สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 912 เกรงว่าจะเสียเที่ยวแล้ว
บทที่ 912 เกรงว่าจะเสียเที่ยวแล้ว
บทที่ 912 เกรงว่าจะเสียเที่ยวแล้ว
หลังจากเด็ก ๆ ออกไปแล้ว มู่ซืออวี่ก็ไม่ได้ห้ามตนเองอีกต่อไป นางโผเข้าหาอ้อมกอดของลู่อี้ทันที
ลู่อี้รับตัวนางไว้แล้วเอ่ยว่า “เจ้าผอมลงแล้ว”
ร่างกายของนางอิงแอบอยู่บนร่างกายเขา การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักรู้สึกได้อย่างชัดเจนเกินไป
“ท่านมาได้อย่างไร?”
“เสี่ยวชิงเอ๋อร์ยังรู้ว่าข้าอยากเห็นหน้าเจ้าเร็วขึ้นอีกหน่อย แต่เจ้ากลับถามว่าข้ามาได้อย่างไร?” ลู่อี้ตีบั้นท้ายของนางเบา ๆ “เด็กไร้หัวใจ เจ้ามักจะวิ่งวุ่นไปมาทุกที่ แต่ละครั้งยังไปถึงปีสองปี ในชีวิตเราทุกสองปีสามปี เจ้ามักจะใช้เวลาอยู่ที่อื่น เจ้าไม่สนใจสามีเจ้าแล้วหรือ? ช่างไม่กังวลใจจริง ๆ ไปคราหนึ่งใช้เวลาถึงสองสามปี ไม่กลัวว่ายามที่เจ้ากลับมา เรือนหลังจะมีอนุเล็ก ๆ สามคนห้าคนแล้วรึ”
“หากผู้สำเร็จราชการแทนต้องการรับอนุ นับประสาอะไรกับสามคนห้าคน แม้กระทั่งสามสิบคนห้าสิบคนยังไม่มีปัญหา นับแต่โบราณมาอำนาจในการตัดสินใจว่าบุรุษจะรับอนุหรือไม่ก็ไม่เคยอยู่ในกำมือของสตรี หากท่านอยากรับอนุ แม้นข้าจะผูกท่านไว้ ท่านก็คงจะรับมาอยู่ดี แต่หากท่านไม่ได้มีเจตนานั้น ข้าก็ไม่ต้องคอยจับตามอง ท่านเองก็จะไม่ทำอะไรที่ต้องทำลายความสัมพันธ์ของสามีภรรยาลง”
“ไม่ได้เห็นแม้แต่เงาสองสามปี ยังจะกล่าวว่าไม่ได้ทำร้ายความสัมพันธ์สามีภรรยาอีกหรือ?”
“ฟังดูท่านกล่าวเข้าสิ นี่เป็นถ้อยคำของผู้สำเร็จราชการแทนหรือ? หากไม่รู้ ยังจะคิดว่าเป็นสามีขี้น้อยใจเอาได้” มู่ซืออวี่เงยหน้าขึ้นจูบแก้มเขา “ตอนนี้อารมณ์ดีขึ้นบ้างหรือไม่?”
“ไม่” ลู่อี้อุ้มนางเข้าไปข้างใน “หากเจ้าต้องการให้สามีอารมณ์ดีขึ้น นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะประพฤติตัวอย่างไรแล้ว”
เรื่องในเมืองซานหลินเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว ลู่อี้พาภรรยาและลูก ๆ เที่ยวชมรอบเมือง จากนั้นจึงเดินทางกลับเมืองหลวงอย่างไม่รีบร้อน
เพิ่งกลับมาถึงเมืองหลวง ลู่อี้ก็ถูกเรียกตัวเข้าวังอีกครั้งแล้ว
มู่ซืออวี่เพิ่งมาถึงบ้าน ซูจือหลิ่วและฮูหยินเจี่ยกับสหายที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันก็มาเยี่ยมเยือน
มู่ซืออวี่ได้เตรียมของขวัญไว้แล้วจึงได้มอบของขวัญให้พวกเขากับมือ
ซูจือหลิ่วและฮูหยินเจี่ยเอ่ยถึงลู่จื่ออวิ๋น ถามไถ่ถึงสถานการณ์ของนางทางนั้น ท้ายที่สุดแล้วอย่างไรทุกคนก็ไม่เหมือนกับลู่อี้ที่แม้ตัวอยู่ในจวนทว่าเรื่องราวภายนอกล้วนทราบทั้งหมด
“เวลาผ่านไปเร็วยิ่งนัก” ฮูหยินเจี่ยเอ่ย “ตอนที่ข้าเพิ่งพบเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์เป็นครั้งแรก นางยังตัวเล็ก ๆ อ่อนแอบอบบาง ราวกับเทพธิดาตัวน้อย ๆ ที่แสนงดงาม บัดนี้นางเป็นมารดา ท่านเองก็เป็นท่านยายแล้ว”
“ตอนนี้ท่านเองก็เป็นท่านยายแล้วเช่นกัน” ซูจือหลิ่วเอ่ย “หลิงหลงไม่ได้เพิ่งคลอดหลานสาวผู้หนึ่งให้ท่านหรือ?”
ฮูหยินเจี่ยถอนหายใจออกมา “ใช่แล้ว!”
“อะไรกัน?” มู่ซืออวี่เอ่ย “เรื่องดีเพียงนี้ เหตุใดท่านต้องถอนหายใจด้วยเล่า?”
“บุรุษที่หลิงหลงแต่งให้ผู้นั้นไม่เลวเลย ทว่ามารดาเฒ่าของเขากลับหน้าไม่อาย” ซูจือหลิ่วเอ่ย “สองปีที่ผ่านมาท่านไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงจึงไม่รู้ว่าหลิงหลงต้องทนทุกข์ทรมานเพราะนางเพียงใด”
“หลิงหลงให้กำเนิดลูกสาวคนหนึ่งแล้ว ทว่าแม่สามีผู้นั้นของนางยังปฏิบัติต่อนางด้วยสีหน้าถมึงทึง” ฮูหยินเจี่ยเอ่ย “ข้าอยากจะช่วยนางกล่าวสักสองสามคำ เพียงแต่เห็นว่าลูกเขยเป็นคนซื่อสัตย์จึงไม่อยากทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขา”
“เรื่องนี้ง่ายดาย” มู่ซืออวี่เอ่ย “ข้าเพิ่งกลับมา ย่อมต้องเชิญทุกคนมาจิบชายามบ่าย พรุ่งนี้ท่านก็เชิญพวกเขาแม่สามีลูกสะใภ้มาเถิด ข้าจะช่วยท่านทุบตีนางให้ดี ๆ สักที”
“นี่ไม่รบกวนท่านเกินไปหรือ? ท่านเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ควรพักผ่อนให้เต็มที่ ข้าไม่ควรรบกวนด้วยเรื่องเหล่านี้เลย”
“พวกเราพี่หญิงน้องหญิงยังต้องเกรงใจอะไรอีก? หากท่านอยากให้หลิงหลงทนทุกข์น้อยลงหน่อย ก็ต้องกำราบหญิงเฒ่าผู้นั้น หากไม่กำราบนางสักหน่อย ปล่อยให้นางทำตัวราวกับนางปีศาจ ภายหน้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แม้จะเสียใจก็คงไม่ทันการแล้ว!”
หลังจากหารือรายละเอียดกัน ฮูหยินเจี่ยก็เห็นด้วย
ซูจือหลิ่วดึงชายเสื้อของมู่ซืออวี่แล้วเอ่ยถาม “ท่านเพิ่งกลับมา คงไม่รู้ว่าเมืองหลวงเกิดเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งขึ้นแล้ว”
“เรื่องใหญ่อะไร?”
“ใต้เท้าฉี ฉีเซียว ท่านจำได้กระมัง?”
มู่ซืออวี่หัวเราะออกมา “ข้าไม่ได้สูญเสียความทรงจำเสียหน่อย”
“ใต้เท้าฉีมีคู่หมั้นคู่หมายที่หมั้นกันตั้งแต่อยู่ในท้องผู้หนึ่ง บัดนี้คู่หมั้นผู้นั้นนำหนังสือหมั้นหมายมาให้เขาทำตามสัญญา” ซูจือหลิ่วเอ่ย “ใต้เท้าฉีย่อมไม่รับปากอย่างแน่นอน ท่านลองเดาดูสิว่าเกิดอะไรขึ้น? แม่นางผู้นั้นเป็นคนโผงผางตรงไปตรงมา นางย้ายเข้าไปอยู่ในจวนของใต้เท้าฉีแล้ว ดังนั้นเพื่อหลบเลี่ยงแม่นางผู้นั้น ใต้เท้าฉีไม่ได้กลับไปที่จวนกว่าครึ่งเดือน วัน ๆ เอาแต่กินนอนอยู่ที่กรมกลาโหม”
“ข้าไม่ได้กลับมา เมืองหลวงกลับเกิดเรื่องน่าสนใจมากมายเพียงนี้! คู่หมั้นของใต้เท้าฉี… เป็นอย่างไรกัน? ด้วยรูปลักษณ์ของใต้เท้าฉี คู่หมั้นของเขาคงไม่ย่ำแย่เกินไปกระมัง?” มู่ซืออวี่เอ่ย “แน่นอนว่าข้าเพียงกล่าวไปเช่นนั้น อย่างไรเสีย สตรีธรรมดาทั่วไปยากนักที่จะมีรูปโฉมอย่างใต้เท้าฉี ดังนั้นตำแหน่งฮูหยินฉีจึงยังว่างเปล่ามาโดยตลอด”
“จะกล่าวอย่างไรดี…” ซูจือหลิ่วหัวเราะออกมา “หยาบกระมัง”
“ใช้คำว่าหยาบอธิบายสตรีนางหนึ่ง…” มู่ซืออวี่เอ่ย “นึกไม่ถึงว่าแม้กระทั่งเจ้าก็โหดร้ายมากเช่นกัน”
“แม่นางผู้นั้นมาจากสกุลแม่ทัพ เพียงแต่ครอบครัวนางยากจน ดังนั้นนางจึงเติบโตขึ้นมาในชนบท” ซูจือหลิ่วเอ่ย “ก่อนหน้านี้ที่ท่านเพิ่งมาเมืองหลวง คนมากมายล้วนกล่าวว่าท่านเป็นสตรีบ้านนอก อย่างไรก็ตาม หลังจากท่านปรากฏกาย ความรู้ที่ท่านแสดงออกมาเป็นสิ่งที่แม้กระทั่งสตรีจากสกุลใหญ่ที่มีชื่อเสียงเหล่านั้นก็ไม่อาจเทียบได้ ทว่าคราวนี้ แม่นางผู้นี้มาจากชนบทจริง ๆ ทั้งยังเป็นสตรีบ้านนอกทั่ว ๆ ไป กล่าวคือ เป็นไปไม่ได้ที่ใต้เท้าฉีจะทำตามสัญญานี้ ทว่าอีกฝ่ายมีหนังสือหมั้นหมาย เขาต้องการปฏิเสธการแต่งงานย่อมไม่มีวิธีอื่น จึงทำได้เพียงหลบซ่อนตัว”
“จู่ ๆ ข้าก็อยากรู้ขึ้นมาแล้วว่าสตรีเช่นใดที่ทำให้ใต้เท้าฉีปวดหัวได้เพียงนี้”
“พระชายา…” พ่อบ้านเดินเข้ามาเอ่ยกับมู่ซืออวี่ “หน้าประตูมีแม่นางแซ่จูขอพบท่านขอรับ”
“แม่นางผู้นั้นแซ่จู” ซูจือหลิ่วเอ่ย “หรือว่าจะเป็นคู่หมั้นของใต้เท้าฉีเซียวจริง ๆ?”
“เป็นไปไม่ได้กระมัง? ข้าเพิ่งกลับมาเมืองหลวง นางก็มาหาข้าแล้ว เพราะเหตุใดเล่า?” มู่ซืออวี่เอ่ย
“แม่นางท่านนั้นกล่าวว่าต้องการให้พระชายาผู้สำเร็จราชการแทนตัดสินให้นางขอรับ” พ่อบ้านกล่าวต่อไป “พระชายา ท่านจะจัดการกับแม่นางท่านนั้นอย่างไรขอรับ?”
“เชิญนางเข้ามา”
พ่อบ้านพาสตรีผู้นั้นเข้ามาอย่างรวดเร็ว
มู่ซืออวี่มองสตรีผู้นั้นด้วยความสงสัย
สตรีผู้นี้อายุยังไม่มาก ราว ๆ สิบแปดปี ทว่าร่องรอยบนใบหน้าแสดงให้เห็นว่านางผ่านความยากลำบากมามากมายเพียงใด คงไม่ใช่คุณหนูสกุลใหญ่ที่มีคนพะเน้าพะนอจริง ๆ
นางค้อมคำนับอย่างงก ๆ เงิ่น ๆ แล้วกล่าวว่า “พระชายาผู้สำเร็จราชการแทน ข้าได้ยินมาว่าท่านเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองหลวง วันนี้ข้าเสียมารยาทมารบกวนท่านเพราะต้องการให้พระชายาช่วยตัดสินให้คู่หมั้นแต่งงานกับข้า”
มู่ซืออวี่ “…”
สตรีผู้สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองหลวงคือฮองเฮา
นอกจากนี้ นางเป็นเพียงพระชายาผู้สำเร็จราชการแทนผู้หนึ่ง จะบังคับให้ขุนนางแต่งงานกับอีกฝ่ายได้อย่างไร? นางไม่ได้รับผิดชอบเรื่องการแต่งงานของผู้ใดเสียหน่อย
“เหตุใดจู่ ๆ เจ้าจึงมาหาข้าเล่า?” มู่ซืออวี่เอ่ย “ตำแหน่งขุนนางของใต้เท้าฉีไม่ได้ต่ำต้อย ข้าเป็นสตรีเพียงผู้หนึ่ง จะจัดการเรื่องของเขาได้อย่างไร แม่นางท่านนี้ เกรงว่าการเดินทางของเจ้าในวันนี้จะเสียเที่ยวแล้ว”