวมาเอาของไปให้ขอรับ”
“ไม่ต้อง ข้าจะนำไปให้นางเอง” เซี่ยชิงโจวถือล่วมยาทั้งสองไป
ภายในสวน มีหญิงสาวงดงามผู้หนึ่งนั่งยอง ๆ อยู่ในสนามหญ้า นางลูบไล้ขนของแมวดำตัวหนึ่งเบา ๆ พลางกล่าวพึมพำบางอย่าง
แมวดำตัวนั้นมอมแมมเล็กน้อย ทั่วทั้งตัวเปรอะเปื้อน ไม่มีความสดใสแม้แต่นิด
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า หมิงจือเหยียนก็เงยหน้าขึ้นมา เห็นเพียงเซี่ยชิงโจว จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เหตุใดไม่เข้ามา? แมวตัวนี้ได้รับบาดเจ็บ ข้าจะทำแผลให้มัน”
เซี่ยชิงโจวตะลึงงันไปครู่หนึ่ง “แม่นางหมิง?”
หมิงจือเหยียน?
นี่คือตัวจริงหรือ?
โดยปกติแล้วหมิงจือเหยียนก็สวมใส่เสื้อผ้าสตรี เพียงแต่เพื่อความคล่องแคล่วในการเคลื่อนไหว นางจึงดูทะมัดทะแมงอยู่เสมอ
นางไม่ชอบแต่งเติมใบหน้า ไม่ชอบสวมใส่เครื่องประดับ จึงดูเรียบง่ายมีระเบียบเรียบร้อย
อย่างไรก็ตาม วันนี้นางสวมใส่ชุดกระโปรงหรูหรา ทั่วทั้งร่างจึงดูนุ่มนวลขึ้นมาถึงห้าส่วน
“ถือล่วมยามาทางนี้” หมิงจือเหยียนเอ่ย
เซี่ยชิงโจววางล่วมยาลงบนพื้น พินิจมองใบหน้าด้านข้างของหมิงจือเหยียน
“ท่านมัวทำอะไร? ช่วยข้าจับเท้ามันไว้เร็วเข้า”
เซี่ยชิงโจวจับเท้าแมวป่าไว้อย่างว่าง่าย ป้องกันไม่ให้มันข่วนคน
แปลกพิกล เหตุใดเขาถึงเชื่อฟังเพียงนี้?
ช่างเถิด นางทำเช่นนี้เพื่อช่วยแมวนี่
อีกด้านหนึ่ง ลู่จื่ออวิ๋นส่งองค์หญิงถัวน่าที่ดูราวกับคนโง่งมผู้นั้นออกไป สีหน้านางสลับซับซ้อน
“ฮองเฮา จากท่าทีขององค์หญิงถัวน่าท่านนั้น ดูเหมือนนางจะไม่รู้ตัวนะเพคะ”
“นางไม่รู้ ทว่านางได้ให้เบาะแสที่สำคัญมาก” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “เผ่าคงเจินกำลังเตรียมยกทัพมาจริง บัดนี้อยู่ในมือของซื่อจื่ออันกั๋วกงแล้ว องค์หญิงถัวน่าผู้นั้นเป็นเพียงคนไร้ความสามารถผู้หนึ่งคงจะต้องถูกซื่อจื่ออันกั๋วกงผู้นั้นดึงให้ตกต่ำจนตัวตาย”
“อาจเป็นเพราะคนไร้ความสามารถผู้นี้ ฮองเฮาจึงทำให้นางค่อย ๆ เผยความลับออกมาได้” ไป๋จื่อเอ่ย “ซื่อจื่ออันกั๋วกงผู้นั้นน่าสงสัยยิ่งนัก กล่าวถึงเรื่องนี้แล้ว ซื่อจื่ออันกั๋วกงยังมีสายเลือดของราชวงศ์ไหลเวียน หรือว่า…”
“ความทะเยอทะยานที่จะแข็งข้อ” ติงเซียงเอ่ย
“ปกติเขามีท่าทีไม่แยแสต่อสิ่งใด ไม่มีอะไรไม่เข้าร่องเข้ารอยมาก่อนจริง ๆ” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “บัดนี้เราพบต้นเหตุแล้ว พวกเราจะได้ระมัดระวังให้มากขึ้น”
“คุณหนูรองทางนั้น เกรงว่า…”
“เฉินซานโก่วต้องการประจบประแจงชิงเอ๋อร์ แม้ว่าชิงเอ๋อร์จะไม่ได้ทำให้เรื่องนี้ยุ่งเหยิง แต่เขากลับทำในนามของนาง บัดนี้หากเราต้องการดับโทสะของราษฎร เราทำได้เพียงเข้าใจด้วยเหตุผลแล้วจึงใช้ความรู้สึกขับเคลื่อน แน่นอนว่าไม่ว่าแผนการเบื้องหลังจะเป็นอย่างไร ราษฎรรู้แค่เพียงว่าคนในครอบครัวตนตกเป็นเหยื่อในเรื่องนี้ แทนที่จะหาข้อแก้ตัว พวกเราควรชดใช้ให้พวกเขามากขึ้น เงินไม่ใช่ทุกอย่าง ทว่าคนได้เสียชีวิตไปแล้ว พวกเราจึงทำได้เพียงชดเชยในเรื่องนี้เท่านั้น จากนั้นจึงค่อย ๆ ถามพวกเขาว่ามีอะไรที่ต้องการหรือไม่”
ลู่จื่อชิงทำเช่นนั้นจริง ๆ
คนเหล่านั้นที่ได้รับบาดเจ็บได้รับการปลอบประโลมอย่างรวดเร็ว ทุกคนได้รับเงินจำนวนหนึ่งจึงหยุดสร้างปัญหา ทว่าคนในครอบครัวผู้เสียชีวิตกลับก่อความวุ่นวายขึ้นเรื่อย ๆ
ลู่จื่อชิงนำคนไปเจรจากับแต่ละบ้านด้วยตนเอง พยายามหาหนทางชดเชย หลังจากผ่านไปได้พักหนึ่ง นางก็ถูกสาดน้ำใส่
“พวกท่านอย่าได้โยนมันใส่คุณหนูรองลู่” ซ่งหานจือปรากฏกายบนหลังม้า ข้างหลังมีคนสามคนถูกมัดเอาไว้ สามคนนั้นเป็นชาวบ้านในหมู่บ้าน “คนเหล่านี้พวกท่านไม่คุ้นหน้ากระมัง? เหตุการณ์ดินถล่มบนยอดเขาไม่ใช่อุบัติเหตุแต่อย่างใด หากแต่เป็นการกระทำของคนเหล่านี้ พวกเจ้า เมื่อครู่นี้อธิบายให้ข้าฟังอย่างไร ตอนนี้ก็อธิบายเช่นนั้น!”
ชาวบ้านสองสามคนนั้นหวาดกลัวจนตัวสั่น
“หวังเอ้อร์ เป็นเจ้าหรือ?”
“หลี่ขุย เจ้าไม่ได้ทำใช่หรือไม่? ในนั้นมีพี่ชายแท้ ๆ ของเจ้าอยู่ด้วยนะ”
“จางต้าหรง ปกติเจ้าด้อม ๆ มอง ๆ ไปทั่วหมู่บ้านก็แล้วไปเถิด คนในหมู่บ้านล้วนหลับหูหลับตาข้างหนึ่ง แต่นี่เป็นฝีมือของเจ้าจริง ๆ หรือ?”
เมื่อเหล่าชาวบ้านเริ่มตะโกนต่อว่า ซ่งหานจือก็ถอดเสื้อคลุมออกแล้วสวมลงบนร่างลู่จื่อชิง จากนั้นก็เช็ดสิ่งสกปรกบนใบหน้าให้นาง
“เจ้าโง่หรือไร? พวกเขาอยากสาดน้ำ เจ้าก็ปล่อยให้พวกเขาทำ? มีคนวางแผนใส่ร้ายเจ้าอย่างชัดเจนเช่นนี้ เหตุใดเจ้าต้องโง่เขลายอมทนทุกข์ด้วยเล่า?”
“พวกเขาสูญเสียคนที่รักไป ข้าเข้าใจความรู้สึกของพวกเขา” ลู่จื่อชิงเอ่ยอย่างเศร้าสร้อย “ถึงแม้ข้าจะไม่ได้ทำเรื่องนี้ แต่อย่างไรมันก็เกิดขึ้นเพราะข้า หากครอบครัวของข้า… แค่คิดข้าก็รู้สึกกลัวมากแล้ว พวกเขาโมโห ข้าย่อมเข้าใจ เหตุใดเจ้ามาอยู่ที่นี่เล่า? ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่ามา?”
“ข้าเป็นคนขี้ขลาดหรือ? เจ้าเกิดเรื่องเช่นนี้ข้าจึงต้องหลบซ่อน? เช่นนั้น มิใช่ว่าการที่ข้าติดตามเจ้าหลายปีมานี้สูญเปล่าหรือ?” ซ่งหานจือเอ่ย “ช่วงนี้ข้าไม่ได้อยู่กับเจ้าเพราะกำลังหาเบาะแส หากไม่หาเบาะแส ไม่ว่าเจ้าจะขอโทษ ขออภัย หรือให้เงินชดเชย คิดหาวิธีปลอบพวกเขาให้สงบอย่างไร พวกเขาก็ไม่อาจสงบลงได้”