สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 923 ข้าติดตามท่านไปด้วยได้หรือไม่
- Home
- สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派]
- บทที่ 923 ข้าติดตามท่านไปด้วยได้หรือไม่
บทที่ 923 ข้าติดตามท่านไปด้วยได้หรือไม่
บทที่ 923 ข้าติดตามท่านไปด้วยได้หรือไม่
ลู่จื่อชิงพาฉินโม่ถงผ่านด่านที่สองอย่างรวดเร็ว
อย่างที่ฉินโม่ถงกล่าว ในบรรดาคนมากมาย ไม่มีผู้ใดมีประสบการณ์ในการจัดการกับสัตว์ร้ายเหล่านี้มากกว่านาง อย่างไรเสียนางก็เป็นคนที่มักจะเข้าวังไป ‘เล่น’ กับสัตว์เลี้ยงของฝ่าบาท
“แม่นางน้อย เจ้ามีความสามารถดังคาด” เติ้งจิ่วอวี๋พาคนจากตำหนักเซิ่งหัวตามนางมาจนทัน
ลู่จื่อชิง “…”
สายตาของคนผู้นี้ช่างดีจริง ๆ นึกไม่ถึงว่าท่ามกลางคนมากมายเพียงนี้จะยังเห็นนาง
คุณหนูรองลู่หันมองกลับไปจึงเห็นว่ามีคนมากกว่าครึ่งถูกกำจัดในด่านที่สอง เกรงว่าด่านที่สามคงเหลือน้อยกว่าห้าสิบคนแล้ว
ฉึก! ฉึกฉึก! ฉึกฉึก!
ลูกธนูจำนวนมากถูกยิงมาจากฝั่งตรงข้าม
“อ๊ากกก!” มีคนร้องลั่นขึ้นมา
ฉินโม่ถงและลู่จื่อชิงปัดธนูออกไป
“แม่นางน้อย พวกเราร่วมมือกันเถอะ!” เติ้งจิ่วอวี๋เอ่ย “อย่าเพิ่งสนใจว่าภายหน้าจะเป็นอย่างไร ด่านนี้เป็นค่ายกลลูกธนู อย่างน้อยพวกเราสามารถร่วมมือกันก่อนได้”
ลู่จื่อชิงและฉินโม่ถงเหลียวมองหน้ากัน
“ได้สิ!” ลู่จื่อชิงเอ่ย “พวกท่านไปก่อน พวกเราจะตามไปภายหลัง”
“นังหนูผู้นี้เจ้าเล่ห์จริงเชียว!”
“พี่หญิง พวกเรามีเพียงแค่สองคน หากพวกเราไปก่อน เช่นนั้นยังต้องร่วมมือกันอีกหรือ? พวกท่านมีหลายคน หากร่วมมือกัน ยังมีโอกาสต่อต้านค่ายกลลูกธนูนี้”
เติ้งจิ่วอวี๋โบกมือส่งสัญญาณให้คนของนางนำไปก่อน
ทุกคนกระโดดพุ่งออกไปข้างหน้า
ขอเพียงพวกเขาเร็วพอ ค่ายกลลูกธนูก็ไม่อาจตอบสนองได้ทัน
“พวกเจ้าช้าเกินไปแล้ว!” ขอทานตัวน้อยเหาะเข้ามา “ดูข้า!”
ลู่จื่อชิงแค่นเสียงหึ ปล่อยให้ขอทานน้อยทำหน้าที่เป็นเป้าอยู่เบื้องหน้า ส่วนนางตามไปข้างหลัง
“เจ้าบ้าไปแล้วหรือไร?” ขอทานตัวน้อยตะโกนขึ้น
ทุกคนมองตามสายตาของขอทานน้อย ถึงได้ตระหนักว่าคนแคระผู้หนึ่งจงใจแตะกลไก แล้วปล่อยให้ลูกธนูเหล่านั้นยิงพวกเขา
คนแคระหัวเราะเบา ๆ แล้วกล่าว “ทุกท่านก็เห็นว่าข้าอ่อนแอเพียงนี้ เช่นนั้นก็ถือว่ากำลังช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอเถอะ”
“เจ้านับเป็นคนอ่อนแอที่ใดกัน? เจ้าคนชั่วช้าน่ารังเกียจไร้ยางอาย”
ลูกธนูลูกหนึ่งยิงไปทางลู่จื่อชิง
ลู่จื่อชิงสะบัดแขนสองสามครั้ง ปัดลูกธนูเหล่านั้นออกไป
อย่างไรก็ตาม หลังจากคำนวณด้านหน้าได้อย่างแม่นยำแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะมีลูกธนูยิงมาจากทิศทางอื่นด้วย
ฉินโม่ถงกำลังติดพันอยู่กับวงล้อมลูกธนูจึงไม่มีเวลามาป้องกันด้านหลังให้ลู่จื่อชิง
พริบตานั้นเอง ร่างปราดเปรียวร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ปัดลูกธนูที่พุ่งเข้าที่ด้านหลังนางออกไป
“คนงาม ข้าช่วยเจ้าไว้แล้ว เจ้าควรพลีกายตอบแทนข้าหรือไม่?” น้ำเสียงเรียบเรื่อยเสียงหนึ่งดังขึ้น
ลู่จื่อชิงได้ยินเสียงจึงหันไปมองคนผู้นั้น
เห็นเป็นใบหน้าที่ธรรมดาพบเห็นได้ทั่วไป
เพียงแต่ ดวงตาของคนผู้นั้นงดงามมาก
ลู่จื่อชิงสังเกตว่าบรรยากาศรอบกายคนผู้นี้ช่างให้ความรู้สึกคุ้นเคย ทว่านึกไม่ออกไปชั่วขณะ
“คนผู้นี้ได้เข้าร่วมงานชุมนุมจอมยุทธ์ด้วยหรือ?”
“ไม่เคยเห็น”
“เจ้าเป็นผู้ใด?” มีคนถามขึ้นมา
“ข้าคือ ผู้พิทักษ์บุปผา มาที่นี่เพื่อช่วยหญิงงามตัวน้อยโดยเฉพาะ” ชายผู้นั้นขยิบตาให้ลู่จื่อชิง “คนงาม เรียกข้าว่าซ่งเฉิงก็พอ”
“ซ่งเฉิง?” ลู่จื่อชิงหันไปมองคนตรงหน้า “จี้ซ่งเฉิง?”
ซ่งเฉิง “…”
ดวงตาของลู่จื่อเป็นประกายเมื่อนึกได้ “เป็นเจ้าจริง ๆ”
“เหตุใดจู่ ๆ ถึงเดาได้เล่า?” เขาถึงกับเปลี่ยนใบหน้าเพื่อการนี้โดยเฉพาะเชียวนะ
หรือว่ารัศมีความโดดเดี่ยวเผยออกมา?
“อาจารย์ข้ามักจะเปลี่ยนชื่อกลับไปกลับมาเช่นนี้ ท่านแม่ข้ายังเคยบ่นกับข้าว่าทักษะการปลอมตัวของอาจารย์ข้านั้นยอดเยี่ยม ทว่าชื่อที่เขาเลือกกลับดูออกง่ายนัก” เมื่อเอ่ยถึงฉีเซียว ลู่จื่อชิงก็คิดถึงเขาขึ้นมาเล็กน้อย
ฉีเซียวยังไม่ได้แต่งงานจนกระทั่งบัดนี้ คนในเมืองหลวงคุ้นเคยกับความเย็นชาของเขานานแล้ว ยามนี้ไม่มีผู้ใดเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก บางคนถึงกับคิดว่าเขานั้นห่างไกลจากทางโลก ไม่มีผู้ใดในโลกนี้คู่ควร
“ไม่ถูก เจ้าไม่ได้กลับไปอาณาจักรโบราณของเจ้าแล้วหรือ?”
ด้วยสถานะในยามนี้ของเขา ควรจะเป็นฮ่องเต้ของอาณาจักรโบราณแล้วกระมัง?
มารดาของนางได้รับเงินส่วนหนึ่งทุกปี กล่าวว่ากิจการของนางขยับขยายไปทางอาณาจักรโบราณแล้ว
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ จำต้องเอ่ยถึงหลี่กู่หยวนลูกศิษย์ที่มารดานางรับมาในภายหลังผู้นั้น เขาเป็นคนที่มีหัวการค้าเป็นพิเศษ กิจการของมารดานางเมื่ออยู่ในมือเขาแล้วถึงกับดีเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่า
“ข้าเบื่อเกินไปจึงมาเล่นกับเจ้าที่นี่” หลัก ๆ แล้วเป็นเพราะเขาต้องการแต่งงานกับนาง พานางไปยังอาณาจักรโบราณ เช่นนี้ยามเขาอยู่อาณาจักรโบราณจะได้ไม่เหงาเพียงนั้น
ขณะนี้อาณาจักรโบราณอยู่ภายใต้การควบคุมของจี้ซ่งเฉิงแล้ว ไม่มีความท้าทายอะไรอีก นอกจากนั้น เขายังได้บ่มเพาะคนสนิทขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ย่อมไม่เกิดคลื่นลูกใหญ่สร้างความวุ่นวาย
“เหตุใดพวกเจ้ายังคุยกันอยู่เล่า?” ฉินโม่ถงปัดลูกธนูออก “รีบไปเร็วเข้า!”
เมื่อมีจี้ซ่งเฉิงเพิ่มขึ้นมาอีกผู้คน ความเร็วของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นมาก อย่างไรก็ตาม ยิ่งพวกเขาเข้าไปข้างในลึกเพียงใด ยิ่งอันตรายมากขึ้นเพียงนั้น ไม่นานนักคนทั้งกลุ่มจึงพลัดแยกจากกัน
ลู่จื่อชิงค้นหาเป็นเวลานาน กลับไม่พบทั้งสองคน ยามนี้นางทำได้เพียงเดินหน้าต่อไปเท่านั้น
แกร๊ก! ดูเหมือนนางจะเหยียบของบางอย่างเข้า เมื่อนางก้มลงไปมอง จู่ ๆ บนพื้นก็ปรากฏกับดักขึ้นมา
เท้าของลู่จื่อชิงติดอยู่ในกับดักนั้น
“โอ๊ย…” นางนั่งลงแล้วพยายามดึงมันออก
“อย่าขยับ” ชายสวมหน้ากากปรากฏตัวขึ้นแล้วจับไหล่นางเอาไว้ “นี่เป็นกลไก หากท่านใช้แรง เกรงว่าเข็มเล็ก ๆ เหล่านี้จะทิ่มเข้าไป จากนั้นขาท่านก็จะใช้การไม่ได้แล้ว”
“หากรู้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ข้าคงเรียนวิชากลไกจากท่านแม่มาก่อน” ลู่จื่อชิงเอ่ย “ท่านคือคุณชายอี้หรานผู้นั้นหรือ?”
“อย่าขยับ ข้าจะช่วยท่านแก้มัน คุณชายอี้หรานหยิบกริชเล่มหนึ่งออกมาจากรองเท้า แล้วใช้กริชเล่มนั้นจัดการกับกลไก “เจ็บหรือไม่?”
ลู่จื่อชิงรู้สึกว่าคุณชายอี้หรานผู้นี้อ่อนโยนยิ่งนัก
ความรู้สึกเช่นนี้ค่อนข้างคุ้นเคยทีเดียว
ไม่รู้เวลาผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด ดวงตาภายใต้หน้ากากของคุณชายอี้หรานผู้นั้นเริ่มมีความกังวลเล็กน้อยแล้ว
ลู่จื่อชิงรู้สึกว่าขาเริ่มชา
“ช่างเถิด หากเอาออกไม่ได้จริงๆ เช่นนั้นก็ขอให้คนของเขาหนึ่งกระบี่ช่วยเปิดกลไก อย่างมากข้าก็เพียงแค่ไม่เข้าร่วมงานชุมนุมจอมยุทธ์นี้แล้ว พวกเขายังจะสร้างความลำบากใจให้ข้าหรือ?”
“เกรงว่าพวกเขาไม่ทันมาถึง ขาของท่านจะถูกเข็มเล็ก ๆ แทงจนยาพิษซึมเข้าสู่ร่างกายและถูกพิษตายก่อน” คุณชายอี้หรานกล่าว
“เลวร้ายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?!” ลู่จื่อชิงขมวดคิ้ว “เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี?”
คุณชายอี้หรานผิวปาก
คนผู้หนึ่งกระโดดเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“คุณชาย”
“เอาปิ่นของเจ้ามาให้ข้า”
ลูกน้องผู้นั้นถอดปิ่นปักผมออกมา
ลู่จื่อชิงเฝ้ามองความเคลื่อนไหวของเขาด้วยความสนใจใคร่รู้
ที่แท้ปิ่นของลูกน้องผู้นั้นถูกทำมาเป็นพิเศษ เพื่อช่วยเหลือการเปิดกลไกต่าง ๆ โดยเฉพาะ
แกร๊ก! กลไกถูกเปิดออกแล้ว
ในที่สุดเท้าของลู่จื่อชิงก็เป็นอิสระอีกครั้ง
“ในที่สุดก็ออกเสียที” ลู่จื่อชิงขยับเท้าไปมา “ข้าถึงกับเตรียมใจพิการไว้แล้ว ขอบคุณคุณชายอี้หราน”
“คุณชาย พวกเราต้องรีบแล้วนะขอรับ” ลูกน้องของเขาที่อยู่ด้านข้างเร่งเร้า
คุณชายอี้หรานมองลู่จื่อชิง “ท่านรอสหายอยู่ที่นี่เถอะ! อุปสรรคข้างหน้านี้ลำบากยิ่งกว่า ท่านไปคนเดียวอันตรายเกินไป รอสหายไปด้วยกันจึงจะปลอดภัยกว่า”
“ข้าไปกับท่านได้หรือไม่?” ลู่จื่อชิงเอ่ยถาม “ไม่รู้ว่าเหตุใด ข้ารู้สึกว่าติดตามท่านไปรู้สึกสบายใจกว่า”
คุณชายอี้หรานยังคงนิ่งเงียบ
“คุณชายของพวกเรายังมีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการ”