สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 988 การแต่งงานของสี่สิง
บทที่ 988 การแต่งงานของสี่สิง
บทที่ 988 การแต่งงานของสี่สิง
“รองแม่ทัพของแม่ทัพฉีเจิน แซ่หลิน ชื่อเจิ้นซาน” นายท่านรองสิงเอ่ย “แม่ทัพฉีเป็นพ่อสื่อให้เขาด้วยตนเอง เห็นได้ว่าคนผู้นี้มีความสำคัญเพียงใด ข้าจัดเตรียมคู่ครองที่ดีเช่นนี้ให้ลูกสาวเรา ยังไม่รีบขอบคุณข้าอีก”
เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว นายท่านรองสิงก็เรอออกมา ฮูหยินรองสิงได้กลิ่นไม่พึงประสงค์เต็มรูจมูก
อย่างไรก็ตาม กลิ่นนั้นไม่นับเป็นอะไรเลย ในยามเช่นนี้ ฮูหยินรองสิงไม่อาจมัวแต่สนใจ ‘เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ’ ได้ คำพูดของเขายังคงสะท้อนก้องอยู่ภายในใจนาง สีหน้าของนางมืดมนราวกับขี้เถ้า
“ท่านเคยถามถึงภูมิหลังครอบครัว เคยถามว่าเขารูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร อายุเท่าใดหรือไม่?” ฮูหยินรองสิงกล่าว “นี่เป็นเรื่องใหญ่ของลูกสาวท่าน ท่านกลับตัดสินใจเพียงชั่วจอกเดียวหรือ?”
นายท่านรองสิงโบกมือไปมา “คนที่แม่ทัพฉีเจินแนะนำ ย่อมไม่ย่ำแย่”
“เขาเป็นบิดาท่านหรือเป็นมารดาท่าน เหตุใดคู่ครองที่เขาแนะนำจึงจะไม่ย่ำแย่ เจ้าคนแซ่สิง เจ้าเห็นเรื่องของลูกสาวท่านเป็นเรื่องจริงจังหรือไม่?”
“แม่ทัพฉีเจินบอกแล้ว รองแม่ทัพหลินเปรียบเสมือนพี่น้องของเขา หากเขาแต่งลูกสาวของเราเข้าไป เช่นนั้นสกุลสิงเรากับสกุลฉีของเขาก็ถือเป็นบ้านดองกันแล้ว เจ้าอิงบ้านเราอายุน้อยเปี่ยมพรสวรรค์ ควรได้รับการฝึกฝนดี ๆ พอดีทางเขากำลังขาดแคลนคน ต้องการคนหนุ่มสักคนมาช่วย ดังนั้นหากการแต่งงานครานี้สำเร็จก็ถือเป็นคนกันเองแล้ว ใช้ผู้อื่นไม่สู้ใช้เจ้าอิง”
จู่ ๆ ฮูหยินรองสิงพลันพูดไม่ออก
สิงซื่ออิงเป็นบุตรชายคนโตของพวกเขาบ้านรอง อีกทั้งยังเป็นผู้ที่มีความสำคัญที่สุดทั่วทั้งจวนสิง หากฉีเจินยินดีอบรมบ่มเพราะเจ้าอิง เช่นนั้นก็นับว่าได้ประโยชน์มหาศาลแล้วจริง ๆ
“ตอนนี้คงไม่คิดว่าข้าเลอะเลือนแล้วกระมัง?” นายท่านรองสิงเห็นนางนิ่งไปก็คิดว่าตนถือไพ่เหนือกว่าแล้ว พลันภูมิใจขึ้นมา
“เจ้าอิงเข้าร่วมสกุลฉีได้ พวกเราแน่นอนว่าต้องดีใจ เพียงแต่ ท่านก็รู้นิสัยของเวยเอ๋อร์ แต่ไหนแต่ไรมานางดื้อดึง หากนางรู้ว่าตนต้องแต่งกับรองแม่ทัพผู้หนึ่ง ไม่มีอะไรวิเศษวิโส ภูมิหลังครอบครัวก็เป็นเพียงข้ารับใช้สกุลฉี นางจะไม่อาละวาดหรือ? ไม่ได้การ ยังคงใช้ไม่ได้ เจ้าอิงต้องหาวิธีอื่น”
“ไยเจ้าต้องดื้อด้านเพียงนี้?”
“ข้ายังไม่ได้ว่าอะไรท่านเลย!” ฮูหยินรองสิงเอ่ยด้วยความโมโห “ท่านจะจัดการเรื่องการแต่งงานของลูกสาวตนง่าย ๆ เช่นนี้ได้อย่างไร? สกุลอื่นที่จริงจังสกุลใดบ้างไม่ต้องมีสามสื่อหกพิธี เลือกให้ถี่ถ้วนก่อนค่อยตัดสินใจ ท่านทำอย่างนี้จะให้ผู้อื่นมองลูกสาวเราอย่างไร? ข้าขอถามท่าน ท่านคงตกปากรับคำปากเปล่า ไม่ได้มอบสิ่งยืนยันอะไรไปใช่หรือไม่?”
“ข้าให้จี้หยกชิ้นหนึ่งกับแม่ทัพฉีไปแล้ว”
“ว่าอย่างไรนะ? ท่าน!”
“ข้าจะไปหาฮูหยินผู้เฒ่าตอนนี้ ดูสิว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะเฆี่ยนตีท่านอย่างไร” ฮูหยินรองสิงเอ่ย “บิดาที่ใดดูถูกลูกสาวตนอย่างท่านบ้าง?”
“เอาละ ไม่พูดกับเจ้าแล้ว” นายท่านรองสิงรู้สึกง่วงนอนจึงล้มตัวลงนอนผล็อยหลับไปในทันที
ฮูหยินรองสิงเห็นท่าทางของเขาก็โกรธจนควันออกหู
นางเรียกสาวใช้เข้ามาช่วยแต่งตัวให้ หลังจากเรียบร้อยแล้วก็รุดไปที่เรือนฮูหยินผู้เฒ่าทันที
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย นางต้องรีบบอกฮูหยินผู้เฒ่าโดยเร็วเพื่อขอความช่วยเหลือ
ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินเรื่องที่ฮูหยินรองสิงมาฟ้องก็โกรธเกรี้ยวขึ้นมาดังคาด
แม่นมเฒ่าที่อยู่ข้าง ๆ รีบลูบหลังนาง ปลอบใจด้วยคำพูดดี ๆ “ฮูหยินไม่ต้องรีบร้อนไป เรื่องนี้ยังพอมีช่องให้เปลี่ยนแปลงได้”
ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินคำพูดของแม่นมเฒ่าก็สงบลงจริง ๆ
นางเอ่ยว่า “พรุ่งนี้พวกเราจะไปเยี่ยมเยือนฮูหยินฉี บอกว่าการแต่งงานของนังหนูสี่ได้ตัดสินใจมานานแล้ว เจ้ารองไม่รู้สถานการณ์จึงรีบร้อนมอบสิ่งยืนยันให้เสนาบดีฉีไป ขอเสนาบดีฉีและฮูหยินอย่าได้ถือสาหาความ”
คำกล่าวมาถึงขั้นนี้แล้ว ผู้มีสมองย่อมเข้าใจความหมายของสกุลสิง นั่นคือไม่อยากแต่งแม่นางสี่ให้กับรองแม่ทัพธรรมดา ๆ ผู้หนึ่ง
ฮูหยินรองรู้สึกว่าการมีตัวตนของฮูหยินผู้เฒ่าเป็นอุปสรรคขัดขวางนางมาโดยตลอด มีเพียงยามนี้ที่นางรู้สึกว่าโชคดีเป็นอย่างยิ่งที่มีผู้เฒ่าที่สามารถพึ่งพาได้ อย่างไรเสีย แม้ว่านายท่านรองสิงจะไม่เห็นแก่นางเพียงใด อย่างไรก็ยังต้องเชื่อฟังยามอยู่ต่อหน้ามารดา
“ท่านแม่ ดียิ่งที่ท่านรู้สึกสงสารเจ้าสี่ ไม่เช่นนั้นพวกเราสองแม่ลูกคงไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร” ฮูหยินรองสิงเผยท่าทีอ่อนแอออกมา
“เจ้าไม่ลอบนินทาว่าร้ายก่นด่าข้าผู้เฒ่าผู้นี้ลับหลังที่ขวางทางเจ้าก็ดีแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงเอ่ยขึ้นมาเบา ๆ “เอาละ ข้าก็เหนื่อยแล้ว เจ้าถอยออกไปเถอะ!”
ภายในสวนด้านหลัง สิงเจียซือตรวจนับรายการสินเดิมแล้วกล่าวว่า “พรุ่งนี้จะมีคนมาขนของเหล่านี้ไป พวกเจ้าคอยดูให้ดีหน่อย อย่าให้พวกเขาทำแตกหักได้”
“คุณหนู หากฮูหยินผู้เฒ่ารู้ว่าท่านจะย้ายข้าวของพวกนี้ออกจากบ้าน เกรงว่านางอาจจะโกรธมาก” ฉิงโหรวกล่าว
ฉิงฮุ่ยนำชาเข้ามา “เกรงว่าจะไม่ใช่เพียงมีโทสะแต่ยังจะส่งคนมาขวาง ถึงแม้ของเหล่านี้จะเป็นสินเดิมของฮูหยินใหญ่ในตอนนั้น ทว่าครั้นย้ายเข้ามาในสกุลสิงแล้ว คนสกุลสิงย่อมไม่ยินยอมให้ย้ายมันออกไป”
“พวกเขาไม่มีเวลามาสนใจข้า”
“เหตุใดเจ้าคะ?”
“เรื่องของพี่หญิงสี่ก็เพียงพอให้เขากุมขมับไปได้หลายวันแล้ว”
เมื่อครู่นี้นางออกไปเดินเล่นเที่ยวหนึ่ง ได้ยินบ่าวรับใช้ในจวนกล่าวว่า ฮูหยินฉีพาแม่สื่อมาทาบทามสู่ขอสิงเจียเวย ทว่าฮูหยินรองสิงปฏิเสธไปอย่างสุภาพแล้ว
ภายหลังนายท่านรองสิงกลับมา ฮูหยินรองสิงก็ทะเลาะกับเขา ได้ยินถึงตรงนี้แล้วบ่าวรับใช้ก็เห็นว่านางกำลังฟังพวกเขาพูดคุยกัน ขณะที่นางคิดว่าจะไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ใด ๆ อีกจึงจะผละจากไป นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะเป็นฝ่ายรายงานสถานการณ์ทั้งหมดของบ้านรองให้นางฟัง ทั้งยังบอกนางเรื่องที่ฮูหยินรองกับคนสนิทกระซิบกระซาบกันด้วย
เมื่อสิงเจียซือรู้เรื่องนี้แล้ว ในใจก็ผุดแผนการขึ้นมา
ตอนนี้ฮูหยินผู้เฒ่าและฮูหยินรองสิงกำลังกังวลกับเรื่องของสิงเจียเวย นางถือโอกาสนี้โยกย้ายสิ่งของต่าง ๆ ออกไป ทั่วทั้งบ้านนี้มีเพียงสองคนเท่านั้นที่มีสิทธิ์ขวางนางไว้ ผู้หนึ่งเป็นผู้อาวุโส ผู้หนึ่งคือผู้ที่มีสิทธิ์จัดการดูแลบ้าน ของของนางจะโยกย้ายเข้าออกได้ต้องได้รับความยินยอมจากพวกเขา ส่วนคนอื่น ๆ น่ะหรือ ฮูหยินสามสิงไม่มีคุณสมบัติที่จะควบคุมนาง ฮูหยินสี่สิงเป็นนายหญิงที่ไม่สนใจธุระกงการของผู้อื่น ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง
“ไม่ว่าคุณหนูอยากจะทำอะไร พวกบ่าวจะฟังคุณหนูเจ้าค่ะ”
วันรุ่งขึ้น ฮูหยินผู้เฒ่าสิงและฮูหยินรองสิงออกไปตั้งแต่เช้าตรู่
พวกเขาเพิ่งจากไปได้ไม่นานก็มีคนกลุ่มหนึ่งมาขวางประตูสกุลสิงไว้
ฉิงโหรวรุดไปที่ประตู แล้วบอกกับยามเฝ้าประตู “คนเหล่านี้เป็นคนที่คุณหนูห้าหามา”
“แม่นางฉิงโหรว คนเหล่านี้เข้าไปไม่ได้ขอรับ”
“นี่เป็นการเตรียมการของคุณหนูห้า พวกเจ้ากล้าฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้านายหรือ?” ฉิงโหรวเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “วางใจเถอะ หากเบื้องบนตำหนิลงมา คุณหนูห้าของพวกเราจะรับผิดชอบเอง ไม่ให้พวกเจ้าต้องได้รับความไม่เป็นธรรมแน่นอน”
ขณะที่เอ่ยเช่นนั้นก็โยนถุงเงินสองใบออกไป
ทันทีที่ถุงเงินถูกโยนออกไป ยามเฝ้าประตูทั้งสองก็รับเอาไว้อย่างทันท่วงที
เมื่อทั้งสองรับรู้ได้ถึงน้ำหนักของถุงเงินและใบไม้ทองอร่ามที่ไหลออกมาก็ทำให้ตาของพวกเขาต้องพร่ามัว
“หากฮูหยินผู้เฒ่าตำหนิลงมา…”
“คุณหนูห้าจะจัดการเอง”
“เช่นนั้น ผู้น้อยย่อมไม่กล้าขัดคำสั่งของเจ้านายอย่างแน่นอน”
คนเหล่านั้นไม่ได้เข้าประตูจวนสิง หากแต่เดินกลับไป ขับรถม้าคันแล้วคันเล่าเข้าไป
ผ่านไปสักพัก พวกเขาก็ขับรถม้าออกไปแล้ว
ล้อรถม้าจมลงไปในพื้นดิน ไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในรถม้า ยามเฝ้าประตูรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เพียงแต่คิดว่าพวกเขาไม่ได้ทำผิดอะไร อย่างไรคุณหนูห้าผู้นี้ก็เป็นเจ้านาย พวกเขากล้าขัดคำสั่งนางที่ใดกัน?