สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 951 ปัญหาของสกุลโม่
บทที่ 951 ปัญหาของสกุลโม่
บทที่ 951 ปัญหาของสกุลโม่
ประชุมเช้า ขุนนางหลายคนก้าวออกมาข้างหน้าทีละคน ร้องเรียนใต้เท้าผู้เฒ่าโม่และโม่ชิงเหยียนว่าหละหลวมในการควบคุมผู้ใต้บังคับบัญชา ปล่อยให้ทาสรับใช้รังแกราษฎร ไปฉุดสาวชาวบ้าน
ขุนนางผู้รับผิดชอบชี้แจงถึงความผิดห้าข้อ แต่ละข้อล้วนเพียงพอที่จะทำให้ใต้เท้าโม่ทั้งสองถูกปลดจากตำแหน่งเนรเทศไปยังชายแดน อีกทั้งหลักฐานนั้นก็ชัดเจน ใต้เท้าโม่ทั้งสองรับมือไม่ทันทำได้เพียงคุกเข่าลงรับผิด
“คดีนี้มอบให้กรมอาญาตรวจสอบ” ฟ่านหยวนซีที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรเอ่ยนิ่ง ๆ “ภายในสามวัน เราจะต้องรู้ผลลัพธ์”
เสนาบดีกรมอาญาก้าวออกมากล่าว “กระหม่อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”
ถัดจากนั้นใต้เท้าคนอื่น ๆ ก็รายงานหน้าที่ของกรมกองตนเอง
เหล่านี้ล้วนแต่เป็นเรื่องเล็กน้อย ฟ่านหยวนซีรับฟังแล้วให้คำตอบก็จัดการแล้วเสร็จ
ใต้เท้าผู้เฒ่าโม่และโม่ชิงเหยียนคุกเข่าอยู่ที่นั่นตั้งแต่ต้นจนจบ จนกระทั่งเลิกประชุม ถึงได้ลุกออกไป
ถึงแม้คดีดังกล่าวจะถูกส่งต่อไปให้กรมอาญาสอบสวน ทว่าฮ่องเต้เห็นแก่การลำบากตรากตรำทำงานหลายปีมานี้ของสองพ่อลูก ระหว่างตรวจสอบคดีจึงไม่ได้ควบคุมตัวพวกเขา ในทางกลับกัน ได้ส่งกลับไปรอที่จวนให้กรมอาญาได้ตรวจสอบคดี
“ท่านอ๋องลู่ ช้าก่อน” เสนาบดีกรมอาญารีบตามลู่อี้มา
ลู่อี้ชะลอฝีเท้าลง รอให้เขาตามมาทัน
“ท่านอ๋องลู่ ข้าเห็นว่า… คดีใต้เท้าโม่ทั้งสองท่าน กล่าวกันตามหลักควรมอบให้สำนักตรวจการ…”
ลู่อี้เอ่ยอย่างใจเย็น “ฝ่าบาทเชื่อใจใต้เท้า ให้ใต้เท้าตรวจสอบคดีนี้มีอะไรไม่เหมาะสม?”
“นี่…” เสนาบดีกรมอาญาแทบจะหัวล้านด้วยความกลัดกลุ้มแล้ว
สกุลโม่กับสกุลลู่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน กล่าวได้ว่าหลายปีมานี้พวกเขาล้วนปฏิบัติตามคำสั่งของลู่อี้ บัดนี้เกิดเรื่องกับสกุลโม่ ฝ่าบาทกลับไม่ได้มอบคดีนี้ให้กับสำนักตรวจการ หรือก็คือไม่ได้มอบให้อยู่ในมือใต้เท้าลู่น้อย อีกทั้งยังไม่ได้มอบให้กับศาลต้าหลี่ หากแต่มอบให้กรมอาญาตรวจสอบ หรือฝ่าบาทต้องการหลีกเลี่ยงความสงสัยให้สกุลลู่?
ประชุมเช้าเมื่อครู่นี้ ท่านอ๋องลู่ก็ไม่ได้ขอความเมตตาให้พ่อลูกสกุลโม่ หรือว่าตั้งใจจะสละหมากสองตัวนี้ทิ้ง?
“ท่านอ๋อง หากใต้เท้าโม่ทั้งสองหละหลวมในการควบคุมผู้ใต้บังคับบัญชาจริง ๆ เช่นนั้นควรพิจารณาอย่างไรหรือ?”
“ควรพิจารณาอย่างไรก็พิจารณาอย่างนั้น จัดการตามกฎหมาย” ลู่อี้กล่าว “ท่านเป็นเสนาบดีกรมอาญามาหลายปีแล้ว แม้กระทั่งพิจารณาคดีอย่างไรยังไม่เข้าใจหรือ? เช่นนั้น ข้าคงต้องสงสัยแล้วว่าหลายปีมานี้ท่านจัดการเรื่องราวอย่างไร?”
“เข้าใจ! แน่นอนว่าเข้าใจ ข้าน้อยเข้าใจแล้วขอรับ”
ลู่อี้เอ่ยอย่างสงบ “อีกสามวัน ใต้เท้ารายงานต่อฝ่าบาทด้วยตนเองเถิด”
เสนาบดีกรมอาญาขมวดคิ้วมุ่น
แม้ลู่อี้จะกล่าวแล้ว แต่ก็กลับเหมือนไม่ได้ชี้แนะอะไรทั้งสิ้น ใต้เท้าเสนาบดีกรมอาญายังคงไม่เข้าใจว่าจะพิจารณาคดีนี้อย่างไร
ทาสรับใช้กระทำความผิด ในฐานะเจ้านายก็มีความผิดจริง ทว่าความหมายนั้นกลับไม่ได้ครอบคลุมมากนัก แต่ละจวนมีทาสรับใช้กี่มากน้อย เกรงว่ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงว่าแต่ละวันพวกทาสทำสิ่งใดบ้าง เพราะหากทาสรับใช้ทุกคนทำผิดแล้วเจ้านายต้องรับผิดชอบ เช่นนั้นจะมีขุนนางพลเรือนและขุนนางทหารในราชสำนักกี่มากน้อยที่ต้องรับผิดชอบกัน?
“กลัดกลุ้ม! กลัดกลุ้มเหลือเกิน!
ใต้เท้าผู้เฒ่าโม่และโม่ชิงเหยียนถูกกักบริเวณอยู่ในจวน
ฮูหยินผู้เฒ่าโม่ร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง นางจ้องมองใต้เท้าผู้เฒ่าโม่ “มิเช่นนั้น ข้าไปขอร้องพระชายาเป็นอย่างไร”
“สตรีเรือนหลังไม่อาจยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในราชสำนัก ถึงแม้เจ้าจะไปหาพระชายา นั่นก็ไร้ประโยชน์” ใต้เท้าผู้เฒ่าโม่กล่าว “ไม่ต้องกังวลแล้ว รอการตรวจสอบเถอะ!”
“ท่านแม่ ทาสรับใช้ผู้นั้นเป็นมาอย่างไรกัน? แทนที่จะไปหาพระชายา ยังไม่สู้ตรวจสอบคนของเราเถิด” โม่ชิงเหยียนกล่าว
“ข้าจะไปตรวจสอบประเดี๋ยวนี้” ฮูหยินผู้เฒ่าโม่เอ่ย “หากจะกล่าวถึงจวนหลังนั้น ดูเหมือนจะอยู่ในนามภรรยาเจ้า”
“สินเดิมของอวิ๋นซื่อหรือขอรับ?” โม่ชิงเหยียนขมวดคิ้ว
“นี่คงไม่ใช่สกุลเจียงจงใจให้ร้ายเรากระมัง?” ฮูหยินผู้เฒ่าโม่เอ่ย “พวกเขาเพิ่งสูญเสียลูกไปก็เกิดเรื่องกับสกุลเรา นี่ช่างบังเอิญเกินไปแล้ว”
“ถึงแม้สกุลเจียงคิดจะใช้ลูกไม้สกปรกจริง ๆ ขอเพียงคนของเราไม่ทำ เช่นนั้นก็ไม่อาจถูกใส่ความได้ หากพวกเขาทำจริง ๆ ใช้ชื่อสกุลโม่เรารังแกราษฎร ความลำบากของพวกเราย่อมไม่นับว่าไม่เป็นธรรม”
โม่ชิงเหยียนกลับไปที่ห้อง พบอวิ๋นซื่อที่กำลังเย็บปักถักร้อยอยู่
“ท่านพี่ ท่านกลับมาแล้ว…”
“เจ้ามีจวนหลังหนึ่งเป็นสินเดิมอยู่ที่หมู่บ้านสกุลหลี่ใช่หรือไม่” โม่ชิงเหยียนเอ่ยถาม
เรื่องราวมากมายเกิดขึ้นในสำนักตรวจการ ลู่ฉาวอวี่เลิกประชุมเช้าแล้วก็ตรงไปยังที่เกิดเหตุทันที
“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” ลู่ฉาวอวี่เห็นสิงเจียซืออยู่ในที่เกิดเหตุ
สิงเจียซือขมวดคิ้วแล้วเอ่ยด้วยหน้าตาบึ้งตึง “ข้าก็ไม่อยากอยู่ที่นี่เช่นกัน เพียงแต่… ดูเหมือนข้าจะเกี่ยวข้องกับคดีนี้”
“เกิดอะไรขึ้น” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยถามผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ข้าง ๆ
ผู้ใต้บังคับบัญชากล่าว “ผู้ตายเป็นพ่อค้า มักมากในกามารมณ์ แม่นางสิงกำลังเจรจาการค้าอยู่กับเขา ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน เขากลับวางยาลงในน้ำชาของแม่นางสิง แม่นางสิงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงเอาปิ่นปักผมแทงขาตนเพื่อให้รู้สึกตัว ผลที่ได้คือคนผู้นั้นกลับเข้าจู่โจมนาง คิดจะข่มเหงแม่นางสิง จากนั้น…”
“จากนั้นเกิดอะไรขึ้น?” ลู่ฉาวอวี่สีหน้าไม่น่าดูชมขึ้นมา
“จากนั้นแม่นางสิงก็หมดสติไป เมื่อนางฟื้นขึ้นมา คนผู้นี้ก็ตายไปแล้ว”
“ตอนนั้นข้าวิ่งออกไปแล้ว แต่ตอนที่ข้าฟื้นขึ้นมา ข้ากลับมาอยู่ที่ห้องอีกครั้ง อีกทั้งในมือยังมีกริชเล่มหนึ่ง รูปร่างของกริชตรงกับบาดแผลของเขา” สิงเจียซือกล่าว
“เจ้าเป็นสตรีผู้หนึ่ง ยามมาเจรจาการค้า เหตุใดไม่พาคนมาด้วย กลับกล้ามาพบบุรุษแปลกหน้าด้วยตนเอง” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย
สิงเจียซือตอบ “เดิมทีข้าพาคนมาด้วยผู้หนึ่ง เพียงแต่คนผู้นั้นกลับท้องเสีย หลังจากนั้นก็ไม่กลับมาอีกเลย”
“ท้องเสีย? บังเอิญเพียงนั้นเชียวหรือ?” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “อู่จั้วมาชันสูตรศพ ส่วนพวกเจ้าไปตามหาคนที่ท้องเสียผู้นั้นออกมา”
“ใต้เท้า ไม่ต้องหาแล้วขอรับ คนผู้นั้นก็ตายแล้วเช่นกัน” ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้หนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก ประกบมือขึ้นคำนับ แล้วรายงาน “เมื่อครู่เพิ่งพบผู้ติดตามผู้นั้นอยู่ใกล้ ๆ ห้องสุขาขอรับ”
สิงเจียซือได้ยินว่าผู้ติดตามตายแล้วก็ตกใจเป็นอย่างมาก “เขาจะตายได้อย่างไร? เขาเป็นคนเผ่าจื้อเยว่ ฝีมือล้ำเลิศ หลายปีมานี้ล้วนเป็นเขาที่ปกป้องข้า พวกเราเป็นนายและบ่าวแต่ในนาม อันที่จริงพวกข้าถือว่าเขาเป็นผู้อาวุโสมาโดยตลอด”
“อู่จั้วทำการชันสูตรศพ คนอื่น ๆ หาเบาะแสต่อไป”
สิ้นคำ ลู่ฉาวอวี่ก็หันกลับไปมองสิงเจียซือ “เจ้าอยู่ที่นี่อย่าเดินเพ่นพ่าน”
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เชื่อว่าสิงเจียซือจะฆ่าคน ทว่าจนกว่าจะตรวจสอบคดีนี้ออกมาได้ นางยังคงเป็นผู้ต้องสงสัย
สิงเจียซือยังคงตกตะลึงที่ ‘ลูกน้องตนตาย’ จึงหาที่นั่งลง สีหน้าปรากฏความเศร้าโศกใจ
อู่จั้วทำการชันสูตรแล้วก็รายงานว่า “ใต้เท้า อาวุธสังหารที่ใช้สังหารคนผู้นี้เป็นกริช คิดว่าผู้ตายต้องดิ้นรนขัดขืนอย่างรุนแรงก่อนตาย เห็นได้ชัดจากร่องรอยในที่เกิดเหตุ บนร่างกายผู้ตายมีรอยข่วนจากสตรี ดูจากสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว รอยข่วนนี้คงเป็นแม่นางท่านนั้นที่ทิ้งเอาไว้ ตัดสินจากร่องรอยในที่เกิดเหตุและร่องรอยบนตัวผู้ตายแล้ว แม่นางผู้นั้นคงตกที่นั่งลำบากเป็นแน่”
“บ่าวรับใช้ผู้นั้นของนางเล่า?”
“คนผู้นั้นท้องเสียก่อนตาย สาเหตุการตายคือถูกทุบจากด้านหลังศีรษะ เขาคงท้องเสีย ร่างกายไร้เรี่ยวแรง จากนั้นจึงถูกใครบางคนทำร้ายเข้า เมื่อครู่นี้ข้าน้อยไปตรวจสอบบริเวณที่พบร่างแล้ว ไม่พบสิ่งใดขอรับ” อู่จั้วเอ่ย
ลู่ฉาวอวี่โบกมือ ส่งสัญญาณให้พวกเขาตรวจสอบต่อไป ส่วนเขาเหลียวมองไปรอบ ๆ ห้อง