สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 913 ไม่เช่นนั้น ท่านก็แต่งภรรยาสักคนเถอะ!
- Home
- สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派]
- บทที่ 913 ไม่เช่นนั้น ท่านก็แต่งภรรยาสักคนเถอะ!
บทที่ 913 ไม่เช่นนั้น ท่านก็แต่งภรรยาสักคนเถอะ!
บทที่ 913 ไม่เช่นนั้น ท่านก็แต่งภรรยาสักคนเถอะ!
“ข้าได้ยินพวกเขาพูดกันว่า พระชายาผู้สำเร็จราชการแทนเป็นสตรีประหลาด แม้กระทั่งใต้เท้าฉีเซียวยังชื่นชม ขอเพียงท่านช่วยพูดให้ข้า ใต้เท้าฉีจะฟังท่านอย่างแน่นอน” จูเคอกล่าว
“แตงที่ฝืนเด็ดนั้นไม่หวาน แม่นางมาจากครอบครัวชาวไร่ชาวนา คงเข้าใจความจริงข้อนี้ดี” มู่ซืออวี่เชื้อเชิญให้นางนั่งลง
สาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ นำชาและของว่างมาให้
ไม่ว่าจะเป็นชา ของว่าง หรือแม้กระทั่งถ้วยที่ใส่ชา ล้วนแต่ประณีตบรรจงทั้งสิ้น
จูเคอจิบชาหนึ่งอึก แล้วขมวดคิ้วมุ่น “ชานี้ช่างไร้รสชาติ ไม่อร่อยเลย”
หลังจากกินของว่างเข้าไปเพียงหนึ่งคำ นางก็ส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ไม่หวานแม้เพียงนิด ไม่อร่อยเท่าแป้งทอดที่บ้านข้าทำเอง”
สีหน้าของสาวใช้สองสามคนที่อยู่ข้าง ๆ ล้วนแต่ดูอิหลักอิเหลื่อ
มู่ซืออวี่ไม่ได้แสดงสีหน้าว่ามีอะไรไม่ถูกต้อง
“อย่างไรก็ตาม สัญญาการแต่งงานระหว่างพวกเราสองสกุลได้ตกลงกันนานแล้ว สกุลฉีไม่อาจปฏิเสธการแต่งงานเพียงเพราะสกุลข้าตกต่ำได้” จูเคอเอ่ย “หากเป็นเช่นนี้ สกุลฉีจะไม่ไร้ยางอายเกินไปหน่อยหรือ”
“สัญญาการแต่งงานระหว่างทั้งสองสกุลของพวกเจ้าตัดสินใจกันอย่างไร?”
“ยามนั้นแม่ข้ากำลังตั้งท้อง แม่ใต้เท้าฉีมีความสัมพันธ์อันดีกับแม่ข้าจึงกล่าวว่ารอข้าเกิดมาก่อน แล้วข้าจะเป็นลูกสะใภ้สกุลฉีของพวกเขา” จูเคอก้มหน้าลงอย่างขัดเขิน
“เจ้าได้พบกับใต้เท้าฉีแล้วหรือยัง?”
“เคยพบแล้ว”
“รู้สึกอย่างไร?”
“เขาหน้าตาดีจริง ๆ เพียงแต่อายุมากกว่าเล็กน้อย”
มู่ซืออวี่ยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ “อายุอานามเจ้าก็คงไม่น้อยแล้ว เหตุใดก่อนหน้านี้ไม่มาทำตามสัญญาหมั้นหมายเล่า หากเจ้ามาเร็วกว่านี้ บางทีอาจแต่งเข้าสกุลฉีไปแล้ว”
“ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยรู้เรื่องการแต่งงาน” จูเคอเอ่ย “ไม่กี่เดือนก่อน จู่ ๆ แม่ข้าก็ได้พบกับสหายเก่า ครั้นพวกเขารำลึกถึงคืนวันเก่าก่อนขึ้นมาก็เอ่ยถึงเรื่องการแต่งงานระหว่างเรากับสกุลฉี ข้าบังเอิญไปได้ยินเข้า เดิมทีแม่ข้ายังไม่ยอมรับ ภายหลังจึงทนปิดบังข้าไม่ไหวและเล่าทุกอย่างออกมา ข้าได้ยินว่าตนมีคู่หมั้นผู้หนึ่ง แน่นอนว่าย่อมมาทำตามสัญญาหมั้นหมาย ข้าไม่ใช่คนประเภทไม่รักษาสัญญา”
“พระชายา นายน้อยใกล้กลับมาแล้ว ท่านไม่ได้บอกว่าวันนี้จะตุ๋นตีนไก่ไร้กระดูกให้เขาด้วยตนเองหรือเจ้าคะ? หากท่านไม่ไปเตรียมตัว จะไม่ทันการเอาได้นะเจ้าคะ” ฉานอีที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยเตือน
“แม่นางจู เจ้าก็เห็นแล้วว่าข้ายังมีเรื่องต้องทำ วันนี้ไม่อาจอยู่รับรองเจ้า” มู่ซืออวี่แย้มยิ้มบาง ๆ “ไม่สู้เจ้ากลับไปก่อนเถอะ”
“เช่นนั้น เรื่องที่ท่านรับปากข้าเล่า?”
มู่ซืออวี่กล่าวยิ้ม ๆ “แม่นางจู เรื่องนี้ข้าไม่อาจช่วยเจ้าได้จริง ๆ อย่าว่าแต่ข้าไม่อาจช่วยเจ้าได้ แม้เจ้าจะให้ฝ่าบาทกับฮองเฮาช่วยตัดสินให้ นั่นก็ไม่อาจช่วยเจ้าได้เช่นกัน พวกเราไม่ใช่ใต้เท้าฉี ไม่อาจไปกดดันเขาให้ตกปากรับคำสู่ขอเจ้าแต่งงานได้”
“เขามีอำนาจมากมาย จึงดูถูกข้าที่เป็นเพียงหญิงบ้านนอกผู้หนึ่ง หากไม่มีผู้ใดช่วยข้า เขาจะต้องไม่ยินดีทำตามสัญญาอย่างแน่นอน” จูเคอรู้สึกไม่พอใจ
“แม่นาง หากเจ้าไม่ได้แต่งให้ใต้เท้าฉี อันที่จริงแล้วก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร” มู่ซืออวี่เอ่ย
“เพราะเหตุใด?”
“เจ้าเคยเห็นเพียงรูปโฉมหล่อเหลาของใต้เท้าฉีแต่กลับไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของเขา” มู่ซืออวี่เอ่ย “แม้ว่าผ่านมาหลายปีแล้ว ชื่อเสียงของใต้เท้าฉีเซียวจึงอ่อนลง แต่หากเจ้าไปสอบถามเรื่องของเขา จะพบว่าหน่วยลับในวันคืนที่กำลังรุ่งโรจน์ฆ่าคนไปมากมาย ตัดหัวคนราวกับหั่นหัวไชเท้า ใต้เท้าฉีเซียวมีหน้าตาเช่นนี้กลับไม่เคยแต่งงาน แน่นอนว่าเป็นเพราะคนธรรมดาทั่วไปล้วนไม่กล้าแต่งให้”
“เขาน่ากลัวเพียงนั้นเลยหรือ?”
“มิเช่นนั้นเขาที่มีรูปโฉมเช่นนี้ ทั้งยังมีสถานะสูงศักดิ์ เหตุใดสตรีในเมืองหลวงไม่กล้าแต่งงานกับเขาเล่า?” มู่ซืออวี่ชูนิ้วขึ้น แล้วกล่าวกับจูเคอด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ยังมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง ข้าได้ยินมาว่าเขาได้รับบาดเจ็บ”
“บาดเจ็บแล้วเกี่ยวอะไร ไม่ใช่ว่ารักษาไม่หายเสียหน่อย” จูเคอนึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงกล่าวด้วยความตกใจ “คงไม่ได้รักษาไม่หายจริง ๆ กระมัง?”
“ข้าไม่รู้ นั่นเป็นเพียงสิ่งที่คนข้างนอกเล่าลือ” มู่ซืออวี่เอ่ย “เรื่องเช่นนี้ไม่อาจกล่าวเรื่อยเปื่อยได้”
ท้ายที่สุดจูเคอก็ถูกส่งออกไปแล้ว
หลังจากนางจากไป มู่ซืออวี่ก็กลับมานั่งที่เดิม
ตีนไก่ตุ๋นต้องปรุงจริง ๆ เพียงแต่ไม่ใช่ตอนนี้ หากแต่เป็นครึ่งเดือนก่อน เด็กเหล่านั้นกินตีนไก่มาได้ครึ่งเดือนแล้ว หมู่นี้พวกเขาย่อมหมดความอยาก
“พระชายา ใต้เท้าฉีมาแล้วขอรับ”
“คู่หมั้นผู้นั้นของเขาเพิ่งไป แล้วเขามาทำอะไรที่นี่?”
ฉีเซียวก้าวเข้ามา แล้วเอ่ยนิ่ง ๆ “แน่นอนว่าข้ามารับการรักษาโรคจากพระชายา”
“โรคอะไร?” มู่ซืออวี่ยังไม่เข้าใจ
ฉีเซียวเคาะลงบนโต๊ะ
บ่าวรับใช้รีบเปลี่ยนน้ำชาและของว่างให้ทันที
ชาอย่างเดียวกัน ของว่างอย่างเดียวกัน ฉีเซียวกลับกินอย่างมีความสุข เห็นได้ชัดว่าคนบางคนไม่ได้เกิดมาคู่กัน ไม่ว่าพวกเขาจะถูกจับคู่อย่างไรก็ไม่อาจเป็นคู่ที่เหมาะสมได้
“รักษาโรคที่รักษาไม่หาย มิเช่นนั้นภายหน้าคงส่งผลต่อการแต่งงานและมีลูกแล้ว” ฉีเซียวเหลือบมองนางด้วยหางตา
มู่ซืออวี่ “…”
นางเหลียวมองไปรอบ ๆ
สาวใช้หลายคนมีสีหน้าราวกับไม่ได้รับความเป็นธรรม
ซางจือที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “คงไม่ใช่แม่นางจูผู้นั้นพูดเรื่องเหลวไหลนี้ออกไปข้างนอกกระมังเจ้าคะ?”
นางเพิ่งเอ่ยบางอย่างให้จูเคอถอนตัว ทว่ายังไม่ทันได้ขยับตัว ข่าวก็ไปถึงหูฉีเซียวแล้ว ดูท่าแล้วผู้เดียวที่แพร่ข่าวนี้ได้คงมีเพียงจูเคอ
“ท่านพบจูเคอแล้วหรือ?”
“นางถามข้าว่า ข้าป่วยแล้วใช่หรือไม่ เพราะไม่อยากทำร้ายนาง ถึงได้ไม่ยินดีแต่งงานด้วย” ฉีเซียวยิ้มหยัน
“ท่านตอบกลับอย่างไร?”
“ข้าน่ะหรือ? ข้าเพียงแค่โยนนางใส่คุกกรมอาญารอรับการลงโทษน่ะสิ” ฉีเซียวเอ่ยด้วยท่าทีนิ่งสุขุม “นางหยุดเพ้อฝันที่จะแต่งกับข้าเมื่อใด ข้าก็จะปล่อยนางออกมาเมื่อนั้น หากนางยังยืนกรานจะแต่งให้ได้ เช่นนั้นก็ปล่อยให้นางอยู่ที่นั่นจนแก่เฒ่าเถอะ”
มู่ซืออวี่นึกถึงความเป็นไปได้ต่าง ๆ นานา กลับนึกไม่ถึงว่าฉีเซียวจะลงมือต่อแม่นางน้อยผู้หนึ่งรวดเร็วแม่นยำถึงเพียงนี้
“ใต้เท้าฉี นั่นเป็นเพียงแม่นางน้อยผู้หนึ่ง ท่านลงมือเช่นนี้รุนแรงเกินไปหรือไม่? ท่านเพียงกล่าวกับนางให้ชัดเจน ปล่อยให้นางล่าถอยออกไปก็เพียงพอแล้ว”
“ข้าให้โอกาสนางแล้ว” ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้เห็นนางเป็นจริงจังจึงส่งคนไปปฏิเสธ นึกไม่ถึงว่านางจะกล้ามาถึงจวนผู้สำเร็จราชการแทน ยิ่งนึกไม่ถึงว่านางจะเอ่ยเรื่องไร้สาระเหล่านี้กับมู่ซืออวี่
หากไม่มีผู้ใดบอก เขาคงไม่เชื่อ
ในเมื่อนางกล้าหาญเพียงนั้น เช่นนั้นก็ให้นางได้เห็นบางอย่างที่ ‘น่าสนใจ’ สักหน่อยดีกว่า
“ท่านกับนางมีสัญญาหมั้นหมายจริงหรือ?”
“อาจจะจริงกระมัง!”
“หากท่านไม่อยากแต่งงานกับแม่นางจูผู้นี้ เช่นนั้นก็เลือกคุณหนูผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวงสักคนสิ ขอเพียงท่านแต่งงาน ผู้อื่นย่อมถอดใจแล้ว”
“คุณหนูผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวง… สตรีที่ยังไม่ได้แต่งงานแก่กว่าเสี่ยวชิงเอ๋อร์เพียงไม่กี่ปีไม่ใช่หรือ?” ฉีเซียวเหลือบมองมู่ซืออวี่ “แม่นางน้อยเหล่านี้จะแต่งมาเป็นภรรยาข้าหรือแต่งมาเป็นลูกสาวข้ากันแน่?”
มู่ซืออวี่ “…”
ผู้ใดใช้ให้เขาไม่แต่งงานเสียแต่เนิ่น ๆ เล่า?
บัดนี้กลับไม่ชอบที่แม่นางน้อยผู้อื่นอ่อนวัยกว่า!
“อันที่จริง ข้าคิดว่าพวกเขาคงไม่รังเกียจ” มู่ซืออวี่เอ่ย “สถานะของท่านก็สูงศักดิ์ ใบหน้าของท่านก็สูงส่ง นอกจากนี้บุรุษอายุมากกว่าสตรีย่อมรู้จักวิธีดูแลผู้อื่น ดังนั้นเรื่องนี้ไม่เป็นปัญหา”
“มื้อเย็นมีอะไรทาน? ในเมื่อมาแล้ว ข้าก็จะอยู่ทานอาหาร จะได้รอพบเสี่ยวชิงเอ๋อร์ด้วย” ฉีเซียวเอ่ย