สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 922 การแข่งขันรอบที่สอง
บทที่ 922 การแข่งขันรอบที่สอง
บทที่ 922 การแข่งขันรอบที่สอง
“ข้าไม่คุ้นเคยกับศิษย์พี่หญิงของพวกท่าน คราก่อนนางพบคนไม่ดี ข้าผ่านไปจึงยื่นมือช่วยเหลือ” ขณะที่คุณชายอี้หรานกล่าวเช่นนั้น สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่ลู่จื่อชิง
“คุณชายอี้หรานเย็นชาต่อพวกเรา ทว่าต่อแม่นางน้อยท่านนั้นกลับค่อนข้างใส่ใจทีเดียว หรือว่าคุณชายอี้หรานชอบเด็กน้อยเช่นนี้” ศิษย์หญิงผู้นั้นกล่าวด้วยสีหน้าบึ้งตึง
เมื่อลู่จื่อชิงขึ้นไปบนสนามประลอง สตรีชาวเหมียวผู้หนึ่งก็ขึ้นมาเช่นกัน
เมื่อเห็นสตรีชาวเหมียวผู้นี้ เหล่าบุรุษล้วนส่งเสียงกึกก้อง
สตรีชาวเหมียวสวมใส่เครื่องแต่งกายแปลกตา เอวของพวกนางบางเสียจนหักได้ด้วยสองมือ ยามย่างเท้าเดินเกิดเสียงกรุ๊งกริ๊ง ดึงดูดความสนใจของผู้คนเป็นพิเศษ
“น้องหญิง ขออภัยแล้ว”
ลู่จื่อชิงดึงชักกระบี่ออกจากข้างเอว
“กระบี่” มีคนเอ่ยขึ้นมา “แม้กระบี่นี้ไม่ได้นับว่าเป็นกระบี่ลือชื่ออะไร ทว่าเมื่อพิจารณาจากเสียงที่ดาบถูกชักออกมาและประกายของมันยามต้องแสงแดดก็เห็นได้ว่าเป็นกระบี่ดีที่หาได้ยาก”
“หมู่นี้ผู้เยาว์ที่ข้าไม่เคยได้ยินชื่อเสียงในยุทธภพโผล่มาไม่น้อย หรือว่ามีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้น? สกุลในยุทธภพที่เร้นกายเหล่านั้นจึงส่งผู้เยาว์ออกมาสั่งสมประสบการณ์?”
ลู่จื่อชิงกวัดแกว่งกระบี่ในมือทักทายสตรีชาวเหมียว
มีกลิ่นแปลกประหลาดลอยมากระทบจมูกนาง
กลิ่นประหลาดนั้นมีบางอย่างผิดปกติ มันทำให้ลู่จื่อชิงมึนงงไปชั่วขณะ
ท่าไม่ดีแล้ว! สตรีชาวเหมียวเก่งกาจเรื่องการใช้พิษ
สตรีชาวเหมียวผู้นั้นส่ายกระดิ่งที่ข้อมือนาง จากนั้นกระดิ่งก็ส่งเสียงที่ดังเสียดหูขึ้นมา
คนนอกสนามประลองไม่รู้ มีเพียงลู่จื่อชิงในสนามเท่านั้นที่รู้ว่านางปวดหัวเพียงใดเมื่อได้ยินเสียงนี้
นึกไม่ถึงว่าแค่รอบแรกก็จะพบความลำบากเข้าเสียแล้ว
ดูเหมือนนางจะมั่นใจในตนเองมากเกินไป ไม่ได้รู้ซึ้งถึงอันตรายในใต้หล้าแม้แต่น้อย
ลู่จื่อชิงกัดปลายลิ้นเพื่อดึงสติให้กลับคืนมาอย่างรวดเร็ว นางเหวี่ยงกระบี่แล้วกระโจนเข้าหาสตรีชาวเหมียวผู้นั้น
สตรีชาวเหมียวนึกไม่ถึงว่าแม่นางน้อยที่อยู่ตรงข้าม อีกทั้งยังดูเยาว์วัยถึงเพียงนี้จะตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว อีกฝ่ายค้นพบปัญหาแทบจะในทันที จากนั้นจึงกัดปลายลิ้นของตนเพื่อดึงสติกลับคืนมา แล้วใช้กระบี่แทงมาที่นาง
วิชากระบี่ของคู่ต่อสู้นั้นร้ายกาจเป็นอย่างยิ่ง
เดิมทีสตรีชาวเหมียวคิดจะใช้พิษควบคุมแม่นางน้อยที่อยู่อีกฝั่ง แต่ในเมื่อแม่นางน้อยจิตใจแข็งแกร่งเพียงนี้ เช่นนั้นก็ไม่มีโอกาสชนะการต่อสู้แล้ว
สตรีชาวเหมียวถูกกระบี่เล่มหนึ่งพาดอยู่บนคอ
นางเอ่ยด้วยความเสียใจ “น้องหญิงช่างลงมือได้รวดเร็วนัก ข้าแพ้แล้ว เลื่อมใสจากใจจริง”
การต่อสู้สี่ครั้งถัดจากนั้นจบลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อลู่จื่อชิงกลับลงมาด้านล่าง ฉินโม่ถงก็ยื่นถ้วยน้ำให้นาง
ลู่จื่อชิงดื่มมันในอึดใจเดียว จากนั้นก็ตาสว่างขึ้นมาในที่สุด
ฉินโม่ถงหยิบยาออกจากแขนเสื้อของเขายื่นให้นาง “สตรีชาวเหมียวพกยาพิษติดตัว ถึงแม้เจ้าจะไม่ได้ถูกพิษ ทว่ายังมีสารพิษตกค้างอยู่ในร่างกาย ทานยาถอนพิษเสีย”
“ขอบคุณ”
หลายร้อยคนต้องการประลองในรอบแรก ทว่าเพียงวันเดียวนั้นไม่เพียงพอ
วันที่สอง วันที่สาม วันที่สี่ หลายวันถัดจากนั้นติดต่อกันเป็นการแข่งขันแบบคัดออกของการแข่งในรอบแรก
ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกไปรอบหน้าต่างคอยอย่างใจจดใจจ่อมาเป็นเวลานาน เพียงเพื่อรอให้การแข่งขันรอบที่สองเกิดขึ้นอีกครั้ง เขาหนึ่งกระบี่ให้การดูแลเป็นพิเศษและมอบอาหารและเครื่องดื่มที่ดีที่สุดให้พวกเขา นี่ทำให้ผู้คนในยุทธภพได้ดื่มด่ำกับตนเอง
ลู่จื่อชิงและฉินโม่ถงมุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่การแข่งขัน
นอกจากพวกเขาแล้ว คุณชายอี้หรานผู้นั้นยังผ่านมาอย่างราบรื่นเช่นกัน
ในวันที่ห้า ในที่สุดการแข่งขันรอบที่สองก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
ผู้ที่ถูกคัดออกในรอบแรกไม่ได้ถูกคนของเขาหนึ่งกระบี่ขับไล่ออกไป ผู้ที่อยากอยู่ชมการแข่งขันรอบต่อไปสามารถอยู่ต่อได้ เขาหนึ่งกระบี่ยังคงดูแลพวกเขาด้วยอาหารและเครื่องดื่มเลิศรสเช่นเคย
โดยปกติแล้วในสถานการณ์เช่นนี้ มีเพียงคนโง่เท่านั้นจึงจะจากไป นอกจากนี้ หลาย ๆ คนยังต้องการรู้ว่าผู้ใดจะเป็นผู้ชนะคนสุดท้ายด้วย
การแข่งขันรอบที่สองจัดขึ้นในภูเขา
เขาหนึ่งกระบี่ ครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่ที่อันตรายเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนอันตรายเพียงใดนั้น มีเพียงพวกเขาสัมผัสได้ด้วยตัวเองแล้ว
“ในป่าลึกที่เก่าแก่แห่งนี้ เกรงว่าคงมีสัตว์ดุร้ายและสิ่งมีพิษไม่น้อย หรือว่าของเหล่านั้นจะเป็นการแข่งขันรอบที่สอง หากเป็นเช่นนั้น พวกเรามาร่วมมือกันเถอะ!”
การแข่งขันรอบที่สองอยู่ในป่าลึกและเก่าแก่จริง อีกทั้งในไม่ช้าพวกเขาก็ได้พบเห็นสัตว์ร้ายในตำนาน
“ชิงเอ๋อร์ อีกประเดี๋ยวเจ้าทำใจให้สบายเถิด” ฉินโม่ถงเอ่ย “เจ้าเล่นกับสัตว์เลี้ยงของฝ่าบาทมาตั้งแต่ยังเล็ก อย่าได้เห็นว่าสัตว์ร้ายเหล่านั้นเป็นสัตว์เลี้ยงของฝ่าบาท มิเช่นนั้น ตายอย่างไรเกรงว่าเจ้าจะไม่รู้ตัวแล้ว”
“ข้าดูโง่งมเพียงนั้นเชียวหรือ?” ลู่จื่อชิงเอ่ยถาม “นอกจากนี้ หากยามนี้ข้าทำอะไรบุ่มบ่าม ข้าก็ตกเป็นเป้าในการวิพากษ์วิจารณ์ของผู้อื่นได้ง่าย ๆ น่ะสิ”
เมื่อกล่าวถึงการควบคุมสัตว์ร้ายแล้ว สตรีเผ่าเหมียวจึงจะเก่งกาจที่สุด
เมื่อสัตว์ดุร้ายเหล่านั้นปรากฏตัว ทุกคนเห็นว่าสตรีชาวเหมียวกำราบพวกมันได้ง่ายเพียงใด จึงมีผู้คนเข้าหาสตรีชาวเหมียวมากขึ้นเรื่อย ๆ
“แม่นางน้อย อยากร่วมมือกับข้าหรือไม่?” เติ้งจิ่วอวี๋ยื่นข้อเสนอไปทางลู่จื่อชิง
“พี่หญิงอาภรณ์น้ำเงิน ท่านกำลังทำร้ายข้าอยู่หรือ? ทุกคนเห็นท่านเป็นศัตรูของพวกเขา หากข้าร่วมมือกับท่าน นั่นไม่ใช่ต้องอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผู้อื่นหรือ?” ลู่จื่อชิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าทั้งขี้อายและขี้ขลาดเป็นอย่างยิ่ง”
“เจ้า แม่นางน้อยผู้นี้ดูไม่เหมือนคนขี้กลัว ตอนพบกันคราแรก เจ้าไม่กลัวข้า พอพบกันอีกการตอบสนองของเจ้ายามเห็นข้าก็สงบยิ่ง เจ้าแตกต่างจากคนโง่เขลาเหล่านั้น คิดว่าคงไม่ฟังคำพูดของพวกเขากระมัง”
ลู่จื่อชิงเดิมทีก็ไม่สนใจแม้แต่น้อยว่าเติ้งจิ่วอวี๋จะเป็นคนฆ่าเจ้าสำนักหยางจริง ๆ หรือไม่ ท้ายที่สุดแล้วเจ้าสำนักหยางก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับนาง นอกจากนี้ เมื่อได้ยินสตรีอาภรณ์น้ำเงินเล่าเรื่องอดีต ยังเห็นได้ชัดว่าเจ้าสำนักหยางก็ไม่ใช่คนบริสุทธิ์เช่นกัน ในความคิดนาง เมื่อเกี่ยวข้องในคดีฆาตกรรม ไม่ช้าก็เร็วย่อมต้องชดใช้
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้นางจะไม่ได้สนใจว่าสตรีอาภรณ์น้ำเงินสังหารหยางเจียจวงทั้งหมดหรือไม่ ก็ไม่ได้หมายความว่านางต้องการโหมกระพือไฟ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่า นางไม่จำเป็นต้องร่วมมือกับอีกฝ่ายด้วยซ้ำ
“พี่หญิงอาภรณ์น้ำเงิน ข้าคงต้องขอปฏิเสธ ข้าชอบเล่นกับสหายข้าเพียงเท่านั้น”
หมีควายตัวหนึ่งพุ่งเข้ามา
ลู่จื่อชิงเห็นหมีควายอยู่เบื้องหน้าคนแคระ จึงดึงฉินโม่ถงให้กระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ต้นหนึ่ง
“อันตรายยิ่งนัก” ลู่จื่อชิงมองเหตุการณ์ตรงหน้า
สตรีอาภรณ์น้ำเงินมีสีหน้าไม่น่าดูชมขึ้นมาทันที
เมื่อคนแคระเห็นดังนั้น เขาก็วิ่งหนีไปแล้ว สตรีอาภรณ์น้ำเงินกลับกลายเป็นเป้าหมายของหมีควายแทน
อย่างไรเสียคนแคระผู้นั้นก็ตัวเล็ก ด้วยคำแนะนำเพียงเล็กน้อย เขาจึงสามารถล่อสัตว์ร้ายเหล่านั้นไปที่อื่นได้
“อะแฮ่ม…” ชายหนุ่มขี้โรคกระแอมไอ โบกสะบัดพัดในมือไปมา
ฟิ้ว! งูที่อยู่บนพื้นถูกสับเป็นชิ้น ๆ ด้วยพัดในมือของเขา
ลู่จื่อชิงสั่นเทิ้มไปทั้งตัว “น่าขยะแขยงยิ่งนัก”
แน่นอนว่า ยิ่งคนผู้นั้นดูจืดจางเพียงใด ยิ่งไร้ความปรานีมากเท่านั้น ชายหนุ่มร่างผอมท่าทางราวกับจะตายเมื่อใดก็ได้ ผลที่ได้คืออีกฝ่ายลงมือได้โหดร้ายเป็นอย่างยิ่ง
“คุณชาย เหตุใดท่านจึงกลับมาหรือขอรับ?” คนของคุณชายอี้หรานเห็นเขาหวนกลับมาจึงเอ่ยถาม
สายตาของคุณชายอี้หรานจับจ้องไปที่ลู่จื่อชิง “จัดเตรียมคนสองสามคนคอยปกป้องนาง”
“คุณชาย ของที่ท่านต้องหาในครานี้สำคัญยิ่ง จะเสียสมาธิเพื่อผู้อื่นได้อย่างไรขอรับ ขณะที่คนอื่น ๆ ยังติดอยู่ที่นี่ ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่จะลงมือ ท่านรีบไปเถอะขอรับ!”
คุณชายอี้หรานมองไปทางลู่จื่อชิงอีกครั้ง แล้วกำชับให้คนของเขาคอยปกป้องนางอย่างลับ ๆ ส่วนตนเองรุดไปยังขั้นถัดไป