สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 963 ใต้เท้า ช่วยข้าด้วย
บทที่ 963 ใต้เท้า ช่วยข้าด้วย
บทที่ 963 ใต้เท้า ช่วยข้าด้วย
สิงเจียซือเดินเข้าไปหาลู่ฉาวอวี่ แววตาของนางเปล่งประกาย ใบหน้างดงามของนางเต็มไปด้วยความคาดหวังและความตื่นเต้น
“ใต้เท้า ช่วยข้าด้วย”
ลู่ฉาวอวี่รู้จักสิงเจียเซือมาเนิ่นนาน ตอนที่พบกับนางครั้งแรก นางเป็นคนรักอิสระ ไร้กังวล ไร้เดียงสา และมีชีวิตชีวา จากนั้นนางก็นิ่งสุขุมมากขึ้นเรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะผ่านอะไรร่วมกันมาไม่น้อย ทว่าแม้ต้องพายุฝน สิงเจียซือก็ยังคงไม่เปลี่ยนสีหน้า ชายหนุ่มไม่เห็นหน้าตาเจ้าเล่ห์เช่นนี้ของอีกฝ่ายมานานแล้ว
“จะให้ช่วยเจ้าอย่างไร?”
“ข้ารู้ว่าใต้เท้าพกยาจำนวนมากติดตัว ท่านให้ยาข้าหน่อยเถอะ!”
“เจ้าคิดจะทำอะไร?” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “หากเจ้าต้องการรักษาผื่นที่คอเจ้า เกรงว่าจะไม่ได้ผล ยาของข้าไม่เหมาะกับโรค”
“ไม่ใช่…” สิงเจียซือเอ่ย “อย่างไรก็ตาม ท่านให้ข้ายืมก่อนเถอะนะเจ้าคะ”
ลู่ฉาวอวี่หยิบขวดยาหลายขวดออกมาจากแขนเสื้อ
“เจ้าต้องการทำอะไรกันแน่?”
“อย่างไรก็เป็นเรื่องที่ช่วยข้า ท่านไม่ต้องกังวลแล้ว” สิงเจียซือ ‘คว้า’ ยาไปจากมือเขา แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณใต้เท้า ท่านเป็นดาวโชคดีของข้าจริง ๆ ได้พบท่านล้วนมีแต่เรื่องดี ๆ”
ลู่ฉาวอวี่ “…”
ทุกครั้งที่ได้พบนาง ดูเหมือน…
ไม่มีเรื่องดีอะไรเท่าไหร่
ตลอดหลายปีมานี้ นับตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่งในสำนักตรวจการ น้อยครั้งที่เขาจะได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งยามที่ได้รับบาดเจ็บไม่กี่ครั้งนั้น กว่าครึ่งล้วนเป็นยามที่พบนาง…
“ใต้เท้าออกไปก่อนเถอะ ข้าจะออกไปทีหลัง” สิงเจียซือกล่าว
ลู่ฉาวอวี่ไม่รู้ว่าสิงเจียซือคิดจะทำอะไร เขาจึงออกไปก่อนตามที่นางบอก
เดิมทีเขาตั้งใจจะพักผ่อน เพียงแต่เขานึกอยากรู้ว่านางกำลังจะทำอะไรจึงกลับไปที่ห้องโดยสาร
หยางเซียงจวินและคนอื่น ๆ เห็นว่าเขากลับมาแล้ว แต่ละคนล้วนดีใจ สตรีควรรักนวลสงวนตัว ไม่อาจรุกเกินไป ทว่าสามารถผลักให้คุณชายเหล่านั้นมาหาลู่ฉาวอวี่และลากลู่ฉาวอวี่ไปแต่งกลอนด้วยกันได้
“คุณหนูหยาง” สาวใช้เดินเข้ามาด้วยสีหน้ากังวล “คุณหนูห้าสิง…”
ก่อนที่สาวใช้จะกล่าวจบก็มีร่างหนึ่งเดินตามนางมา
ทุกคนเห็นคนผู้นั้น แต่ละคนล้วนต้องอ้าปากค้าง
ใบหน้าของสิงเจียซือทั้งแดงและบวม ใบหน้าที่สวยงามยามนี้กลับดูน่ากลัวเล็กน้อย คอของนางแดงบวม มีตุ่มเล็ก ๆ มากมายผุดขึ้นมา ราวกับว่ามีของไม่สะอาดติดอยู่บนนั้น
“นี่เกิดอะไรขึ้น?” หยางเซียงจวินในฐานะเจ้าบ้านเห็นสภาพเช่นนี้ของสิงเจียซือจึงเริ่มกังวลขึ้นมา
นางเหลือบมองลู่ฉาวอวี่แวบหนึ่ง เมื่อเห็นฝ่ายหลังขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่ากังวลเล็กน้อย ภายในใจนางพลันรู้สึกเกลียดชังสิงเจียซือขึ้นมา
“ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” สิงเจียซือกล่าว “เมื่อครู่ออกไปสูดอากาศ มีแมวตัวหนึ่งกระโดดเข้ามาหาข้า จากนั้นจึงกลายเป็นเช่นนี้แล้ว…”
สิงเจียซือเดินเข้าไปทางคุณชายหัวพลางกล่าวว่า “ข้าเป็นอย่างนี้น่ากลัวมากหรือ?”
คุณชายหัวราวกับพบเจอโรคระบาด เขาขยับถอยออกห่างด้วยสีหน้ารังเกียจ “อยู่ให้ห่างจากข้า อย่าเข้ามา”
ผู้ใดจะรู้ว่านางเป็นโรคบ้าบออะไร?
ได้ยินมานานแล้วว่าคุณหนูห้าสิงรสนิยมย่ำแย่ มักออกไปท่องเที่ยวกับบุรุษป่าเถื่อนเหล่านั้น หลายปีมานี้นางติดตามบุรุษไม่ซ้ำหน้าหลายคน ผู้ใดจะรู้ว่าติดโรคมาบ้างหรือไม่?
ยิ่งคุณชายหัวไม่กล้ามอง สิงเจียซือยิ่งเข้าไปอยู่ใกล้ ๆ ทั้งยังจงใจดึงเขาอีกสองสามครั้ง
“คุณหนูหยาง บนเรือมีท่านหมอหรือไม่?” ลู่ฉาวอวี่ถาม
เท่านั้นเองหยางเซียงจวินถึงได้รู้สึกตัว “มี ๆ”
“เชิญท่านหมอมา”
“ได้” หยางเซียงจวินสั่งสาวใช้ “ยืนนิ่งอยู่ไย? รีบไปเชิญท่านหมอมาเร็วเข้า”
สิ้นคำ ก็หันไปเอ่ยกับบ่าวรับใช้คนอื่น ๆ “เป่าเอ๋อร์ของข้าเล่า?”
“แมวตัวนั้นไม่รู้ว่าเป็นอะไร มันวิ่งซุกซนไปทั่ว ตอนนี้ยังจับมาไม่ได้เจ้าค่ะ”
“ยังจับมันไม่ได้อีกหรือ?” หยางเซียงจวินพึมพำกับตนเอง “หรือว่ามันป่วยจริง ๆ? ช่างเถิด เป็นไปไม่ได้…”
สิงเจียซือเอ่ย “แมวตัวนั้นมีหมัดหรือไม่มันถึงได้ไม่สบายตัว ขอเพียงแค่โกนขนมัน ทายาที่ท่านหมอสั่งให้ โรคนั้นก็หายแล้ว”
นางอ้างว่าติดโรคจากแมวได้อย่างสมเหตุสมผล แต่ไม่ได้หมายความว่านางต้องการทำร้ายชีวิตหนึ่ง แมวตัวนั้นมีบางอย่างผิดปกติจริง ๆ มันคงจะติดโรคอะไรสักอย่างมา หากได้รับการรักษาก็คงจะหายขาด
ลู่ฉาวอวี่เหลือบมองสิงเจียซือแวบหนึ่ง สายตาของเขาราวกับกำลังเอ่ยว่า ไม่ดูว่าตอนนี้ตนเองเป็นอย่างไร ยังจะมีอารมณ์ไปช่วยเหลือแมวอีก
เมื่อสบตากับลู่ฉาวอวี่ สิงเจียซือก็รู้สึกขาดความมั่นใจเล็กน้อย หญิงสาวทำตัวไม่ถูกอยู่บ้าง
ตอนนี้สภาพนางเป็นอย่างไร….
คงน่าเกลียดน่ากลัวมากทีเดียว
นางส่องกระจก ใช้ประโยชน์จากความขัดแย้งกันของตัวยา จงใจทำให้ตนมีสภาพเช่นนี้ ณ เวลานั้น สิ่งเดียวที่สิงเจียซือคิดคือทำให้สกุลหัวหวาดกลัว บัดนี้นางบรรลุเป้าหมายแล้ว กลับไม่รู้ว่าต้องเผชิญหน้ากับลู่ฉาวอวี่อย่างไร
ท่านหมอมาพอดี
ท่านหมอมองใบหน้าสิงเจียซือ แล้วตรวจดูผื่น พลางกล่าวว่า “นี่เป็นโรคที่ติดมาจากแมว คุณชายคุณหนูทุกท่านได้โปรดอยู่ห่าง ๆ ระวังจะติดโรค”
คนเพียงไม่กี่คนที่เดิมทีก็อยู่ห่างแล้ว ถอยออกไปสองสามก้าว ขยับออกห่างจากสิงเจียซือยิ่งกว่าเดิม มีเพียงลู่ฉาวอวี่เท่านั้นที่ยืนนิ่งอยู่ไม่ไกล ราวกับว่าเขาไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ
“ใต้เท้าลู่ เช่นนั้นท่านก็อยู่ให้ห่าง ๆ หน่อยเถอะ!” หลี่เยียนหรานเอ่ยเตือน
ลู่ฉาวอวี่เอ่ยนิ่ง ๆ “นานเพียงใดจึงจะเทียบท่า?”
“ใช่ ๆ พวกเรารีบกลับกันเถอะ!” คุณชายหัวเอ่ย “เรือลำนี้ต้องกำจัดเชื้อโรค ส่วนแมว เพียงแค่…”
“หากเซียงจวินไม่ถือสา ท่านมอบแมวตัวนั้นให้ข้าได้หรือไม่?” สิงเจียซือเอ่ย “มันป่วย เพียงแต่ข้าไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไร ผู้ใดจะรู้ว่ามันจะแพร่เชื้อไปให้ผู้อื่นหรือไม่ จะดีที่สุดหากพามันไปให้หมอตรวจดูและเตรียมยา เช่นนี้หากเกิดเรื่องเช่นเดิมขึ้นอีกจะได้จัดการได้โดยเร็ว เซียงจวินคงไม่อยากเก็บมันไว้ให้ระคายดวงตา เช่นนั้นมอบให้ข้าเถอะ ข้าจะจัดการมันเอง”
“ให้เจ้า ๆ เจ้าเอามันออกไปเถอะ!”
เดิมทีหยางเซียงจวินคิดจะฆ่าแมว หากมีคนต้องการนำเผือกร้อนนี้ไป เช่นนั้นส่งไปเสียก็สิ้นเรื่อง อย่างนี้จะได้ไม่ต้องฆ่ามันต่อหน้าชายที่พึงใจ หลงเหลือภาพลักษณ์ที่อ่อนโยนและจิตใจดีไว้
“ท่านหมอ โรคนี้เป็นอย่างไร?” ฉีซืออี้เอ่ยถาม
“เชื้อโรคที่มาจากสัตว์อาจดูน่ากลัว แต่หากทายาร่วมกับใช้ยาต้มล้างพิษ ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งเดือนก็รักษาหายแล้ว” ท่านหมอเอ่ย
“หลังหายดีแล้ว อาการจะกำเริบอีกหรือไม่?” สิงเจียซือเอ่ยถาม
“นี่กล่าวได้ยาก… มีความเป็นไปได้…” ท่านหมอแสร้งกล่าวอย่างคลุมเครือ
ลู่ฉาวอวี่ส่ายหน้า
เจ้าจิ้งจอกน้อย
ท่านหมอแต่ไรมามักจะเอ่ยถึงอาการที่ร้ายแรงที่สุดเสมอ นางถามเช่นนั้น ท่านหมอย่อมคล้อยตามคำพูดอย่างแน่นอน หากภายหน้าอาการกำเริบขึ้นอีก นั่นก็ไม่อาจตำหนิทักษะการแพทย์ของเขาได้ แต่เป็นเพราะลักษณะของโรค
เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น การล่องเรือย่อมจบลงก่อนกำหนด
หยางเซียงจวินตัดสินใจแล้วว่า ภายหน้าไม่ว่างานเลี้ยงใด ๆ ก็จะไม่เชิญคนของสกุลสิงมาอีก พวกนางช่างน่ารำคาญเกินไปแล้ว
หากไม่ใช่เพราะแม่นางสกุลสิงผู้นั้น นางคงสามารถใช้เวลาร่วมกับชายที่นางพึงใจได้ ตอนนี้กลับดีนัก นางทำได้เพียงเฝ้ามองอย่างจนปัญญาขณะที่เขาลงเรือไปเป็นคนแรก ประหนึ่งเขากำลังหลีกเลี่ยงโรคระบาด
“ต้องโทษเจ้า!” หยางเซียงจวินเอ่ยกับคุณหนูที่อยู่ข้าง ๆ “หากไม่ใช่เจ้าแนะนำให้เชิญแม่นางสกุลสิงมา เรื่องน่าผิดหวังเช่นนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น”
สิงเจียซือก็ถูกส่งลงจากเรือแล้วเช่นกัน
ท่านหมอสั่งยากิน อีกทั้งยังมอบยาทาให้นาง นางเพียงแค่ต้องกลับบ้านและค่อย ๆ รักษาอาการป่วยให้หายดี
แต่คุณหนูสิงกลับกล้าหาญยิ่งนัก นึกไม่ถึงว่าจะยังกอดแมวตัวนั้น ประหนึ่งว่าไม่กลัวติดเชื้อจากมันแม้แต่น้อย