สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 945 ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
- Home
- สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派]
- บทที่ 945 ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
บทที่ 945 ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
บทที่ 945 ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
มู่ซืออวี่ยืนอยู่ที่หน้าต่าง มองดูดวงดาวบนท้องฟ้า
เสียงหรีดหริ่งเรไรชัดเจนเป็นพิเศษในราตรีอันเงียบสงบ เสียงมากมายผสานเข้าด้วยกันกลั่นกรองเป็นท่วงทำนอง
อย่างไรก็ตาม ในยามนี้มู่ซืออวี่กำลังกลัดกลุ้ม ย่อมไม่ได้ยินเสียงเหล่านั้น ยิ่งนางฟังมากเท่าไรก็ยิ่งจิตใจสับสนวุ่นวายราวกับด้ายพันกัน รู้สึกเหมือนนางมองข้ามบางสิ่งบางอย่างไป
“ชิงไต้ สุราบ๊วยที่ข้าหมักดื่มได้แล้วหรือยัง?”
“พระชายา คำนวณเวลาดู ถึงเวลาขุดออกมาแล้วจริง ๆ เจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นเจ้าไปขุดมันออกมา บอกให้คนในครัวเตรียมกับแกล้มให้ข้า ข้าอยากจะดื่มสักหน่อย”
“เจ้าค่ะ”
ขณะที่ชิงไต้และเจ๋อหลานกำลังง่วนอยู่กับเรื่องของนาง มู่ซืออวี่ก็เดินวนไปวนมารอบ ๆ ห้อง
นางอยู่เพียงลำพังในห้อง ทั่วทั้งห้องจึงเงียบงันยิ่งกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม จู่ ๆ มู่ซืออวี่ก็เข้าใจว่านางมองข้ามสิ่งใดไป
“ฉีเซียวมีโรคเดิมจริง ด้วยร่างกายของเขาเคยได้รับความเสียหายมาก่อนจึงไม่อาจใช้พลังภายในได้ ยามนี้เขาเพิ่งจะเกษียณอายุออกไปครึ่งก้าว อย่างไรก็ตาม รากฐานของเขานั้นยอดเยี่ยม อีกทั้งยังไม่ได้แก่ถึงเพียงนั้น ไม่มีเหตุผลที่โรคเดิมจะกำเริบในยามนี้ แถมยังมีอารมณ์ฉุนเฉียวนั่นอีก นี่ยิ่งน่าสับสน คงไม่ได้เกิดอะไรขึ้นกับฉีเซียวใช่หรือไม่? หากมีคนคิดใช้อุบายกับเขาโดยเทพไม่รู้ผีไม่เห็น แม้กระทั่งคนที่สติปัญญาล้ำเลิศเช่นนั้นยังไม่รู้สึกตัวก็น่ากลัวยิ่งนัก”
ชิงไต้และเจ๋อหลานยกสุราและกับแกล้มเข้ามา
“ชิงไต้ นี่ยามใดแล้ว?”
“ประเดี๋ยวก็จะยามไฮ่*[1] แล้วเจ้าค่ะ”
“เจ้าไปที่บ้านหมอหลวงหลี่สักเที่ยว เชิญหมอหลวงหลี่มา พวกเราจะไปที่จวนฉีป๋อเจวี๋ย”
“ดึกเพียงนี้แล้ว เกรงว่าใต้เท้าฉีจะพักผ่อนไปแล้วนะเจ้าคะ”
“เช่นนั้นก็ปลุกเขาขึ้นมา”
ในห้องตำรา ฉีเซียวตวัดลายเส้นสุดท้ายลงไป มองภาพวาดตรงหน้าด้วยแววตาสับสน
เหตุใดจู่ ๆ เขา…
นึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ขึ้นมา?
ในภาพวาด เขาปลอมตัวเป็นสตรีเดินทางไปที่ ‘ทะเลสาบไท่พัว’ กับมู่ซืออวี่
“หรือว่าข้าแก่แล้วจริง ๆ? นึกไม่ถึงว่าจู่ ๆ จะเริ่มนึกถึงอดีตขึ้นมาแล้ว”
ตอนนั้นเขาแต่งกายเป็นสตรี ทว่าไม่ได้มีความเป็นสตรีมากนัก การแต่งกายยังไม่อาจแยกแยะได้ว่าเป็นสตรีหรือบุรุษ คิดมาถึงตรงนี้แล้ว ตอนนั้นเขาก็ยอมรับบทลงโทษแต่โดยดี ราวกับโชคชะตาได้กำหนดเอาไว้แล้ว
“ใต้เท้า พระชายามาขอรับ” ผู้ติดตามเปิดประตูเข้ามารายงาน
“พระชายาคนใด?” ภายในใจฉีเซียวคาดเดาบางอย่างได้ ทว่าเขาคิดว่ามันไม่อาจเป็นไปได้ วันนี้เพิ่งพบ นางคงไม่โผล่มาอีกครั้ง
คนบ้างานผู้นั้น ไม่ต้องเอ่ยถึงเขา ยามยุ่งขึ้นมา แม้กระทั่งสามีของนางก็เกรงว่าจะไม่ได้เห็นเงา ช่วงที่นางไปอาณาจักรเฟิ่งหลิน หากลู่อี้ไม่วุ่นวายอยู่กับเรื่องในราชสำนักก็จะดื่มสุราอยู่กับเขา นั่นเพราะไม่ยินดีกลับไปอยู่บ้านที่อ้างว้างหลังนั้นเพียงลำพัง
“พระชายาลู่ขอรับ”
“เป็นนางจริง ๆ” ฉีเซียวเอ่ย “เกรงว่าจะมีเรื่องอะไรกระมัง อย่างไรนั่นก็เป็นคนงานรัดตัวผู้หนึ่ง”
มู่ซืออวี่นำหมอหลวงหลี่เข้ามา เมื่อฉีเซียวเห็นหมอหลวง ศีรษะของเขาก็วิงเวียนขึ้นมา
“พระชายา วันนี้ข้าเพิ่งพบหมอหลวง”
“ถูกดังนั้น ด้วยเหตุนี้ข้าจึงพาท่านหมอหลวงหลี่มายืนยันผลการตรวจอีกครั้ง” มู่ซืออวี่เอ่ย “ท่านหมอหลวงหลี่เป็นคนของหุบเขาเทพโอสถ เชี่ยวชาญโรคที่พบเจอได้ยากและซับซ้อนทุกชนิด”
“พระชายา ข้าไม่ได้ป่วย”
“ไม่ว่าจะป่วยหรือไม่ นั่นไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำพูดของท่าน ให้ท่านหมอหลวงตรวจดูเถอะ”
หลังจากหมอหลวงหลี่เข้าไปในห้องก็ได้กลิ่นภายในห้องตำรา “ใต้เท้าฉี ท่านใช้กำยานอะไร?”
“มีดอกไม้กระถางอยู่ริมหน้าต่าง ออกดอกดีทีเดียว ทั้งยังมีกลิ่นหอม” ฉีเซียวกล่าว
หมอหลวงหลี่เดินไปที่ดอกไม้กระถางนั้น มองดูมันแล้วกล่าวว่า “ใต้เท้า ให้คนย้ายดอกไม้กระถางนี้ออกไปเถิด มันไม่ดีต่อร่างกายของท่าน”
“ดอกไม้นี้มีปัญหาหรือ?”
“ไม่ได้มีปัญหาร้ายแรงอะไร เพียงแต่ผ่านไปนานวันมันจะกระทบต่อร่างกาย โดยเฉพาะกับผู้ที่มีโรคเดิมอย่างใต้เท้าฉี”
“ท่านหมอหลวงหลี่ ท่านจับชีพจรให้เขาเถิด!”
“ได้”
หมอหลวงหลี่จับชีพจรแล้วกล่าวว่า “ใต้เท้าฉี ข้าน้อยขอเจาะเลือดท่านหน่อยได้หรือไม่?”
“เจาะเลือด?” ฉีเซียวขมวดคิ้ว
“ย่อมได้” มู่ซืออวี่กล่าว “ท่านหมอหลวงหลี่ ท่านเจาะเอาไปเถอะ”
ฉีเซียวเหลือบมองนางแวบหนึ่ง “พระชายา นั่นเป็นเลือดข้า”
“ท่านเสียเลือดไปน้อยหรือไร? ท่านหมอหลวงหลี่ทำเช่นนี้ย่อมมีเหตุผล อีกทั้งคงไม่ได้เอาไปมากนัก” มู่ซืออวี่เอ่ย “ท่านหมอหลวงหลี่ ท่านเจาะไปเถอะ!”
ฉีเซียวไร้ทางเลือก ทำได้เพียงยื่นแขนออกไป “เอาไปเถอะ! พระชายามีคำสั่ง ท่านกับข้าล้วนไม่อาจฝ่าฝืน”
หมอหลวงหลี่ใช้เข็มทิ่มปลายนิ้วของฉีเซียว บีบเลือดสองสามหยดลงในน้ำถ้วยหนึ่ง
หลังจากนั้น เขาก็หยดของเหลวบางอย่างลงในถ้วย น้ำถ้วยนั้นที่เดิมทีมีเลือดผสมอยู่กลายเป็นสีดำ
“นี่มันเรื่องอะไร?”
“ใต้เท้าฉีถูกพิษแล้ว”
มู่ซืออวี่หันไปมองฉีเซียว “ถูกพิษ?”
สีหน้าของฉีเซียวเริ่มจริงจังขึ้นมา “ข้าไม่รู้สึกไม่สบายที่ใดแม้แต่น้อย”
“พระชายาบอกว่าใต้เท้าควบคุมอารมณ์ไม่ได้ นี่ก็เป็นอาการของการถูกพิษอย่างหนึ่ง” หมอหลวงหลี่เอ่ย “มันเป็นพิษที่ต้องได้รับอย่างต่อเนื่อง ไม่แสดงอาการอะไรมากนัก แต่มันจะค่อย ๆ ซึมเข้าสู่เลือดของท่านทีละน้อย จนกระทั่งร่างกายของท่านไม่อาจรับไหวอีกต่อไปจึงจะระเบิดออกมาในคราวเดียว”
“ใต้เท้าฉีก็เป็นคนรอบรู้ ก่อนหน้านี้ที่ท่านรับผิดชอบหน่วยลับคงเคยพบเห็นมาบ้าง นึกไม่ถึงว่าจะตกหลุมพรางให้กับวิธีการเช่นนี้” มู่ซืออวี่กล่าว “ตรวจได้หรือไม่ว่าเป็นพิษชนิดใด? รักษาได้กระมัง?”
“ดูจากสีแล้ว ดูเหมือนเพิ่งถูกพิษได้ไม่นาน เพียงแค่ต้องใช้วิธีถอนพิษแบบเดิมเท่านั้น” หมอหลวงหลี่เอ่ย “โชคดีที่พบทันเวลา หากผ่านไปสองสามเดือนให้หลัง คงถอนพิษไม่ได้ง่ายดายเพียงนี้แล้ว”
“ใต้เท้าฉี ยังจะตำหนิข้าที่มากเรื่องอยู่อีกหรือไม่?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม
ฉีเซียวประกบมือขึ้นกล่าว “พระชายาช่วยชีวิตของข้าน้อยไว้ ข้าน้อยไม่มีอะไรจะตอบแทน ทำได้เพียงปฏิบัติต่อพระชายาในฐานะแขกคนสำคัญ เชื่อฟังคำพูดของพระชายาเท่านั้น”
“ท่านพูดดีไปเถอะ!” มู่ซืออวี่หัวเราะ “ท่านหมอหลวง ในเมื่อท่านมาแล้ว เช่นนั้นรบกวนท่านตรวจดูห้องตำรากับห้องนอนของเขา ดูหน่อยว่ามีอะไรไม่เหมาะสมหรือไม่ ใต้เท้าฉี ข้างกายท่านควรเก็บกวาดให้ดีแล้ว”
“ข้าเข้าใจ” ฉีเซียวนึกไม่ถึงว่าเขาจะตกหลุมพรางครั้งใหญ่
หากไม่ใช่จู่ ๆ มู่ซืออวี่ก็โผล่มา ทั้งยังพาท่านหมอหลวงหลี่มา ‘ทำเรื่องเกินความจำเป็น’ ด้วย เกรงว่าปีหน้าเขาคงถูกฝังแล้ว
หมอหลวงหลี่ตรวจดูบ้านของฉีเซียวรอบหนึ่ง จากนั้นก็ดูบันทึกอาหารของฉีเซียวในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา พบว่าอาหารหลายอย่างล้วนขัดกัน รวมถึงกำยานที่เป็นอันตรายต่อร่างกายของเขาในห้องนอน
“ใต้เท้าฉี มีคนคิดจะฆ่าท่าน! เพียงแต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายระมัดระวังเพียงใดจึงใช้วิธีการที่ค่อยเป็นค่อยไป”
“ดูเหมือนว่าข้าจะไม่ได้ชักดาบออกมานานเกินไปจึงมีคนคิดว่าข้าหันหน้าเข้าหาพระธรรมแล้ว” ฉีเซียวเอ่ย “พระชายา ต่อจากนี้ข้าจะจัดการเอง เจ้าไม่ต้องกังวล”
“ข้าเชื่อใต้เท้าฉี” มู่ซืออวี่เอ่ย “เพียงแต่เพื่อชีวิตน้อย ๆ ของท่าน นับตั้งแต่นี้ไป ท่านไปหาท่านหมอหลวงหลี่ทุกครึ่งเดือนเพื่อจับชีพจรบำรุงร่างกายเถอะ!”
“นายท่าน ท่านอ๋องลู่มาขอรับ บอกว่ามารับพระชายากลับจวน” พ่อบ้านเดินเข้ามาบอกกับฉีเซียว
ฉีเซียวหันกลับไป เห็นเพียงลู่อี้สาวเท้าเข้ามา หยุดยืนอยู่ข้าง ๆ มู่ซืออวี่
“ข้าว่านะท่านอ๋องลู่ พวกท่านล้วนเป็นสามีภรรยาเฒ่าแล้ว อย่าได้หวานเพียงนี้ได้หรือไม่?” ฉีเซียวเอ่ยอย่างอารมณ์ไม่ดี “พระชายาอยู่ที่นี่กับข้า หรือยังกังวลว่าข้าจะทำนางหายไปได้?”
“ข้าไม่เคยกังวลเรื่องนี้ เพียงแต่พระชายาไม่อยู่ที่จวน จวนอ๋องแห่งนั้นก็ว่างเปล่า ข้าไม่คุ้นชินกับการอยู่ลำพัง” ลู่อี้เอ่ย “ที่นี่เกิดอะไรขึ้น? ไยแต่ละคนสีหน้าไม่น่าดูชมเช่นนี้”
[1] ยามไฮ่ คือ ช่วงเวลาประมาณ 21.00 – 23.00 น.