สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 986 ทิศทางลมในราชสำนัก
บทที่ 986 ทิศทางลมในราชสำนัก
บทที่ 986 ทิศทางลมในราชสำนัก
ฉีเจินส่งคืนอำนาจทหาร กลายเป็นเป็นเสนาบดีกรมกลาโหม
นอกจากเขาแล้ว ขุนนางอีกหลายคนในราชสำนักก็เปลี่ยนตำแหน่งเช่นกัน
เจียงหว่านเฉินได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว เพียงแต่ต่างจากคราวก่อนที่ทุกคนต่างแสดงความยินดีกับเขา เพราะคราวนี้ที่เขาได้เลื่อนตำแหน่งไม่มีคนแสดงความยินดีแม้แต่ผู้เดียว
นอกจากนี้ ถึงแม้ลู่อี้จะไม่ได้เอ่ยปาก ทว่าขุนนางฝ่ายลู่อี้ต่างก็มุ่งเป้าไปที่เจียงหว่านเฉินทุกทางทำให้ขุนนางคนอื่น ๆ เข้าใจว่าทิศทางลมในราชสำนักเปลี่ยนไป
เพียงเพราะเจียงหว่านเฉินทำให้โม่ชิงเหยียนถูกลดขั้น บัดนี้นอกจากคนของท่านอ๋องลู่ คนถัดไปที่จะถูกปลดก็คงเป็นเขา
เพียงแต่โชคยังดี ฮ่องเต้ดูเหมือนจะพยายามปกป้องเจียงหว่านเฉินในครานี้ ไม่ว่าพรรคพวกของลู่อี้สักกี่คนจะใช้กลอุบายกับเจียงหว่านเฉิน ฮ่องเต้ก็ไม่ทอดทิ้งเขา เรื่องนี้ทำให้ขุนนางในราชสำนักต่างก็คาดเดาว่าฮ่องเต้แตกหักกับท่านอ๋องลู่
ขณะที่ทุกคนคาดเดาเช่นนี้ ฝ่าบาทก็รั้งตัวท่านอ๋องลู่ไว้เพียงลำพัง จากนั้นจึงพระราชทานรางวัลต่าง ๆ มากมายให้เขา ราวกับจะปลอบประโลม
“เสนาบดีฉี” ขุนนางเฒ่าผู้หนึ่งตามฉีเจินออกมา “ท่านว่าฝ่าบาททำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”
ฉีเจินกล่าวยิ้ม ๆ “ใต้เท้าหยาง อย่าได้คิดมากถึงเพียงนั้น ฝ่าบาทจัดเตรียมอย่างไรพวกเราก็ทำอย่างนั้น เรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับเรา แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องคิดมากเกินไป”
“ท่านอ๋องลู่เรืองอำนาจ หากแตกหักกับฝ่าบาทแล้วจริง ๆ พวกเราขุนนางเบื้องล่าง…”
“ใต้เท้าหยาง เราเป็นขุนนางของฝ่าบาท ฟังแค่เพียงฝ่าบาทเท่านั้น ท่านอ๋องลู่กับฝ่าบาทมีความสัมพันธ์ล้ำลึก สิ่งที่ท่านจินตนาการไว้จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ท่านเพียงแค่แก่แล้วจึงคิดมากไปเรื่อย”
“เสนาบดีฉี” ใต้เท้าหยางเหลียวมองรอบ ๆ แล้วลดเสียงลงกล่าว “ท่านควบคุมกองทัพต่อไปเถิด หากเกิดเหตุใดขึ้น ท่านมีอำนาจกองทัพอยู่ในมือ นั่นจะไม่ควบคุมสถานการณ์ได้ดีกว่าหรือ! ตำแหน่งเสนาบดีกรมกลาโหมกล่าวแล้วน่าฟัง ทว่าตำแหน่งนั้นเทียบไม่ได้กับแม่ทัพผู้หนึ่ง กล่าวไปแล้ว เป็นแค่เพียงคนว่างงานเท่านั้น”
“ใต้เท้าหยาง ท่านต้องเข้าใจข้า” ฉีเจินส่ายหัวแล้วถอนหายใจเบา ๆ “ข้าไม่ใช่เด็ก อายุปาไปสี่สิบเก้าแล้ว หลายปีมานี้ลำบากยากทนสู้ทั้งเหนือใต้ ทั่วร่างข้ามีแต่ความเจ็บปวด ยามนี้ข้าอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ ข้าจะเป็นเพียงคนเกียจคร้านไม่ได้หรือ?”
“เสนาบดีฉีลำบากแล้ว”
“ใต้เท้าหยางอย่าได้ตระหนกเพียงนั้น ถึงแม้ท่านอ๋องลู่จะโกรธก็เพียงแค่ใต้เท้าเจียงเท่านั้น ไม่มีทางแตกหักกับฝ่าบาทเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้” ฉีเจินกล่าว “นอกจากนี้ ฝ่าบาทไม่ได้พระราชทานรางวัลมากมายให้ท่านอ๋องลู่หรือ นับว่าได้วางแผนเป็นขั้นเป็นตอนไว้แล้ว เขาฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้ ฮ่องเต้ขุนนางยังคงมีใจเดียวกัน ปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปเถอะ”
ในเมื่อราชสำนักมีคนยินดี แน่นอนว่าย่อมมีคนโมโหด้วยเช่นกัน
ขุนนางหลายคนที่มีสัมพันธ์อันดีกับโม่ชิงเหยียนถูกลดตำแหน่งหรือไม่ก็ย้ายไปประจำการท้องถิ่น กล่าวโดยสรุปดูเหมือนเจียงหว่านเฉินกำลังคิดจะลากผู้อื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง
ที่จวนลู่อ๋อง ระยะนี้มีขุนนางมาเยี่ยมเยียนมากขึ้นเรื่อย ๆ ในบรรดาขุนนางเหล่านี้ บางคนได้รับการสนับสนุนจากลู่อี้ให้เลื่อนตำแหน่ง บางคนถูกลดตำแหน่ง อย่างไรก็ไม่ใช่ทุกคนที่ได้รับการชื่นชมจากเขา เห็นได้ชัดว่าลู่อี้ระแวดระวังในการเลือกใช้คนมากเพียงใด
ม้าหลายตัวห้อตะบึงผ่านไป
ชาวบ้านบนท้องถนนมองดูเครื่องแบบที่คุ้นตาแล้วเอ่ยว่า “คนของศาลต้าหลี่”
“หมู่นี้หากไม่ใช่ศาลต้าหลี่ก็เป็นกรมอาญา จากนั้นก็เป็นสำนักตรวจการ คดีเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมหรือ?”
“หากท่านไม่เอ่ย ข้าก็ไม่ทันได้สังเกตเสียด้วยซ้ำ ได้ยินท่านพูดอย่างนี้ มาคิดดูอีกที หมู่นี้เกิดคดีฆาตกรรมมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วจริง ๆ”
“ดูเร็วเข้า นั่นคนของสำนักตรวจการ” มีคนผู้หนึ่งชี้ไปที่ขบวนม้าที่ผ่านไปอีกกลุ่มแล้วเอ่ยขึ้น
“ผู้นี้คือผู้คุ้มกันข้างกายใต้เท้าลู่น้อยสำนักตรวจการ ดูเหมือนจะแซ่หยาง เป็นมือขวาของใต้เท้าลู่น้อย ดูจากสีหน้าเคร่งเครียดของเขา หรือว่าจะเกิดอีกคดีแล้ว?”
หยางจงเซิงผ่านไปพร้อมกับขบวนม้า
นับวันราชสำนักยิ่งเกิดเรื่องราวต่าง ๆ ขึ้นมากมาย ราษฎรต่างเฝ้าจับตามอง แต่ละคนพูดคุยกันว่าวันนี้เป็นคดีฆาตกรรมหรือเป็นคดีอื่น ในยามนี้ก็มีอีกหลายคนดึงดูดความสนใจของพวกเขาขึ้นมา วงสนทนาของพวกเขาจึงเปลี่ยนจากเรื่องในราชสำนักไปเป็นการซุบซิบนินทาข้างถนนทันที
“นั่นไม่ใช่แม่สื่อหรือ?”
“ใช่แล้ว นางเป็นแม่สื่อของทางการ หรือว่ามีคุณชายคุณหนูจากสกุลขุนนางสกุลใดจะแต่งงาน?”
“ผู้นั้นฮูหยินฉีกระมัง?”
“ฮูหยินฉีไหน?”
“ใต้เท้าฉีเซียวยังไม่ได้แต่งงาน บัดนี้ผู้ที่เรียกว่าฮูหยินฉีได้ นอกจากฉู่ซื่อ ฮูหยินแม่ทัพฉีเจินแล้ว ยังมีผู้ใดมีคุณสมบัตินี้อีกเล่า? ฮูหยินในจวนฉีหลายคนนั่น ไม่มีวาสนาหรอกนะ”
“ฮูหยินฉีพาแม่สื่อเฉียนเข้าไปในจวนสิง” มีคนเอ่ยขึ้น “หรือว่าสกุลฉีต้องการจะสู่ขอแม่นางสกุลสิง? สกุลฉีมีบุตรนอกสมรสหนึ่งคนกับบุตรภรรยาเอกหนึ่งคน ถึงแม้ว่าบุตรภรรยาเอกจะถึงวัยพูดคุยเรื่องแต่งงานแล้ว ทว่าอย่างไรสถานะของเขาก็สูงส่ง หากจะเลือกก็เลือกคุณหนูสกุลใหญ่สักสกุลได้ ไม่มีทางเลือกสตรีสกุลสิง สกุลสิง หากเป็นเมื่อหลายปีก่อนยังนับว่าเป็นสกุลที่มั่งคั่งรุ่งโรจน์ บัดนี้เหลือเพียงเปลือกอันว่างเปล่า แม้กระทั่งขุนนางสักคนยังไม่มีด้วยซ้ำ ดังนั้นข้าวิเคราะห์แล้ว สกุลฉีคิดจะแต่งแม่นางสกุลสิงออกไป ด้วยสถานะสกุลฉีตอนนี้ บุตรนอกสมรสของพวกเขาแต่งกับบุตรสาวภรรยาเอกสกุลสิงก็นับว่าเหลือเฟือแล้ว”
“เช่นนั้น พวกท่านเดาว่าสกุลฉีคิดจะแต่งกับแม่นางท่านใดของสกุลสิง? ตอนนี้สกุลสิงที่ยังไม่ได้ออกเรือน แม่นางที่ปักปิ่นแล้วมีเพียงสองคน ผู้หนึ่งคือแม่นางสี่สิง อีกผู้หนึ่งคือแม่นางห้าสิง”
“ไม่มีทางเป็นห้าสิง แม่นางห้าสิงกับสกุลหัว…”
“การแต่งงานระหว่างคุณชายสกุลหัวกับคุณหนูสกุลทังได้ตัดสินใจแล้ว คุณหนูห้าสิงจะต้องไม่มีวาสนาแล้วเป็นแน่”
“พวกเรามาเดิมพันกันเป็นอย่างไร? ข้าเดิมพันสี่สิง”
“ข้าเดิมพันห้าสิง”
คุณหนูสี่สิงกับคุณหนูห้าสิงในสายตาของชาวบ้านธรรมดาทั่วไปนั้นไม่มีอะไรแตกต่าง เป็นแค่เพียงแม่นางน้อยหน้าตานวลลออเยาว์วัยสองคนเท่านั้น หากกล่าวว่ารู้สึกพิเศษต่อผู้ใด ย่อมเป็นห้าสิง อย่างไรเสียนางก็ไม่มีบิดามารดา ต้องระหกระเหเร่ร่อนอยู่ข้างนอกมานานหลายปีแล้ว ย่อมทำให้ผู้คนรู้สึกสงสาร ดังนั้น ชาวบ้านไม่น้อยจึงอยากให้ห้าสิงได้สุขสมหวัง
ฉู่หนิงจูมาปรากฏตัวที่สกุลสิงพร้อมกับแม่สื่อ ฮูหยินรองสิงจึงพาสาวใช้ออกมาต้อนรับด้วยตนเอง
“ฮูหยินฉี ช่างเป็นแขกที่หาได้ยากจริง ๆ!” ฮูหยินรองสิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
ฉู่หนิงจูแย้มยิ้มแล้วตอบกลับ “มาโดยไม่ได้รับเชิญ หวังว่าจะไม่ได้บุ่มบ่ามเกินไป”
“จะเป็นไปได้อย่างไร? รีบเข้ามาข้างในเถอะ”
ฮูหยินรองสิงเหลือบมองแม่สื่อที่อยู่ข้าง ๆ แวบหนึ่ง ภายในใจคาดเดาวัตถุประสงค์ในการมาของฉู่หนิงจู
ทาบทามสู่ขอ?
สู่ขอผู้ใดกัน?
ในจวนมีแม่นางสองคนที่ผ่านวัยปักปิ่นแล้ว นอกจากสิงเจียซือก็เป็นสิงเจียเวยแก้วตาดวงใจของนาง
สิงเจียซือเพิ่งเผยความอัปลักษณ์ของตนออกไป คนในสกุลฉีไม่มีทางมีผู้ใดหลงรักนาง คุณชายสกุลฉีแม้จะมีบุตรนอกสมรสผู้หนึ่ง แต่สิงเจียซือเสื่อมเสียชื่อเสียงแล้ว นางยิ่งไม่คู่ควรเพียงนั้น
หรือว่าจะมาสู่ขอเจ้าสี่บ้านนาง?
ฮูหยินรองสิงส่งสัญญาณให้คนสนิทของนางแล้วเอ่ยว่า “ไปบอกคุณหนูสี่ให้แต่งตัวให้ดี ๆ อีกประเดี๋ยวข้าเข้าไปแล้ว นางจะต้องอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด”
แม่สื่อเฉียนกล่าว “วันนี้มาเยี่ยมเยือนถึงบ้าน แน่นอนว่าย่อมมาสู่ขอทาบทาม ฮูหยินรอง วันนี้ฮูหยินฉีมาสู่ขอคุณหนูจวนสิงของท่าน”
ฮูหยินรองสิงดีใจจนเนื้อเต้นอยู่ภายใน ทว่าสีหน้ากลับไม่แสดงอะไรออกมา
นางกล่าวว่า “ไม่รู้ว่าแม่นางคนใดของจวนเราที่ฮูหยินฉีให้ความสำคัญเช่นนี้?”