สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 970 ของที่ควรได้คืนกลับมา
บทที่ 970 ของที่ควรได้คืนกลับมา
บทที่ 970 ของที่ควรได้คืนกลับมา
“‘ภาพงานเลี้ยงวสันต์’ ภาพอักษรของสุภาพบุรุษจงอิง คัมภีร์หมากรุกลายมืออาจารย์อีซิน….” สิงเจียซือเอ่ย “ของเหล่านี้รวมกันแล้วมากกว่าหมื่นตำลึง อาสะใภ้รองให้ราคาเพียงเท่านี้ ไม่ค่อยเหมาะสมกระมัง”
“พวกเราล้วนเป็นคนครอบครัวเดียวกัน จะต้องคำนวณชัดเจนเพียงนี้เลยหรือ? ใช่! หลายปีมานี้ พวกเจ้าสองพี่น้องไม่ได้อยู่ในสกุลสิง ไม่ได้กินของสกุลสิง ไม่ต้องอยู่สกุลสิง เช่นนั้นพี่หญิงใหญ่เจ้าเล่า? พี่หญิงใหญ่เจ้าอย่างไรก็ต้องการการดูแลจากสกุลสิงกระมัง?” ฮูหยินรองสิงเอ่ย “นอกจากนี้ ของเหล่านั้นยังกะรุ่งกะริ่ง ไม่แน่ว่าจะเป็นของจริง ไยทำราวกับมันเป็นทรัพย์สมบัติล้ำค่าสกุลพวกเจ้า”
“คำพูดนี้ของอาสะใภ้รอง น่าขันเล็กน้อยจริง ๆ” สิงเจียซือเอ่ย “นั่นเป็นสินเดิมของแม่ข้า ท่านตาข้าเป็นบัณฑิตชื่อเสียงโด่งดัง คำพูดของเขาไม่อาจประเมินค่า หากนั่นเป็นของปลอมจริง ๆ จะมอบให้แม่ข้าได้อย่างไร? เขาวาดภาพเขียนตัวอักษรเองได้ นั่นล้ำค่ายิ่งกว่าของปลอมเสียอีก”
“อย่างไรก็ตาม ของไม่อยู่แล้ว ตอนนี้ก็ไม่อาจพิสูจน์จริงปลอมได้” ฮูหยินรองสิงทำเป็นปล่อยเลยตามเลย ไม่ต้องการนำเงินออกมาอีก
เพื่อที่จะเติมส่วนที่ขาดนี้ นางทำทุกอย่างที่ทำได้แล้ว ไม่อาจนำมาเติมได้อีก อย่างไรเสียหากตนยืนกรานว่าเป็นของปลอม สิงเจียซือยังจะทำอย่างไรได้?
“อาสะใภ้รองพูดได้ไม่ผิด ของไม่อยู่แล้ว ไม่อาจพิสูจน์ได้จริง ๆ เพียงแต่เท่าที่ข้ารู้ ทางเสนาบดีกรมพิธีการมี ‘ภาพงานเลี้ยงวสันต์’ อยู่ เสนาบดีกรมขุนนางทางนั้นมีภาพอักษรของสุภาพบุรุษจงอิง ยังมีมหาบัณฑิตหลี่ ทางนั้นมี…” สิงเจียซือค่อย ๆ ร่ายรายชื่อคนมากมายออกมา ทั้งยังบอกที่อยู่ของของเหล่านั้น เมื่อเห็นสีหน้าของฮูหยินรองสิงเริ่มไม่น่าดูชมขึ้นเรื่อย ๆ สิงเจียซือก็ยังคงแทงมีดเล่มต่อไป “บางทีข้าอาจลองไปถามดูได้”
ถึงแม้นางจะไม่ค่อยกลับเมืองหลวง ทว่าทุกครั้งที่นางกลับมา เรื่องภายในเมืองหลวงนางก็ยังรู้เป็นอย่างดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมื่อนางอาศัยอยู่ในแวดวงหลากหลาย ข่าวย่อมรั่วไหลออกมาโดยไม่ตั้งใจเสมอ นอกจากนี้ ยังต้องโทษสกุลสิงที่โชคไม่ดี เรื่อง ‘สินบน’ เหล่านั้น สิงเจียซือจึงมักได้ยินอยู่เนือง ๆ
“พอแล้ว ในมือข้าไม่มีเงินแล้ว รอข้ามีเงินมากกว่านี้ ข้าจะเพิ่มให้เจ้าอีกหนึ่งหมื่นตำลึง” ฮูหยินรองสิงยอมแพ้อย่างไม่เต็มใจ
“อาสะใภ้รอง ข้าคนนี้อยู่ข้างนอกก็เป็นคนป่าเถื่อน เป็นพ่อค้าหน้าเลือดไปเสียแล้ว ข้าให้ความสำคัญกับของที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น นอกจากนี้ความจำข้าไม่ค่อยดีนัก ข้าไม่อยากวุ่นวายจดจำเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านั้นแล้ว เอาอย่างนี้ ท่านนำร้านมาชดใช้เถอะ ข้าจำได้ว่าในมือท่านมีร้านชาดร้านหนึ่ง กิจการไม่สู้ดีนัก ท่านก็ใช้ร้านนั้นมาจ่ายข้าแล้วกัน ถือว่าบัญชีทั้งหมดสะสางเรียบร้อยแล้ว”
“เจ้าบอกว่าร้านนั้นไม่ทำเงิน” ฮูหยินรองสิงเอ่ย “เจ้ายินดีใช้ร้านไม่ทำเงินร้านหนึ่งมาสะสางบัญชีทั้งหมดจริงหรือ?”
“ใช่แล้ว ข้ารู้ว่าในมือท่านเหลือเงินไม่มาก ถึงแม้ท่านจะมี บ้านนี้ก็ยังต้องใช้สอย ท่านเองก็ลำบาก” สิงเจียซือเอ่ย “ดังนั้น แทนที่จะบีบบังคับอาสะใภ้รองจนหายใจไม่ออก ยังไม่สู้นำของของท่านมาแลกเปลี่ยน อย่างนี้ข้าถอยหนึ่งก้าว อาสะใภ้รองก็ถอยหนึ่งก้าว ทุกคนย่อมไม่รู้สึกเจ็บปวด มีความสุขกันถ้วนหน้าไม่ใช่หรือ?”
“ได้ ข้ารับปาก”
“สัญญาของร้านนั้นเล่า?”
“ข้ายังต้องค้นหาสักพัก” ฮูหยินรองสิงเอ่ย
“อาสะใภ้รองคงไม่ได้กำลังพยายามถ่วงเวลากระมัง! หากเป็นเช่นนี้ หลานคงต้องสงสัยความจริงใจของอาสะใภ้รองแล้ว เช่นนั้นข้อตกลงนี้ข้าไม่ทำก็ได้ ท่านนำอีกหมื่นตำลึงมาให้ข้าเถอะ!”
“พอแล้ว ข้าจะไปนำมาให้เจ้าประเดี๋ยวนี้! นี่ก็ใช้ได้แล้วกระมัง?”
ฮูหยินรองสิงกลัวว่าสิงเจียซือจะเปลี่ยนใจจึงพานางไปที่กรมคลังและโอนร้านให้
นอกจากร้านแล้ว สินค้าในร้านและหนี้เสียที่ยังไม่ได้เก็บกลับมายังเขียนไว้ในหนังสืออย่างชัดเจน ทั้งหมดเป็นของสิงเจียซือ
ฮูหยินรองสิงคำนวณดูแล้ว หากไม่เท่าทุนก็ขาดทุนอยู่เล็กน้อย เกรงว่าที่เหลือไว้ให้สิงเจียซือมีเพียงหนี้เสีย ไม่มีผลกำไรอะไร ถึงแม้จะมีก็มีไม่มาก ดังนั้นจึงยอมรับปาก
เมื่อสิงเจียซือได้ร้านมา นางก็ให้ฉิงโหรวเก็บหนังสือสัญญาไป
“คุณหนู บ่าวไม่เข้าใจ ทุกปีร้านนี้ล้วนไม่มีกำไร เหตุใดท่านต้องแลกร้านนี้มาด้วยเจ้าคะ?”
สิงเจียซือเอ่ย “พวกเจ้าลองเดาสิ?”
“บ่าวเดาไม่ออกเจ้าค่ะ” ฉิงโหรวเอ่ย “ร้านนี้มีปัญหาอะไรหรือเจ้าคะ?”
“ในเมื่อร้านล้วนไม่มีกำไรมากมาย เหตุใดไม่ขายออกไปเล่า? สกุลสิงยังเก็บเอาไว้ ไม่คิดว่ามันแปลกหรือ?”
“เอ่อ….”
“คนสกุลเดิมของฮูหยินรองเป็นผู้ดูแลร้านนี้” สิงเจียซือเอ่ย “ขาดทุนจริงหรือขาดทุนหลอก? นั่นไม่ใช่เพียงคำพูดจากฝ่ายเดียวหรือ?”
“ดังนั้น บัญชีของร้านเป็นของปลอมหรือเจ้าคะ?” ฉิงฮุ่ยเอ่ย “แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ถึงคุณหนูกลายมาเป็นเจ้าของร้านแล้ว อีกฝ่ายก็ยังใช้บัญชีปลอมหลอกลวงท่านได้นะเจ้าคะ”
“ฮูหยินรองมอบทั้งร้านให้ข้า นอกจากสินค้าเหล่านั้นแล้ว ยังมีบัญชีเก่าก่อนที่ยังไม่ได้ชำระ ในหนังสือของเราระบุไว้อย่างชัดเจน ตอนนี้ข้ารับผิดชอบจัดการทุกอย่างในร้าน เมื่อครู่ที่กล่าวถึงเงื่อนไขข้อนี้ฮูหยินรองลังเลไปชั่วขณะ ทว่าสุดท้ายนางก็ตอบตกลง ในความคิดของนาง กิจการร้านนั้นย่ำแย่ ที่เหลือเกรงว่าจะมีเพียงหนี้ มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่จะเขียนหนังสือนี้” สิงเจียซือเอ่ย “สิ่งที่ข้าต้องการก็คือร้าน ผู้จัดการซ่งผู้นั้นก่อนหน้านี้กินไปมากน้อยเพียงใด ครานี้เขาต้องคายมันออกมาแล้ว ของที่คายออกมาเหล่านั้นย่อมเพียงพอที่จะชดใช้เงิน”
เมื่อมอบเงินจำนวนนั้นออกมา ไม่เพียงแต่จะได้ทุน ยังอาจได้กำไร ไม่เพียงเท่านั้น นางยังทำกำไรจากร้านนั้นได้อีกด้วย กิจการเช่นนี้ยิ่งมากยิ่งดีไม่ใช่หรือ?
“แต่คุณหนูคิดจะนำเงินจำนวนนี้กลับมาก็ไม่ง่ายดายนะเจ้าคะ” ฉิงโหรวเอ่ย
“ข้าไม่จำเป็นต้องเก็บเองนี่” สิงเจียซือเอ่ย “ข้าเพียงแค่ต้องรายงานทางการ เพียงแค่บอกว่าผู้จัดการยักยอกเงินร้านเข้าถุงเงินตนเอง หลังจากใต้เท้าตรวจสอบกระจ่างแล้ว ย่อมให้เขาคายเงินออกมา อย่างไรเสียผู้จัดการผู้นั้นก็เป็นคนสกุลซ่ง ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับข้า เหตุใดข้าต้องสนใจหน้าตาเขา?”
ครอบครัวซ่งประสบเคราะห์ครั้งใหญ่เช่นนี้ ทั้งยังต้องอับอายขายหน้า ย่อมทะเลาะกับฮูหยินรองอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เช่นนั้นฮูหยินรองย่อมไม่มีสกุลเดิมให้พึ่งพาอีก ดูซิว่านางจะยโสโอหังได้เพียงใด
ฉิงโหรวกับฉิงฮุ่ยมองหน้ากันไปมา
คุณหนูห้าน่ากลัวเกินไปแล้วจริง ๆ
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือนางรอบรู้ แตกต่างจากกุลสตรีในห้องหออย่างสิ้นเชิง
“มีบางเรื่องที่ข้าลืมบอกพวกเจ้า” สิงเจียซือกล่าว “ข้าฉวยโอกาสนี้ที่พวกเขารู้สึกติดค้างข้า ไปต่อรองเงื่อนไขอีกข้อหนึ่งกับท่านย่ามา นั่นก็คือสัญญาขายตัวของพวกเจ้า ตอนนี้สัญญาขายตัวของพวกเจ้าอยู่ในมือข้าแล้ว”
ฉิงโหรวกับฉิงฮุ่ยคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว
“นับตั้งแต่ตอนที่บ่าวรับใช้คุณหนู บ่าวก็เป็นคนของคุณหนู ภักดีต่อคุณหนูเท่านั้น”
“บ่าวก็เช่นกัน”
“เช่นนั้นก็พิสูจน์สิ!” สิงเจียซือเอ่ย “ข้าออกจากจวนไม่ได้ แต่พวกเจ้าทำได้!”
“บ่าวเข้าใจแล้ว” ฉิงโหรวเอ่ย “เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่บ่าว ฉิงฮุ่ยเอาใจใส่มากกว่า ให้นางรั้งอยู่ดูแลคุณหนูได้เจ้าค่ะ”