สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 934 นางเห็นขาอ่อนเจ้าแล้ว
บทที่ 934 นางเห็นขาอ่อนเจ้าแล้ว
บทที่ 934 นางเห็นขาอ่อนเจ้าแล้ว
ลู่ฉาวอวี่ดื่มชาแล้วกล่าวว่า “ขออีกถ้วย”
สิงเจียซือรินน้ำให้เขาอีกถ้วย
“ใต้เท้าลู่ อาการบาดเจ็บของท่านไม่ได้ร้ายแรงกระมัง?”
“ไม่ทราบได้” ลู่ฉาวอวี่กล่าว “ท่านหมอบอกว่าถูกแทงที่ขา เสียเลือดมากเกินไป จะลุกขึ้นยืนได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการรักษาในระหว่างนี้ หากการรักษาเป็นไปด้วยดี อาจไม่มีอะไรร้ายแรง แต่หาก…”
“ใต้เท้าจะต้องไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน” สิงเจียซือเอ่ยด้วยความเคร่งเครียด
“ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติเถอะ หากสวรรค์ต้องการรับข้าไป ข้าก็ไม่อาจทำอะไรได้” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยด้วยสีหน้าไม่ยี่หระ
“ใต้เท้า ท่านไม่อาจละเลยร่างกายตนเองเช่นนี้ได้” สิงเจียซือแย้ง “หากเกิดอะไรขึ้นกับท่าน ท่านอ๋องและพระชายาจะต้องเสียใจมากเป็นแน่! ท่านเป็นกระดูกสันหลังของจวนลู่ ภายหน้าจวนลู่ขึ้นอยู่กับท่านแล้ว”
“เจ้าซื้ออะไรมา? ข้าได้กลิ่นหอม”
“เป็นไก่ย่างจากร้านที่ท่านชอบกิน” สิงเจียซือเอ่ย “ข้ารู้ว่าตอนนี้ท่านไม่ควรกินไก่มันเยิ้ม แต่ตอนที่ข้าผ่านมา ข้าคิดว่าท่านชอบทานอาหารร้านนั้นมากจึงเผลอซื้อมาด้วย”
“เอามาสิ ข้าหิวแล้ว”
“ตอนนี้ท่านกินได้แล้วหรือ?”
“วางใจเถอะ ไม่เป็นอะไรหรอก” ลู่ฉาวอวี่โบกมือ “นำมาให้ข้า”
ลู่ฉาวอวี่ผมเผ้ายุ่งเหยิง สวมเพียงเสื้อและกางเกงตัวโปร่ง เนื่องจากเสียเลือดมากเกินไป ใบหน้าของเขาจึงซูบซีด แต่ดูไปแล้วกลับงดงามอย่างน่าทึ่ง
ลู่จื่ออวิ๋นเป็นที่เลื่องลือในฐานะสตรีงดงามเป็นที่หนึ่งในใต้หล้า ในฐานะพี่ชายฝาแฝดของนาง รูปร่างหน้าตาของลู่ฉาวอวี่ย่อมพอจินตนาการได้ เพียงแต่เขามักจะทำหน้าตาถมึงทึงอยู่เสมอ คนส่วนใหญ่ล้วนไม่กล้าเอ่ยถึงรูปร่างหน้าตาของเขา
สิงเจียซือเปิดห่อกระดาษออก ย้ายโต๊ะเล็กข้าง ๆ ไปไว้บนเตียงของลู่ฉาวอวี่ วางไก่ย่างไว้บนเตียงเขา
“เจ้าก็กินด้วยสิ”
“ข้าไม่ต้อง…”
สิงเจียซือกลืนคำปฏิเสธลงไป
ลู่ฉาวอวี่ดึงน่องไก่ออกมาชิ้นหนึ่งแล้วยื่นมันมาตรงหน้านาง น่องไก่ชิ้นนั้นกำลังส่งกลิ่นหอมเย้ายวนชวนน้ำลายสอ
นางหิวแล้วจริง ๆ
นางเองก็ไม่ใช่สตรีเหนียมอายอะไร ในเมื่อหิวแล้ว มิหนำซ้ำอีกฝ่ายยังหยิบยื่นบางอย่างให้กับนาง หากจะกล่าวปฏิเสธคงเสแสร้งเกินไปแล้ว
ทั้งสองคนจัดการไก่ทั้งตัวจนหมด เหลือไว้เพียงกระดูกอยู่บนโต๊ะ
สิงเจียซือเก็บกวาดของเหล่านั้น
“ไม่จำเป็นต้องเก็บ บ่าวรับใช้จะเข้ามาทำความสะอาดในภายหลัง” ลู่ฉาวอวี่กล่าว “เจ้ากลับมาเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“เมื่อสามวันก่อน ครั้งนี้ข้ามาขายสินค้าบางอย่าง หลังจากขายแล้วก็จะเตรียมตัวออกเดินทาง” สิงเจียซือกล่าว
“บางครั้งข้าก็อิจฉาเจ้า หลายปีที่ผ่านมาเจ้าไปเที่ยวที่ต่าง ๆ มากกว่าข้าเสียอีก” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “มีชาดีอยู่ในตู้ตรงนั้น เจ้านำมาชงสิ ข้ากินไก่มากเกินไปรู้สึกเลี่ยนเล็กน้อย…”
เดิมทีสิงเจียซือกำลังจะออกไป ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดของลู่ฉาวอวี่ นางก็ตั้งใจจะชงชาให้เขาก่อนแล้วค่อยลากลับ
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่นางเปิดตู้ออก ขวดหยกขวดหนึ่งก็หล่นลงมา
“ระวัง” ลู่ฉาวอวี่ลุกขึ้นจากเตียง กระโดดไปรับขวดหยกนั้นไว้อย่างรวดเร็ว
“ใต้เท้า ขาของท่าน…” สิงเจียซือรีบกอดเขาไว้อย่างทำอะไรไม่ถูก “จะทำอย่างไรดี? เลือดออกแล้ว! ท่านรีบนอนลงเถอะ”
บาดแผลของลู่ฉาวอวี่ฉีกออกอีกครั้งให้ความรู้สึกเจ็บอยู่บ้างจริง ๆ ทว่า…
หญิงสาวกอดเขาไว้เช่นนี้ ร่างกายนุ่มนิ่มของนางกลับทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ
“เจ้าปล่อยข้าก่อนเถิด” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “อีกอย่าง ไม่ต้องกังวลเพียงนั้น แผลไม่ได้ลึกมาก ทั้งยังไม่ได้สาหัสอย่างที่คิด”
เท่านั้นเองสิงเจียซือจึงรู้ว่าตนกอดลู่ฉาวอวี่ไว้แน่น นางจึงรีบผละออกจากเขา
“ขออภัย” นางหน้าแดงเรื่อด้วยความเขินอาย
ลู่ฉาวอวี่ค่อย ๆ เดินไปทางเตียง
สิงเจียซือรีบเข้าไปพยุงชายหนุ่ม ช่วยประคองเขาลงบนเตียงอีกครั้ง
“ในห้องท่านมีกล่องยาหรือไม่? แผลของท่านปริแล้ว ข้าต้องทำแผลให้ใหม่”
“เจ้าทำเป็นหรือ?”
“ข้าท่องเที่ยวไปทั่วหลายปีเพียงนี้ ยามป่วยก็เชิญท่านหมอมาไม่ได้ บาดเจ็บก็เชิญท่านหมอมาไม่ได้ หากไม่ได้เรียนวิชาแพทย์มาบ้าง อาจตายอยู่ข้างนอกแล้ว”
“ได้ มีกล่องยาอยู่ในตู้ตรงนั้น” ลู่ฉาวอวี่ชี้ไปยังตู้ข้าง ๆ ” เมื่อครู่นี้ข้าขอโทษ ข้านึกไม่ถึงว่าบ่าวรับใช้จะเลินเล่อถึงขนาดวางขวดหยกไว้ไม่ดี”
“ใต้เท้าอย่าได้กล่าวเช่นนั้น เมื่อครู่นี้ท่านไม่ควรขยับตัว อย่างมากข้าก็เพียงถูกขวดหยกหล่นใส่ ยามนี้แผลของท่านปริแล้ว ยังไม่รู้ว่าจะติดเชื้อหรือไม่”
บริเวณที่ลู่ฉาวอวี่ได้รับบาดเจ็บคือขาของเขา
ขณะนี้มีเลือดไหลออกมาจากบาดแผล จำต้องตัดกางเกงออกแล้วทำแผลใหม่ในบริเวณนั้น
สิงเจียซือหน้าแดงก่ำขณะลงมือตัดกางเกงเขา
ลู่ฉาวอวี่เห็นใบหน้าที่แดงก่ำราวกับลูกท้อ นางมองเขาด้วยสายตาเขินอายบ้างเป็นครั้งคราว จู่ ๆ พลันรู้สึกว่าสิงเจียซือที่เป็นเช่นนี้น่ารักขึ้นมาเล็กน้อย
เขาเคยเห็นนางคุยกับคนข้างนอก เคยเห็นนางปฏิเสธการเข้าหาของบุรุษต่างแดน เคยเห็นนางรั้งอยู่เพื่อคอยปกป้องเขายามเผชิญหน้ากับศัตรู…
กล่าวไปแล้ว พวกเขาทั้งสองมักจะพบกันข้างนอก บางครั้งยามลู่ฉาวอวี่ไล่ตามนักโทษก็มักจะพบสิงเจียซือ แต่เขากลับรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติ อย่างไรเสียทั้งสองคนก็พบกันข้างนอกบ่อยจนชินแล้ว
“ซี้ด…” ลู่ฉาวอวี่รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด
สิงเจียซือเอ่ยถามอย่างประหม่า “เจ็บมากหรือไม่?”
ฟู่!
นางเป่าไปที่บาดแผลของลู่ฉาวอวี่เบา ๆ
ลู่ฉาวอวี่กระแอมไออย่างทำตัวไม่ถูก
อาการบาดเจ็บอยู่เหนือเข่า เมื่อครู่นี้เขาไม่ควรให้นางทำแผลให้ อย่างไรเสียนางก็เป็นแม่นางน้อยผู้หนึ่ง อีกทั้งตนเองยังเป็นบุรุษโตเต็มวัยแล้ว
เหตุใดเมื่อครู่นี้เขาถึงไม่ห้ามนางกันนะ?
บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขาทั้งสองรู้สึกราวกับเป็นสหายเก่ากัน แม้กระทั่งการหลีกเลี่ยงข้อครหานี้จึงไม่ทันได้คำนึงถึงด้วยซ้ำ
“ฉาวอวี่ แม่ทำน้ำแกงขาหมูมาให้เจ้า”
มู่ซืออวี่เดินเข้ามาพร้อมกับน้ำแกง
ทันทีที่นางก้าวเข้าประตูมาเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า การเคลื่อนไหวต่าง ๆ พลันหยุดชะงักในทันที
“จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าน้ำแกงขาหมูมันเลี่ยนไปหน่อย ข้าไปเปลี่ยนเป็นน้ำแกงปลามาให้เจ้าดีกว่า”
นางเดินออกไปข้างนอกอีกครั้ง
สิงเจียซือลุกพรวดขึ้นมาพลางร้องเรียก “พระชายา…”
“พวกเจ้าคุยกันต่อเถอะ ไม่ต้องสนใจข้า” มู่ซืออวี่เอ่ย “ข้าจะไปทำน้ำแกงปลา”
สิงเจียซือมองไปทางลู่ฉาวอวี่เพื่อขอความช่วยเหลือ
ลู่ฉาวอวี่อับจนปัญญา ทำได้เพียงเอ่ยว่า “ไม่ต้องกังวล แม่ข้าไม่พูดจาเหลวไหล เมื่อครู่นี้… ขอบคุณมาก”
สิงเจียซือเม้มริมฝีปาก “ข้าละลาบละล้วงแล้ว”
นี่เป็นจวนผู้สำเร็จราชการแทน ขอเพียงลู่ฉาวอวี่เอ่ยสักคำ ท่านหมอฝีมือดีแบบใดจะไม่มี เขาจำเป็นต้องให้นางทำแผลเสียที่ไหน?
เมื่อครู่นี้นางถูกผีเข้าสิงใช่หรือไม่? เหตุใดจู่ ๆ จึงร้อนใจ กังวลใจเรื่องอาการบาดเจ็บของเขาเพียงนั้น มีเพียงได้เห็นอาการของเขาด้วยตาตนเองจึงจะโล่งใจได้
“ข้าจะให้คนไปส่งเจ้า” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย
“ใต้เท้า ท่านไม่เป็นอะไรกระมัง?” สิงเจียซือเอ่ยถาม
“อืม ข้าไม่ตายหรอก”
สิงเจียซือเดินออกไปข้างนอก เดินไปถึงประตูแล้วยังหันมามองเขาอย่างกังวล
ลู่ฉาวอวี่กำลังเอนกายอยู่บนเตียง เหนื่อยล้าอ่อนแอราวกับสาวงามกำลังป่วย ชวนให้คนนึกสงสาร
หลังจากสิงเจียซือจากไป มู่ซืออวี่ก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องของลู่ฉาวอวี่อีกครั้ง
“ลูกรักของข้า เจ้าช่วยอธิบายให้แม่ฟังทีว่าเมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้น”
“บาดแผลของข้ามีเลือดซึม นางพันแผลให้ข้า นี่มีอะไรต้องอธิบายหรือ?” ลู่ฉาวอวี่กล่าว
“นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะขอให้แม่นางผู้หนึ่งทำแผลให้” มู่ซืออวี่นั่งลงข้าง ๆ “ลูกชายคนโตที่รักของแม่ นางเห็นขาอ่อนเจ้าแล้ว นี่เป็นเรื่องปกติหรือ?”