สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 953 เจ้าจะไม่กลับมาเมืองหลวงแล้วหรือ?
- Home
- สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派]
- บทที่ 953 เจ้าจะไม่กลับมาเมืองหลวงแล้วหรือ?
บทที่ 953 เจ้าจะไม่กลับมาเมืองหลวงแล้วหรือ?
บทที่ 953 เจ้าจะไม่กลับมาเมืองหลวงแล้วหรือ?
หลายชั่วยามต่อมา ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขามารายงาน กล่าวว่าจับคนร้ายได้แล้วและได้ส่งตัวไปยังกรมอาญาเรียบร้อย
“ใต้เท้า แม่นางสิงก็อยู่ที่กรมอาญาเช่นกันขอรับ”
“เหตุใดนางจึงไปอยู่ที่กรมอาญา?”
“คดีนี้เกี่ยวข้องกับแม่นางสิง ทางกรมอาญาจึงพาตัวนางไป คาดว่าพาไปเพื่อไต่สวนขอรับ”
ลู่ฉาวอวี่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “เจ้าพาคนไปยังกรมอาญาเพื่อหาข่าวดู คอยติดตามความคืบหน้าของคดีนี้”
“ขอรับ”
ลู่ฉาวอวี่ตรวจดูคดีสองสามคดี แล้วแหงนหน้ามองท้องฟ้าด้านนอก จากนั้นจึงตะโกนขึ้น “เด็ก ๆ!”
“ใต้เท้า” จางอี้ประกบมือขึ้นกล่าว “มีข่าวจากทางกรมอาญาแล้วขอรับ”
“ว่ามา”
“ฆาตกรฆ่าบ่าวรับใช้ผู้นั้นเพราะคู่หมั้นคู่หมายมีมลทินเพราะอีกฝ่ายขอรับ ภายหลังสตรีผู้นั้นก็แขวนคอตาย เดิมทีฆาตกรเป็นนายพราน ฝีมือไม่เลว เขาจึงสืบหาที่อยู่ของทาสรับใช้ผู้นั้น จากนั้นจึงวางแผนฆ่าคน”
“แม่นางสิงเป็นผู้บริสุทธิ์กระมัง?”
“ขอรับ”
“เสนาบดีกรมอาญาสร้างความลำบากใจให้นางหรือไม่?”
“คดีนี้สืบออกมาแน่ชัดแล้ว แม่นางสิงได้รับการปล่อยตัวในทันทีขอรับ” จางอี้เอ่ย “เพียงแต่ทาสรับใช้ผู้นั้นตายไปแล้ว คดีสกุลโม่จึงยุ่งยากแก่การจัดการเล็กน้อยขอรับ”
“เตรียมม้า พวกเราไปดูที่กรมอาญาเถอะ”
“ใต้เท้า ฝ่าบาทมอบคดีนี้ให้กรมอาญา สำนักตรวจการเราเข้าไปแทรกแซงคงไม่ดีนะขอรับ”
“ผู้ใดบอกว่าข้าจะเข้าไปแทรกแซง? ข้ายังมีคดีอื่นที่ต้องร่วมมือกับกรมอาญา” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “คดีที่สำนักตรวจการต้องติดต่อกับกรมอาญาไม่ได้มีเพียงคดีเดียว”
ลู่ฉาวอวี่ขี่ม้าไปยังกรมอาญา
ระหว่างทาง ผู้คนที่ขวักไขว่ไปมาเมียงมองชายหนุ่มบนหลังม้า เหล่าแม่นางน้อยต่างแสดงสีหน้าตื่นตะลึง
“ไม่ต้องมองแล้ว นั่นคือใต้เท้าลู่น้อย”
“ใต้เท้าลู่น้อยหน้าตาหล่อเหลาจริง ๆ”
“เหตุใดใต้เท้าลู่น้อยยังไม่แต่งงานนะ?”
จางอี้กับหยางจงเซิงลอบหัวเราะเบา ๆ
“น่าขันนักหรือ?” ลู่ฉาวอวี่ปรายตามองทั้งสองคน “ดูเหมือนหมู่นี้งานที่มอบหมายให้พวกเจ้าจะน้อยเกินไปสินะ”
“ใต้เท้า ข้าน้อยเพิ่งกลับมาถึงเมืองหลวงนะขอรับ” จางอี้รีบโอดครวญร้องขอความเมตตา “ใต้เท้าไว้ชีวิตข้าน้อยเถอะขอรับ ได้โปรดอย่าให้ข้าน้อยออกไปทำงานข้างนอกบ่อย ๆ เลย มิเช่นนั้นภรรยาที่ข้าน้อยเพิ่งแต่งมาคงไม่มีความสุขแล้ว”
“ใต้เท้าใช้สอยเจ้า นั่นเป็นเพราะเห็นความสามารถ เจ้ายังกล้าต่อรองกับใต้เท้าอีกหรือ?” หยางจงเซิงหัวเราะเยาะ “อีกอย่าง ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่อยากแต่งภรรยาหรือ ภรรยาใหม่ผู้นี้เป็นแม่เจ้าที่เอามีดจ่อคอบังคับให้แต่งด้วย นี่นานเพียงใดกัน ยังไม่ถึงครึ่งปีกระมัง? ดูท่าทีขี้ขลาดเช่นนี้ของเจ้าสิ เหมือนท่าทีของบุรุษที่ใด?”
“เจ้าจะเข้าใจอะไร?” จางอี้เอ่ย “หากเจ้าแต่งภรรยาก็จะรู้จักชื่นชมความงามของภรรยาเอง”
หยางจงเซิงขนลุกขนพองไปทั้งตัว “เก็บสีหน้าเศร้าสร้อยของเจ้าไปเสีย อย่าได้ทำให้ดวงตาของใต้เท้าระคายเคือง ใต้เท้าของเราบริสุทธิ์ผ่องใส ไม่อาจให้เจ้าชักนำไปในทางที่ผิดเป็นอันขาด”
ลู่ฉาวอวี่ไม่สนใจลูกน้องทั้งสองด้านหลังที่กำลัง ‘หยอกเย้า’ กัน
เขาขี่ม้าไปยังฝั่งตรงข้าม
สิงเจียซือนั่งอยู่หน้าร้านเต้าฮวย ตรงหน้านางมีเต้าฮวยถ้วยหนึ่งวางอยู่ นางใช้ช้อนคนมัน แต่ใจกลับล่องลอยไม่ทานลงไปเสียที
ลู่ฉาวอวี่ลงจากหลังม้า
เขาโยนสายบังเหียนม้าให้กับเสี่ยวเอ้อร์ที่เดินมาต้อนรับ
เสี่ยวเอ้อร์รีบผูกม้าเข้ากับพื้นที่ว่างข้าง ๆ อย่างคล่องแคล่ว
ลู่ฉาวอวี่สวมเครื่องแต่งกายขุนนาง มีเพียงคนตาบอดเท่านั้นที่จะกล้าล่วงเกิน ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงใบหน้านั้นของชายหนุ่ม บนใบหน้านี้เขียนไว้อย่างชัดเจนว่า ‘แซ่ลู่’ ยิ่งไม่อาจล่วงเกินเขาได้
“ข้านั่งที่นี่ได้หรือไม่?” ลู่ฉาวอวี่ยืนอยู่ตรงหน้าสิงเจียซือ
สิงเจียซือจึงรู้สึกตัว นางมองลู่ฉาวอวี่ด้วยความประหลาดใจ “ใต้เท้า ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?”
“ข้าผ่านมา รู้สึกหิวเล็กน้อย จึงแวะที่นี่หาอะไรทานสักหน่อย”
จางอี้และหยางจงเซิงหยุดฟาดฟัน
เมื่อได้ยินคำพูดของลู่ฉาวอวี่ ทั้งสองต่างหันมามองหน้ากัน
ทั้งคู่นั่งลงที่โต๊ะข้างหลัง
สิงเจียซือเอ่ยขึ้น “เต้าฮวยที่นี่อร่อยเป็นพิเศษเชียวละ ทุกครั้งที่ข้ากลับมาต้องได้ทานมัน”
“เช่นนั้นข้าจะลองชิมดู”
“วันนี้ต้องขอบคุณใต้เท้าแล้ว ข้าจะเลี้ยงเอง ถือเสียว่าเป็นการขอบคุณท่าน”
“ย่อมได้”
นางได้ยินลู่ฉาวอวี่ตอบตกลง รอยยิ้มบนใบหน้าก็กว้างยิ่งกว่าเดิม
เป็นเพราะเต้าฮวยเพียงหนึ่งถ้วยหรือ?
แน่นอนว่าไม่
นั่นเป็นเพราะลู่ฉาวอวี่เห็นว่านางเป็นสหาย
“เสนาบดีกรมอาญาไม่ได้ทำให้เจ้าลำบากใจกระมัง?”
“ไม่ เขาเพียงแค่ถามข้าเรื่องสถานที่เกิดเหตุ ข้าย่อมตอบตามจริง เขาจึงปล่อยข้าออกมา” สิงเจียซืออธิบาย “แต่ใต้เท้า มีบางเรื่องที่ข้าไม่รู้ว่าควรกล่าวหรือไม่”
“เจ้าปิดบังอะไรอย่างนั้นหรือ?”
“ขณะที่กำลังต่อสู้อยู่กับเฝิงจง สมุดบันทึกก็หล่นออกมาจากเสื้อเขา เป็นเพราะสมุดเล่มนั้นข้าจึงสบโอกาสหนีออกจากห้อง ตอนที่สมุดเล่มนั้นร่วงลงมา เฝิงจงดูตระหนกเป็นอย่างมาก ทั้งยังบรรจงเก็บมันคืนไปอย่างระมัดระวัง ดูเหมือนสิ่งนั้นจะสำคัญยิ่ง เพียงแต่เมื่อครู่นี้ สมุดเล่มนั้นกลับไม่ได้อยู่ที่ร่างของเขา”
“เจ้าเห็นเนื้อความที่เขียนไว้บนสมุดบันทึกเล่มนั้นหรือไม่?”
“ข้าไม่เห็น” นางส่ายหน้า
“เอาละ ข้าเข้าใจแล้ว” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “ประเดี๋ยวข้าจะไปที่กรมอาญาและตรวจดูร่างของเฝิงจงอีกครั้ง ดูว่ามีสมุดบันทึกที่เจ้ากล่าวถึงหรือไม่”
“ข้าไม่รู้ว่าของสิ่งนั้นจะช่วยไขคดีนี้ได้หรือไม่ เพียงแค่จู่ ๆ ก็นึกขึ้นมาได้ อีกทั้งยังลังเลว่าจะแจ้งเรื่องนี้ดีหรือไม่ บังเอิญเจอใต้เท้า ข้าจึงไม่ต้องกังวลเรื่องนี้แล้ว”
“ครั้งนี้ได้รับความตกใจ ทั้งยังเกิดเรื่องกับผู้ติดตามอีก แผนการเดินทางครั้งถัดไปของเจ้าจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่?”
“ข้ากำลังใคร่ครวญเรื่องนี้” สิงเจียซือเอ่ย “ครั้งนี้หลังจากไป ข้าอาจไม่กลับมายังเมืองหลวงอีก”
“เพราะเหตุใด?”
“ข้าตั้งใจจะอยู่ที่เผ่าจื้อเยว่ระยะยาว หลายปีมานี้ข้าเดินทางไปที่ต่าง ๆ มากมาย ได้เห็นเผ่าใหญ่ ๆ เกือบทั้งหมด ทั้งยังเคยไปยังเกาะที่ห่างไกลจำนวนมากและพบกับผู้คนจากแว่นแคว้นต่าง ๆ แต่มีเพียงเผ่าจื้อเยว่ที่ทำให้ข้ารู้สึกสบายใจเป็นพิเศษ ผู้คนที่นั่นอบอุ่นและสนิทสนมกลมเกลียวกัน ข้าสามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเรียบง่ายที่นั่นได้”
“เช่นนั้น ข้าคงต้องอวยพรให้เจ้ามีความสุข”
“ขอบคุณใต้เท้า”
จางอี้เคาะลงบนโต๊ะแล้วเอ่ยถามหยางจงเซิง “แม่นางสิงจะไม่กลับมาจริง ๆ หรือ? เช่นนั้นใต้เท้าของเราจะทำอย่างไร?”
หยางจงเซิงมีสีหน้างงงวย “เกี่ยวอะไรกับใต้เท้าเราเล่า?”
“เจ้าไม่รู้สึกแปลก ๆ หรือ? นอกจากแม่นางสิงแล้ว ยังมีสตรีคนใดที่เข้าใกล้ใต้เท้าเราได้บ้าง?” จางอี้กล่าว
“ใต้เท้าเพียงแค่ชื่นชมนาง”
“ข้าคิดว่าแม่นางสิงผู้นี้ค่อนข้างคล้ายคลึงกับพระชายา” จางอี้กล่าว “เจ้าดูสิ พระชายาก็ไม่ใช่สตรีทั่วไป นางทำเรื่องต่าง ๆ ตามที่นางต้องการ แม่นางสิงผู้นี้ก็มีนิสัยเช่นนั้น”
“เจ้าหมายความว่า…” หยางจงเซิงเอ่ยด้วยความโมโห “ใต้เท้าเห็นแม่นางสิงเป็นแม่หรือ?”
จางอี้ “…”
นี่มันสหายประเภทใดกัน?
พวกเขาเป็นคนอาณาจักรเดียวกันจริง ๆ หรือ?
หัววัวไม่ตรงกับปากม้า*[1] จริง ๆ
“ข้าหมายความว่า…” จางอี้เอ่ยด้วยความโมโห “ใต้เท้า อย่างไรก็เป็นผู้ที่พระชายาให้กำเนิด ดังนั้นแน่นอนว่าจะต้องชื่นชมมารดาตน นิสัยของแม่นางสิงค่อนข้างคล้ายคลึงพระชายา ทำให้ใต้เท้าชื่นชมนางเป็นอย่างยิ่ง แน่นอนว่านางย่อมเข้าถึงเขาได้ง่ายกว่าสตรีธรรมดาทั่วไป”
[1] หัววัวไม่ตรงกับปากม้า หมายถึง คนละเรื่องราวกัน