สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 955 เจ้าควรรู้ความ
บทที่ 955 เจ้าควรรู้ความ
บทที่ 955 เจ้าควรรู้ความ
“สหายของข้าเล่า?” สิงเจียซือเอ่ยนิ่ง ๆ
“สหาย? คนหยาบกระด้างเหล่านั้น แม้กระทั่งคุณสมบัติจะเป็นบ่าวรับใช้ของเจ้ายังไม่มีด้วยซ้ำ เจ้าถึงกับเรียกพวกเขาว่าสหายจริงหรือ?” ใบหน้าเหี่ยวย่นของฮูหยินผู้เฒ่าสิงเต็มไปด้วยความดูแคลน “เจ้าลืมแล้วหรือว่าตนเป็นผู้ใด?”
“ข้าเป็นผู้ใด? เด็กกำพร้าที่บิดามารดาถูกศัตรูฆ่าอย่างไรเล่า ย่าแท้ ๆ ของข้ายังปกป้องศัตรู มิหนำซ้ำยังช่วยเหลือครอบครัวของศัตรูทุกปี หลายปีมานี้ ไม่มีผู้ใดสนใจข้า ไม่มีผู้ใดถามไถ่ถึง บัดนี้อยู่ดี ๆ ก็เผยตัวออกมาเป็นห่วงเป็นใย หากกล่าวว่าพวกท่านไม่มีจุดประสงค์ คำพูดนี้แม้พวกท่านเชื่อลง ข้ากลับไม่อาจเชื่อได้” ขอบตาสิงเจียซือแดงเรื่อขึ้นมา
ฮูหยินผู้เฒ่าสิงเงียบไปชั่วครู่ ความเหนื่อยล้าและความลำบากใจปรากฏขึ้นบนสีหน้านาง
“หลายปีมานี้เจ้าไม่อยากกลับจวนสิง เห็นได้ชัดว่าเจ้ามาเมืองหลวงบ่อยครั้งกลับไม่มาเหยียบจวนสิงแม้เพียงครึ่งก้าว เป็นเพราะข้าช่วยสกุลอิงใช่หรือไม่?”
สิงเจียซือมีสีหน้าเยือกเย็นทว่าไม่ได้กล่าวอะไร
“เจ้าตามข้ากลับจวนก่อน มีเรื่องอะไรพวกเรากลับไปแล้วค่อยว่ากัน” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงกล่าว
“ข้าไม่มีทางกลับไป”
“เจ้าห้า!” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงเอ่ยด้วยท่าทีเคร่งขรึม “เจ้าเป็นคุณหนูภรรยาเอกสกุลสิง ไม่ใช่เด็กบ้านป่าข้างนอกนั่น หลายปีเพียงนี้แล้ว ข้ารู้ว่าเจ้าโกรธจึงไม่ได้รั้งเจ้าไว้ คิดจะให้เจ้าใจเย็นก่อนค่อยพูดคุย แต่เจ้าอายุเท่าใดกัน? เจ้าอายุเท่านี้แล้วยังเล่นสนุกอยู่ข้างนอก รู้หรือไม่ว่าผู้อื่นเอ่ยถึงเจ้าอย่างไร?”
“ข้าไม่สนใจ”
“เจ้าไม่สนใจชื่อเสียงตนก็แล้วไปเถิด แต่แม้กระทั่งชื่อเสียงบิดามารดา เจ้าก็ไม่สนใจแล้วหรือ?”
“บิดามารดาข้าไม่อยู่แล้ว อย่าได้ใช้ชื่อพวกเขามาทำร้ายข้า”
“เจ้าห้า การกระทำของเจ้าเพียงผู้เดียวกระทบต่อคนทั้งสกุล เจ้าคิดว่าเจ้าไม่กลับจวน ผู้อื่นจะไม่เห็นเจ้าเป็นคุณหนูสกุลสิงหรือ? เจ้าออกไปฟังดูเถิด ผู้ใดไม่นินทาว่าร้ายลับหลังว่าเจ้าไม่รู้กฎเกณฑ์ ไม่รู้จักรักนวลสงวนตัวบ้าง?”
สิงเจียซือยังคงไม่สะทกสะท้าน
หากคำพูดเพียงไม่กี่คำนี้เปลี่ยนนิสัยของนางได้ เช่นนั้นนางเดินทางไปทั่วทุกสารทิศมาหลายปีจะไม่สูญเปล่าหรือ
“พวกเรากลับจวน มีอะไรค่อย ๆ คุยกัน ข้าเป็นย่าแท้ ๆ จะทำร้ายเจ้าได้หรือ? เจ้ามีอะไรแค้นเคืองก็กลับไปแล้วค่อยบอกข้า”
“ข้าไม่กลับไป พวกท่านปล่อยคนออกมาเถอะ”
“หากเจ้าไม่กลับจวนสิง เช่นนั้นพวกเขาจะไม่มีวันปรากฏตัวขึ้นอีก” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงเอ่ยอย่างเย็นชา “เจ้าก็รู้ พวกเขาเป็นเพียงคนที่มาจากต่างแดน การทำให้พวกเขาหายตัวไปอย่างเทพไม่รู้ผีไม่เห็นนั้นง่ายดายนัก”
“ท่านย่า ท่านรู้หรือไม่ว่าสกุลโม่เกิดเรื่องแล้ว? สกุลโม่มีทาสรับใช้ที่ใช้อำนาจของเจ้านายข่มเหงผู้อื่น บัดนี้ทั้งสกุลโม่ถูกลากเข้าไปพัวพัน สิ่งที่ท่านพาไปไม่ใช่ทาส หากแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ๆ ท่านทำเช่นนี้ หากถูกร้องเรียน ผู้อื่นจะกล่าวถึงสกุลสิงอย่างไร? ท่านไม่ได้เป็นห่วงชื่อเสียงของสกุลสิงมากที่สุดหรือ?”
“เช่นนั้นเจ้าก็ไปฟ้องร้องข้าสิ! บอกทุกคนว่าย่าแท้ ๆ ของเจ้าพาเพื่อนหมาป่าสหายสุนัขที่เจ้าผูกมิตรอยู่ข้างนอกไป เจ้าไปกรมอาญา ไปสำนักตรวจการ ไปศาลต้าหลี่ ฟ้องร้องข้าเสียเลยสิ!” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงใช้ไม้เท้าของนางกระแทกไปที่พื้น
สีหน้าของสิงเจียซือเคร่งขรึม “ต้องทำอย่างไรท่านจึงจะปล่อยพวกเขา?”
“กลับสกุลสิง”
“ท่านต้องบอกข้าก่อนว่าจะให้ข้าไปทำอะไรที่สกุลสิง”
“ขอเพียงเจ้ากลับไปสกุลสิงก็จะรู้เอง หรือคิดว่าตนไม่ใช่คนสกุลสิงแล้วจริง ๆ เจ้าตั้งใจจะเป็นคนป่าเถื่อนไปตลอดชีวิตของเจ้าจริง ๆ หรือ?”
สิงเจียซือนิ่งเงียบ
“ข้ารู้ว่าเจ้ามีความสัมพันธ์อันดีกับสกุลลู่” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเรียบ ๆ “เจ้าไปขอให้คนสกุลลู่ช่วยได้ สกุลสิงเรานับตั้งแต่บิดามารดาเจ้าจากไปก็ตกต่ำลงเรื่อย ๆ ยามนี้มีเพียงไม่กี่คนที่ยังพอไว้หน้าเรา หากสกุลลู่โจมตีเรา ทั้งแวดวงจะรู้ว่าเราล่วงเกินสกุลลู่ แน่นอนว่าต้องได้ทีขี่แพะไล่ เช่นนั้นเจ้าก็ไปเถอะ ไปให้พี่หญิงใหญ่ พี่หญิงรอง พี่หญิงสามที่เพิ่งแต่งออกไปถูกสกุลสามีเกลียดชัง พี่หญิงสี่ที่ยังไม่ได้ออกเรือนของเจ้าก็ให้อยู่ขึ้นคาน จากนั้นเจ้าก็เดินจากไป ไม่ต้องเห็น ไม่ต้องสนใจสิ่งใด บิดามารดาเจ้าไม่อยู่แล้ว ข้าก็เป็นคนบาปผู้หนึ่ง ปล่อยให้ข้าตายอยู่ในสกุลสิงเถอะ”
“ขอเพียงข้าตามท่านกลับไป ท่านก็จะปล่อยพวกเขาหรือ?”
“ใช่”
“ได้ ข้าจะกลับไปกับท่าน”
ฮูหยินผู้เฒ่าสิงขึ้นรถม้า
สิงเจียซือตามขึ้นไปแล้วนั่งลงข้างนาง
แม่นมเฒ่าและบ่าวรับใช้คนอื่น ๆ ไม่กล้าเอ่ยแม้เพียงคำเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ
ในความทรงจำของพวกเขา สิงเจียซือยังคงเป็นคุณหนูห้าที่ยิ้มหวาน นิสัยนุ่มนวลอ่อนโยนผู้นั้น เพียงชั่วพริบตา เมื่อกาลเวลาล่วงเลยไป คุณหนูห้ากลายมาเป็นผู้ที่เฉียบคมเยือกเย็นดั่งกุหลาบหนามแล้ว
“น้องห้า…” สิงเจียเวยคุณหนูสี่เดินเข้ามา “น้องห้า ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว”
สิงเจียเวยเป็นคุณหนูภรรยาเอกของบ้านรอง
สิงเจียซือดึงแขนของนางออก แล้วเอ่ยนิ่ง ๆ “ข้าเพิ่งมีกลิ่นสุราติดตัวมา อย่าได้ให้กลิ่นติดท่านเลย”
สิงเจียเวยปล่อยแล้วถอยหลังไปสองสามก้าว ก่อนจะหัวเราะฮ่า ๆ ขึ้นมา “กลางวันแสก ๆ เช่นนี้ น้องห้าช่างไม่ใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อยจริง ๆ”
“เอาละ ประเดี๋ยวพวกเจ้าพี่หญิงน้องหญิงค่อยพูดคุยเปิดอกกัน เจ้าห้าตามข้ามาก่อน” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงกล่าว
สิงเจียซือติดตามฮูหยินผู้เฒ่าสิงเข้าไปในห้องด้านใน
“ปล่อยคนได้แล้วกระมัง?” สิงเจียซือโพล่งขึ้นมา
ฮูหยินผู้เฒ่าสิงกำลังจะจิบชา ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดนางก็เกือบทำถ้วยแตกแล้ว
“เจ้านี่ไม่รู้จักรอจริง ๆ!” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงเอ่ย “หากข้าปล่อยคนแล้ว เจ้าก็คิดจะหนีไปใช่หรือไม่?”
“ท่านย่าช่างใช้คำได้ถูกจริง ๆ ถึงบอกว่าข้าจะ ‘หนีไป’ ท่านย่ารู้อยู่แก่ใจว่า บ้านหลังนี้ต่อข้าแล้วก็คือคุก ข้าย่อมไม่อยากรั้งอยู่แม้เพียงอึดใจเดียว คิดเพียงแค่อยากหนีไปให้พ้น”
“เจ้าห้า เมื่อก่อนเจ้าไม่ได้เป็นเช่นนี้” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงนั่งลง แม่นมเฒ่าด้านหลังลูบหลังนางเบา ๆ ดูเหมือนนางจะสงบสติอารมณ์ลงแล้ว
“ในตอนนั้นข้ามีบิดามารดา มีคนที่รักข้า ท่านย่าก็รักข้า ต่อมาข้าเสียบิดามารดาไปแล้วจึงพาน้องชายไปหาท่านตา ท่านตากับท่านยายจากไปคนแล้วคนเล่า ท่านย่าไม่รู้หรือ? ถึงแม้จะอยู่ไกลจากที่นี่ ท่านย่าคงพอได้ยินมาบ้างกระมัง? หากไม่เคยได้ยิน เช่นนั้นคงยิ่งน่าเศร้ากว่าเดิม ผ่านมาหลายปี ท่านย่าไม่เคยเข้ามายุ่งกับชีวิตพวกเราพี่น้อง นั่นหมายความว่าละทิ้งเราโดยสมบูรณ์แล้ว”
“ข้ายอมรับว่าข้าละเลยพวกเจ้าพี่น้องมาหลายปี ชายแดนอยู่ไกลจากที่นี่ ข่าวมาไม่ถึง ไม่ง่ายเลยที่จะรู้ข่าวคราวของพวกเจ้า พอข้ารู้ เจ้าก็พาน้องชายไปแล้ว ข้าส่งคนไปตามหาพวกเจ้าแต่ก็หาไม่พบ!”
“ท่านย่าเพิ่งบอกว่า ข้ากลับมาเมืองหลวงหลายครั้งกลับไม่เข้ามาที่จวน นั่นหมายความว่าท่านย่ารู้ที่อยู่ของข้า แต่กลับไม่เคยถามไถ่ข้าสักคำต่างหาก”
“ข้าเป็นผู้อาวุโส เจ้าเป็นผู้เยาว์ เจ้ากลับมาแล้ว ไม่มาทักทายข้า นี่มีเหตุผลรึ? หรือต้องให้ข้าที่เป็นผู้อาวุโสเชิญเจ้ามา? มารดาเจ้ารู้จักกฎเกณฑ์มีเหตุมีผล บิดาเจ้ามีระเบียบแบบแผนมากมาย ไม่เหมือนเจ้าที่ไม่เคารพผู้อาวุโสเช่นนี้” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงเอ่ยอย่างโมโห
“เอาละ ท่านย่าพูดถูก ข้าเคยชินกับการเป็นคนป่าเถื่อน ไร้กฎเกณฑ์แล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้ายิ่งไม่เหมาะที่จะอยู่จวนสิงเป็นนกน้อยในกรงทอง ท่านย่าเพียงบอกกับภายนอกว่าคุณหนูห้าสกุลสิงล้มป่วยกะทันหันและได้จากไปแล้วก็พอ นับตั้งแต่นี้ไป ภายหน้าไม่มีคุณหนูห้าอยู่ในจวนสิงอีก หากพวกท่านไม่อาจตัดขาดเจ้าสิบได้ เช่นนั้นก็เพียงบอกว่าเขาเล่าเรียนศึกษาอยู่ต่างแดน แต่ถ้าแม้กระทั่งเจ้าสิบพวกท่านก็ไม่ต้องการ ก็บอกได้ว่าพวกเราพี่สาวน้องชายพบโจรและถูกฆ่าตายอยู่ข้างนอก”
“เจ้า… เจ้าฟังสิว่านางเอ่ยอันใด?!” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงเอ่ยกับแม่นมเฒ่าที่อยู่ข้างหลังด้วยความโมโห “หากไม่ใช่เพราะบิดามารดานางจากไปแล้ว เพียงแค่สิ่งที่นางเอ่ยก็ควรถูกโบยให้หนัก!”