สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 920 ศัตรูพบกันบนทางแคบ
บทที่ 920 ศัตรูพบกันบนทางแคบ
บทที่ 920 ศัตรูพบกันบนทางแคบ
เกิดเสียงดังมาจากด้านนอก
ลู่จื่อชิงและฉินโม่ถงมองหน้ากัน
พวกเขาคิดว่าในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนเช่นใดก็คงไม่กล้าก่อปัญหาในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ แต่เหตุใดจึงรู้สึกว่ามีบางคนไม่อาจสงบสติอารมณ์ได้เล่า?
ทั้งสองคนออกมาหน้าประตู จึงเห็นคนแคระที่ก่อนหน้านี้พวกเขาให้ความสนใจเป็นพิเศษซึ่งกำลังไล่กวดขอทานผู้หนึ่งไปรอบ ๆ
ร่างของขอทานผู้นั้นปราดเปรียวเป็นอย่างยิ่ง ยักย้ายไปมาท่ามกลางกลุ่มคน เป็นผลให้คนแคระผู้นั้นร้องตะโกนด้วยความโมโห
“จับข้าไม่ได้หรอก! จับข้าไม่ได้หรอก!” ขอทานผู้นั้นยักคิ้วหลิ่วตาใส่คนแคระ
คนแคระโมโหมากเสียจนโบกค้อนใหญ่ในมือไล่ตามไป “อย่าให้ข้าจับเจ้าได้นะ ไม่เช่นนั้นข้าจะทุบเจ้าให้แตกเป็นชิ้น ๆ ด้วยค้อนนี่”
ลู่จื่อชิงเห็นขอทานผู้นั้นก็โมโหขึ้นมาทันที
“เจ้าจะทำอะไร?” ฉินโม่ถงคว้านางไว้
“นางเป็นคนขโมยถุงเงินของข้าไป”
ฉินโม่ถงได้ยินลู่จื่อชิงกล่าวเช่นนั้นจึงเอ่ยขึ้น “เจ้ายืนอยู่นี่แหละ ข้าจะไปหานางเอง”
ฉินโม่ถงบอกว่าเขาจะช่วยลู่จื่อชิงจับ ‘ขโมย’ จึงไปหยุดอยู่ตรงหน้าขอทานผู้นั้น
ขอทานถูกฉินโม่ถงปรากฏกายขวางอย่างกะทันหันจึงเอ่ยด้วยความไม่พอใจ “เจ้าทำอะไร? ข้าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้ากระมัง?”
“เจ้าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับข้า แต่เจ้าเป็นฝ่ายยั่วยุนาง” ฉินโม่ถงชี้ไปทางลู่จื่อชิง
เท่านั้นเองขอทานจึงสังเกตเห็นลู่จื่อชิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
“เจ้านี่ยอมแพ้ไม่เป็นจริง ๆ เจ้าแพ้ให้ข้าแล้ว กลับหาผู้อื่นมาสร้างปัญหาให้ข้าแทน นี่มันไร้เหตุผลเกินไปหน่อย” ขอทานเอ่ย
ลู่จื่อชิงกอดอกแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น “เจ้าขโมยถุงเงินข้า กระทำความชั่ว สหายข้ามาทวงความยุติธรรมให้ข้า ผู้ที่ไร้เหตุผลคือผู้ใดกันแน่? พวกเราเองก็ไม่อยากทำให้เจ้าลำบากใจ ส่งถุงเงินข้าคืนมาเถอะ!”
“เงินถูกใช้หมดแล้ว”
“ใช้หมดแล้วหรือ? ในนั้นมีไข่มุกราตรีเม็ดหนึ่ง ไม่อาจประเมินค่าได้เชียวนะ” ลู่จื่อชิงเอ่ยด้วยความโกรธ
“ข้าไม่เห็นไข่มุกราตรีอะไรนั่น แม่นางน้อยผู้นี้ช่างน่ารังเกียจจริง ๆ เพื่อสร้างปัญหาให้ข้า เจ้าจงใจบอกว่ามีไข่มุกราตรีอยู่ในถุงเงิน นี่ไม่ใช่ทำให้ผู้อื่นคิดว่าข้ามีสมบัติมหาศาลอยู่ที่ตัวหรือ?”
“ข้ารู้แล้ว” คนแคระชี้ไปที่ขอทานน้อยแล้วเอ่ยว่า “เจ้าเป็นหัวขโมยที่ขโมยสมบัติของคนอื่น ๆ ในช่วงสองปีที่ผ่านมาใช่หรือไม่?”
“ไม่ผิด เป็นข้าเอง” ขอทานตัวน้อยเชิดหน้าขึ้น “ข้าขโมยของของเจ้าไป นำของเหล่านั้นไปมอบให้กับคนยากจน ท้ายที่สุดแล้วข้าก็ทำเรื่องดี ๆ ให้พวกเจ้า ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้าหรอกน่า!”
“เจ้าป่วยหรือ!” ลู่จื่อชิงเอ่ย “ทุกวันนี้ลมฝนตกต้องตามฤดูกาล แว่นแคว้นสงบสุข ผู้คนปลอดภัย ชีวิตของราษฎรไม่รู้ดีขึ้นกว่าเดิมเพียงใด เจ้าจำเป็นต้องใช้วิธีนี้ขโมยของเพื่อช่วยเหลือราษฎรรึ? อยู่ป่าเขามานานเกินไปแล้วกระมัง?”
“เจ้านำถุงเงินสหายข้าออกมา” ฉินโม่ถงเอ่ย “แล้วเรื่องนี้จะถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น”
“ฝันไปเถอะ!” ขอทานน้อยแลบลิ้น “ของที่ข้าได้มาด้วยความสามารถ หากเจ้ามีปัญญาก็เอาคืนไป หากเจ้าไม่มีปัญญาก็ยอมรับแต่โดยดีซะ”
“บัดซบ!” ฉินโม่ถงเหวี่ยงกระบี่ไปทางขอทานน้อย
คนแคระก็เหวี่ยงค้อนอันใหญ่ของเขาเข้าไปมะรุมมะตุ้มนางเช่นกัน
“พวกเจ้าบุรุษสองคน รุมข้าแม่นางน้อยผู้เดียวเช่นนี้ ไร้ยางอายแล้วหรือไม่? ทุกท่านมาดูเร็วเข้า นี่คือสิ่งที่เรียกว่าจอมยุทธ์ในยุทธภพ คนหมู่มากรังแกคนน้อย บุรุษรังแกสตรีแล้ว”
ปึก! เกิดเสียงแปลก ๆ ดังแหวกอากาศขึ้น
ฉินโม่ถงและคนแคระสัมผัสได้ถึงอันตรายจึงเก็บกระบี่ในมือกลับมาได้ทัน
ขอทานน้อยกอดต้นไม้ใหญ่ เฝ้ามองลูกธนูที่ปักเข้ากับลำต้นของไม้ต้นนั้น
ชายหนุ่มในชุดดำผู้หนึ่งเดินออกมา ดวงตาเย็นชาของเขาจ้องมองมาทางนี้ “เสียงดัง”
“ได้ยินหรือไม่? พวกเจ้าเสียงดังมาก” ขอทานน้อยวิ่งไปหาชายหนุ่ม “ในที่สุดเจ้าก็ยอมออกมา หากเจ้ายังไม่ออกมา ข้าคงถูกพวกเขาฆ่าตายแล้ว”
“ผู้ใดใช้ให้เจ้าก่อเรื่องอีก”
“ข้าเพียงแค่หยอกล้อพวกเขาเล่น!” ขอทานน้อยเอ่ย “ข้าไม่สน เจ้าต้องช่วยข้า เจ้าบอกแล้วนี่ว่าจะปกป้องข้า”
ลู่จื่อชิงขมวดคิ้ว “โม่ถง ช่างเถิด”
เพื่อถุงเงินใบหนึ่ง หรือแม้กระทั่งไข่มุกราตรีหนึ่งเม็ด หากต้องทำให้ฉินโม่ถงบาดเจ็บ การเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งเช่นนี้ช่างไม่คุ้มค่าเลยจริง ๆ
“ไม่เอาคืนแล้วหรือ?”
“ภายหน้าค่อยว่ากันเถอะ!”
ในเมื่อนางเป็นหัวขโมย จะต้องก่อเหตุอีกครั้งอย่างแน่นอน ขอเพียงตกมาอยู่ในมือลู่จื่อชิงได้ รอดูเถิดว่านางจะจัดการสตรีเหม็นโฉ่ผู้นี้อย่างไร
ผู้คนในเขาหนึ่งกระบี่ให้อิสระแก่พวกเขามากพอ นอกเหนือจากการส่งอาหารและสิ่งของจำเป็นต่าง ๆ ตามปกติ อีกฝ่ายแทบไม่ยุ่งเกี่ยวกับการกระทำใด ๆ เพียงแต่พวกเขายังไม่อาจขึ้นไปบนเขาได้เท่านั้น
“ได้ยินว่างานชุมนุมจอมยุทธ์จัดขึ้นบนเขา” มีเสียงดังเข้ามาจากด้านนอก “ผู้ใดก็ตามที่กล้าขึ้นเวทีก็สามารถเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ได้ ข้าเห็นว่าแค่พวกเราที่นี่ก็มีคนเกินกว่าร้อยคนแล้ว อีกกลุ่มหนึ่งมีเกินกว่าสามร้อยคน รวมกันก็เกือบห้าร้อยคน ถึงแม้จะเข้าร่วมเพียงครึ่งเดียว ที่เหลืออีกครึ่งมาคอยให้กำลังใจ หรือไม่ก็มาชมความครึกครื้น อย่างไรก็ยากที่จะโดดเด่นขึ้นมา”
“ประมุขพันธมิตรยุทธภพ สถานะนี้ช่างดึงดูดใจจริง ๆ”
“นอกจากประมุขพันธมิตรยุทธภพแล้ว ขอเพียงเข้าไปถึงรอบสุดท้ายก็สามารถเลือกอาวุธวิเศษของเขาหนึ่งกระบี่ได้”
ลู่จื่อชิงยืนอยู่ที่หน้าต่าง เฝ้ามองดูกลุ่มคนที่เดินมาจากฝั่งตรงข้าม
“โม่ถง!”
ฉินโม่ถงที่อยู่ห้องข้าง ๆ ได้ยินเสียงของนางจึงวิ่งออกมา “เกิดอะไรขึ้น?”
ลู่จื่อชิงชี้ไปทางฝั่งตรงกันข้าม “อาภรณ์น้ำเงิน…”
ฉินโม่ถงเห็นแล้ว
สตรีอาภรณ์น้ำเงินเดินนำมา ข้างหลังนางยังมีสตรีอาภรณ์ชุดเขียวด้วย
“แขกทุกท่าน…” บ่าวรับใช้เอ่ยเสียงสั่น “ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกท่าน กรุณาลงเขาด้วยเถิด”
“ฮ่า ๆ…” เติ้งจิ่วอวี๋ สตรีอาภรณ์น้ำเงินหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ “พวกเขามาได้ เหตุใดพวกเราจะมาไม่ได้เล่า? เขาหนึ่งกระบี่ของพวกเจ้าช่างน่าเบื่อเสียจริง ดูถูกสตรีตำหนักเซิ่งหัวเราหรือ?”
“ไม่ได้ เพียงแต่พวกท่านฆ่าคนจากหยางเจียจวงสกุลหยาง…”
“ข้าเพียงแค่ตัดแขนของเจ้าสำนักหยางเจียจวงสกุลหยางไป ส่วนคนทั้งหยางเจียจวงนั้น พวกข้าไม่ได้ฆ่าพวกเขา ข้ามาที่นี่วันนี้ ประการแรกเพื่ออธิบายให้ชัดเจน ผู้อื่นจะได้ไม่คิดว่าพวกเราสตรีตำหนักเซิ่งหัวฆ่าคนไปเรื่อย ประการที่สอง ในเมื่อทุกคนมาแล้ว ตำหนักเซิ่งหัวของข้าย่อมต้องมา หากไม่ต้องการให้เราไป ย่อมได้ เพียงแต่ต้องถามกระบี่ในมือข้าเสียก่อนว่าเห็นด้วยหรือไม่”
“ท่านบอกว่าหยางเจียจวงสกุลหยางไม่ได้ถูกพวกท่านทำลายหรือ?”
“แน่นอนว่าไม่”
“หากไม่ใช่พวกท่านที่ทำลาย เช่นนั้นเป็นผู้ใด?”
“นี่เป็นคำถามที่ดี มิเช่นนั้นเจ้าไปถามเจ้าสำนักหยางดูดีหรือไม่ รอเจ้าถามกระจ่างแล้วค่อยกลับมาหาพวกเรา”
โอหัง!
อย่างไรก็ตาม สตรีอาภรณ์น้ำเงินกลับมาในยุทธภพด้วยท่าทีเช่นนี้ ย่อมต้องมีอะไรให้พึ่งพาอย่างแน่นอน มิเช่นนั้นไยต้องโผล่มาในสิบปีให้หลัง ไยไม่เลือกกลับมาเวลาอื่น แต่เลือกกลับมาในยามนี้
บ่าวรับใช้ไม่อาจตัดสินแทนเจ้าบ้านได้ ดังนั้นจึงเหลือเพียงคนไม่กี่คนไว้พูดคุยกับสตรีอาภรณ์น้ำเงิน ขณะที่คนอื่น ๆ ไปรายงานสถานการณ์ให้เจ้าสำนักเขาหนึ่งกระบี่ฟัง ดูว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร
เจ้าสำนักหนึ่งกระบี่คือหยางเอ้อร์เสีย น้องชายของเจ้าสำนักหยาง แม้พี่ชายน้องชายทั้งสองจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับบุญคุณความแค้นของกันและกัน ทว่าฆาตกรสังหารพี่ชายแท้ ๆ ของตนมายั่วยุถึงหน้าประตู หยางเอ้อร์เสียจะนั่งนิ่งรอความตายได้อย่างไร?
ไม่นานนัก บ่าวรับใช้ก็กลับมาตอบสตรีอาภรณ์น้ำเงินด้วยท่าทีนบนอบ “เจ้าสำนักมีคำสั่ง ผู้มาเป็นแขกจากแดนไกล ในเมื่อแม่นางทุกท่านจากตำหนักเซิ่งหัวมาที่นี่เพราะงานชุมนุมจอมยุทธ์ เช่นนั้นก็เป็นแขกผู้เข้าร่วมงานชุมนุมจอมยุทธ์เช่นคนอื่น ๆ บุญคุณความแค้นระหว่างพวกเราสองฝ่ายค่อยสะสางหลังจากงานชุมนุมจอมยุทธ์สิ้นสุดลง”
“นี่สิถึงจะเรียกว่าการกระทำของจอมยุทธ์!” เติ้งจิ่วอวี๋ขยิบตาให้ลู่จื่อชิง