สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 969 ความช่วยเหลือของลู่ฉาวอวี่
บทที่ 969 ความช่วยเหลือของลู่ฉาวอวี่
บทที่ 969 ความช่วยเหลือของลู่ฉาวอวี่
ทันทีที่ลู่ฉาวอวี่เข้าไปในสำนักตรวจการ จางอี้ก็ส่งจดหมายฉบับหนึ่งให้ พลางเอ่ยว่า “วันนี้มีเด็กรับใช้คนหนึ่งมาที่ร้าน นี่คือสิ่งที่เขาส่งมาขอรับ”
ลู่ฉาวอวี่รับจดหมายนั้นมา มองสัญลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์บนซองจดหมาย แล้วเปิดออกอ่านทันที
“ผู้ใดส่งมาหรือ?” หยางจงเซิงเอ่ยถาม “ใต้เท้าของเราแต่ไหนแต่ไรมาล้วนระมัดระวัง จดหมายทุกฉบับจะต้องส่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาตรวจสอบก่อนเปิดอ่าน คราวนี้นึกไม่ถึงว่าจะเปิดอ่านทันที”
“ข้าจะรู้ได้อย่างไร?”
ลู่ฉาวอวี่อ่านเนื้อหาในจดหมาย แล้วเอ่ยกับจางอี้และหยางจงเซิง “ไปตรวจสอบนายน้อยสกุลหัว”
“นายน้อยสกุลหัวหรือ? เขาก่อคดีหรือขอรับ?” จางอี้เอ่ยถาม
“ข้าให้เจ้าตรวจสอบก็ตรวจสอบ จะถามให้มากความไปไย?” หยางจงเซิงที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยประโยคนั้นแล้ว ก็ประกบมือขึ้นเอ่ย “ใต้เท้าวางใจ ข้าจะไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับนายน้อยสกุลหัวมาให้ท่านประเดี๋ยวนี้”
“ต้องเร่งรวบรวมเบาะแสเกี่ยวกับคดีแยกชิ้นส่วนศพทางทิศเหนือเช่นกัน” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “จางอี้รับผิดชอบคดีแยกชิ้นส่วนศพ จงเซิงรับผิดชอบตรวจสอบนายน้อยสกุลหัว”
“ขอรับ”
ลู่ฉาวอวี่เข้าไปในที่ว่าการ
เสียงจางอี้กล่าวพึมพำมาจากด้านหลัง “งานยากลำบากอะไรล้วนมอบให้ข้า นายท่านรักเจ้า ไม่รักข้า”
หยางจงเซิงวาดแขนรอบบ่าเขา พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เอ๊ะ แย่งชิงความโปรดปรานหรือ? เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี? นายท่านรักข้า ไม่รักเจ้า”
“ไปให้พ้น!”
“เอาละ นายท่านไม่รักเจ้า พี่ชายรักเจ้า หากเจ้าไม่ต้องการรับผิดชอบคดีแยกชิ้นส่วนศพ เช่นนั้นเรามาเปลี่ยนกันก็สิ้นเรื่อง” หยางจงเซิงเอ่ย “อย่างไรสำหรับนายท่านแล้ว ผู้ใดทำก็ไม่สำคัญ สำคัญคือต้องทำให้ดี”
“เจ้ายินดีจะเปลี่ยนกับข้าจริงหรือ?”
“มีอะไรให้ไม่ยินดีเล่า?”
“ได้ เช่นนั้นพวกเราเปลี่ยนกัน” จางอี้นึกถึงภาพศพที่ถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ เขาพลันรู้สึกอยากจะอาเจียนขึ้นมาอีกรอบ
ถึงแม้เขาจะติดตามใต้เท้าลู่ทำคดีมาหลายคดีแล้ว ทว่าคดีนี้ได้เพิ่มขีดจำกัดใหม่ให้กับเขา เขาทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ!
ลู่ฉาวอวี่ออกมาอีกครั้ง เอ่ยกับคนทั้งสองคนที่ยังไม่ผละจากไป “ขณะตรวจสอบสกุลหัวให้ตรวจสอบฮูหยินผู้เฒ่าสกุลสิงเสียหน่อย ไม่นานมานี้นางพาตัวชาวต่างแดนกว่าสิบคนไป สืบหาที่อยู่ของชาวต่างแดนเหล่านั้นให้พบ”
“ขอรับ ใต้เท้า”
ณ จวนสิง สิงเจียซือเพิ่งเดินมาถึงประตู พ่อบ้านก็ปรี่เข้ามาขวางนางไว้ เอ่ยตะกุกตะกัก “คุณหนูห้า ท่านอย่าทำให้บ่าวลำบากใจเลย ฮูหยินผู้เฒ่ากำชับไว้ ท่านไม่อาจออกไปที่ใด”
“มีเพียงแต่งเข้าสกุลหัวใช่หรือไม่ ข้าจึงจะย่างเท้าเข้าออกจวนสิงได้?” สิงเจียซือกล่าวอย่างเย็นชา
“ความหมายของฮูหยินผู้เฒ่าคืออย่างน้อยจนกว่าทั้งสองสกุลจะหารือเรื่องการแต่งงานเสร็จสิ้นทั้งหกพิธี ท่านจึงจะสามารถออกไปนอกจวนด้วยการคุ้มครองของผู้คุ้มกันได้ขอรับ” พ่อบ้านเอ่ย “ก่อนหน้านั้น หากคุณหนูห้าขาดเหลือสิ่งใด เพียงแค่บอกกล่าวบ่าวในจวน พวกบ่าวจะจัดเตรียมให้คุณหนูห้าขอรับ”
“ได้ ข้าอยากได้อะไรก็ได้กระมัง?” สิงเจียซือเอ่ย “บังเอิญนัก เรือนข้ายังต้องการของอีกจำนวนมาก อีกประเดี๋ยวข้าจะจัดทำรายการ เช่นนั้นต้องรบกวนพ่อบ้านช่วยข้าจัดหาพวกมันมาให้แล้ว”
สิงเจียซือกลับไปที่เรือน แล้วเริ่มลงมือ ‘เขียน’
รายการที่นางเขียนคือสินเดิมของมารดานาง ขอให้จวนสิงคืนสินเดิมมารดานางมาให้
เดิมทีนางให้เวลาฮูหยินรองสิงได้เตรียมตัวเพียงพอแล้ว แม้ว่าฮูหยินรองสิงหลายปีมานี้จะใช้มันไปบ้าง แต่สิงเจียซือจะถือโอกาสนี้ทวงมันกลับคืนมา อย่างไรเสีย ยามนี้คนทั้งจวนล้วนต้องการใช้นางแลกเกียรติยศและความมั่งคั่ง นางจึงไม่จำเป็นต้องไว้หน้าพวกเขาอีก
“คุณหนูห้าบอกว่า พรุ่งนี้หากไม่เห็นสินเดิมของฮูหยินใหญ่ ยามสกุลหัวมาแลกใบบันทึกวันเดือนปีเกิดกัน นางจะบอกว่าบ้านรองฮุบสินเดิมของฮูหยินบ้านใหญ่ เพื่อให้ทุกคนอับอายขายหน้าเจ้าค่ะ”
“ท่านแม่ ท่านฟังสิ” ฮูหยินรองสิงเอ่ยด้วยความโมโห “นางไม่ไว้หน้าจวนสิงเราแม้แต่น้อยเลยนะเจ้าคะ!”
“สินเดิมมารดานางไม่ได้อยู่ในมือเจ้าหรือ? เจ้าคืนให้นางไปก็ได้แล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงกล่าว “ข้ารู้ว่าหลายปีมานี้เจ้าจัดการเรื่องทั้งสกุลไม่ง่ายดาย ขาดอะไรให้บอกข้า ข้าจะหาวิธีแก้ไข”
“ท่านแม่เห็นใจลูก ลูกยากลำบากเพียงใดก็ยินดีทำด้วยความเต็มใจ เพียงแต่สินเดิมของพี่สะใภ้ใหญ่…สถานการณ์บ้านเราท่านก็ทราบดี หลายปีมานี้นี่นิดนั่นหน่อย ไม่รู้ว่าโยกย้ายไปมากเพียงใด”
“ที่แท้มากน้อยเพียงใดกันแน่?” เมื่อได้ยินฮูหยินรองสิงกล่าวเช่นนั้น สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าสิงก็ดูไม่สู้ดีนัก
สถานการณ์ของสกุลสิงเป็นอย่างไร นางกระจ่างแจ้งแก่ใจ นางยังเสริมเงินให้กับสกุลสิงทุก ๆ เดือน กล่าวตามเหตุผลแล้วคงไม่หายไปมากมาย จำต้องรู้ว่าสกุลสิงก็มีกิจการอยู่บ้างเช่นกัน อีกทั้งกิจการเหล่านั้นยังสร้างรายได้ให้ ไม่มีเหตุผลที่จะโยกย้ายสินเดิมฮูหยินใหญ่มาใช้มากเกินไป
“เจ้านำไปเลี้ยงดูคนสกุลเดิมของเจ้าแล้วใช่หรือไม่?” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงเอ่ยด้วยโทสะ
“ไม่ใช่นะเจ้าคะ จะเป็นไปได้อย่างไร?” ฮูหยินรองสิงคร่ำครวญอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม “ท่านแม่ สกุลเรามีคนมากมายเพียงนี้ นายท่านรอง นายท่านสาม ล้วนแต่ใช้เงินมือเติบ หนี้ที่พวกเขาค้างไว้แต่ละเดือนยังต้องจ่ายไม่น้อย…”
“เอาละ ข้าไม่อยากได้ยินเรื่องเหล่านี้ ข้าปวดหัวแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงเอ่ย “เจ้าจัดทำรายการมาให้ข้า ข้าจะดูว่าที่แท้ขาดไปเท่าใดกันแน่ อย่าปล่อยให้ถึงคราวคนสกุลหัวมาแล้วนังหนูนั่นเอะอะโวยวายต่อหน้าทุกคน เช่นนั้นสกุลสิงเราคงได้เสียหน้าแล้วจริง ๆ ผู้ที่สกุลหัวต้องการคือนาง แม้นยามนี้เราจะปิดปากนาง แต่คงปิดไปทั้งชีวิตไม่ได้กระมัง? ชดใช้ไปตามตรงเถอะ!”
ฮูหยินรองสิงในใจไม่ยินดีทำเช่นนั้น แต่ก็รู้ดีว่าไม่อาจแก้ไขเรื่องนี้ได้
สินเดิมที่ฮูหยินใหญ่ทิ้งไว้เป็นลาภก้อนโต ยามนั้นที่แม่นางหลายคนออกเรือนไป นางแบ่งออกมาทีละเล็กทีละน้อย ทิ้งส่วนใหญ่ไว้ไม่ได้แตะต้อง นั่นเป็นส่วนที่นางเหลือไว้ให้สิงเจียเวยบุตรสาวแท้ ๆ ของตน
ตอนนี้ดีนัก สิงเจียซือกลับมาแล้ว ความมั่งคั่งก้อนนั้นไม่มีอีกต่อไป
“ฮูหยิน ไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยคุณหนูสี่ของเราก็ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าสกุลหัว เทียบกับสินเดิมแล้ว ชีวิตของคุณหนูสี่สำคัญกว่านะเจ้าคะ” แม่นมที่อยู่ข้าง ๆ นางเอ่ย
“กล่าวได้ไม่ผิด” ฮูหยินรองสิงเอ่ย “ใคร ๆ ล้วนกล่าวว่าสกุลหัวเป็นรังสมบัติ มีเพียงเราที่แจ่มแจ้งว่าที่นั่นน่าหวาดกลัวเพียงใด ยังดีที่เจ้าสี่บ้านเรามีแม่แท้ ๆ คอยวางแผนให้ มิเช่นนั้นชีวิตนี้คงพังพินาศแล้ว”
ฮูหยินรองสิงส่งรายการของที่ขาดหายไปให้ฮูหยินผู้เฒ่าสิง
ฮูหยินผู้เฒ่าสิงรู้ว่าฮูหยินรองสิงใช้ไปไม่น้อย เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะใช้ไปมากเพียงนี้
“ข้าเสริมส่วนหนึ่งได้ ทว่าเจ้าก็ต้องรับผิดชอบครึ่งหนึ่ง ฮูหยินผู้เฒ่าสิงเอ่ย “เอาละ อย่าได้รบกวนข้าอยู่ที่นี่อีก ดูแล้วจิตใจข้าว้าวุ่นยิ่งนัก”
ฮูหยินรองสิงรู้สึกไม่ยินยอมอยู่บ้าง
ครึ่งหนึ่งก็มากแล้ว
แต่นางเข้าใจดี ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยแล้ว ผลลัพธ์สุดท้ายก็ทำได้เพียงเช่นนี้ ในสกุลสิง ฮูหยินผู้เฒ่ายังคงเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจสูงสุด หากฮูหยินผู้เฒ่าไม่อยู่แล้ว แต่ละบ้านจะต้องแยกกันอยู่อย่างแน่นอน
วันต่อมา ฮูหยินรองสิงพาบ่าวรับใช้นำสินเดิมบ้านใหญ่ไปส่งถึงเรือนสิงเจียซือ
ฉิงโหรวหยิบรายการสินเดิมขึ้นมาตรวจนับ จากนั้นนับรายการที่ขาดหายไปออกมา
“ของเหล่านี้มอบให้เป็นสินเดิมของพี่หญิงใหญ่เจ้า ไม่อาจไปขอมาจากพี่หญิงใหญ่เจ้ากระมัง?” ฮูหยินรองสิงยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“สินเดิมของแม่ข้า ถึงแม้อาสะใภ้รองจะให้เป็นสินเดิมติดตัวพี่หญิงใหญ่ไปทั้งหมด ข้าก็จะไม่กล่าวแม้สักคำ” สิงเจียซือเอ่ย “ทว่านอกจากให้เป็นสินเดิมติดตัวพี่สาวข้าแล้ว ดูเหมือนยังขาดไปอีกมาก”
“ในจวนมีบ่าวรับใช้มากมาย คงมีสักสองสามคนมือเท้าสกปรก เวลาผ่านไป ค่อย ๆ ลอบเอาไปขาย ตอนนี้จะตามกลับมาก็ยากเหลือแสน เอ้านี่ ไม่ใช่ว่าข้าเสริมให้เจ้าหนึ่งหมื่นตำลึงเงินแล้วหรือไร?”