สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 989 ทั้งสองถูกพิษ
บทที่ 989 ทั้งสองถูกพิษ
บทที่ 989 ทั้งสองถูกพิษ
คนขับรถม้าดึงสายบังเหียนม้าอย่างแน่นหนา ลงมาจากรถม้าก่อนจะวางที่เหยียบและรอให้เจ้านายลงมาอย่างเคารพนบนอบ
ฮูหยินผู้เฒ่าสิงลงจากรถม้าแล้วเอ่ยกับฮูหยินรองที่คอยพยุงนาง “เรื่องวุ่นวายนี้แก้ไขได้แล้ว เจ้าไปบอกเจ้ารอง หากเขายังทำเรื่องโง่ ๆ เช่นนี้อีก ยายเฒ่าผู้นี้จะตัดเขาออกจากจวนสิง”
“ท่านแม่วางใจ ลูกจะจับตาดูนายท่านรองให้ดี”
“หากเจ้าจับตาดูเขาได้ คงไม่ปล่อยให้เขาทำอะไรบ้า ๆ บอ ๆ อยู่ข้างนอกนั่น” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงกล่าว “กล่าวคือ นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะเก็บกวาดให้บ้านรองของพวกเจ้า ข้าแก่แล้ว กระดูกกระเดี้ยวของข้าทนให้พวกเจ้าทรมานไม่ได้แล้ว ขอเพียงพวกเจ้ายังมีความกตัญญูอยู่บ้างก็อย่าได้ทรมานข้ายายเฒ่าผู้นี้”
ฮูหยินผู้เฒ่าสิงขอให้แม่นมเฉียนพานางกลับห้องไปพักผ่อน
ขณะกำลังจะจากไป แม่นมหลี่ผู้ที่ดูแลคลังของจวนก็วิ่งล้มลุกคลุกคลานเข้ามาคุกเข่าต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่า “ฮูหยินผู้เฒ่า คุณหนูห้าพาคนมาย้ายสินเดิมของฮูหยินใหญ่ออกไปแล้วเจ้าค่ะ”
“เดิมทีก็อยู่ที่เรือนของนาง ยังจะย้ายไปที่ใดได้อีก?” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงยังไม่เข้าใจถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้
“วันนี้มีคนกลุ่มหนึ่งโผล่มา สินเดิมถูกย้ายออกไปข้างนอกแล้ว ส่วนไปที่ใดนั้น บ่าวก็ไม่รู้ได้ บ่าวพาคนมาขวางพวกเขา ทว่าคนทั้งหมดที่คุณหนูห้าพาเข้าจวนมาล้วนเป็นมือดี บ่าวถูกมัดไว้ ขวางไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ!” แม่นมหลี่คุกเข่าลงกับพื้น ร้องไห้อย่างน่าอดสู ราวกับของที่สิงเจียซือพาคนมาย้ายออกไปนั้นไม่ใช่ของมารดานาง หากแต่เป็นสิ่งของของยายเฒ่าผู้นี้
“เจ้าห้าคิดจะทำอะไร?” ฮูหยินรองสิงกล่าว “หรือนางกังวลว่าคนในจวนเราจะโลภมากอยากได้สินเดิมของแม่นาง? ของก็ไม่ใช่ให้นางไปหมดแล้วหรือ ทั้งยังอยู่ในเรือนนางอีก นางมีอะไรให้ต้องกังวลกัน?”
“นางคิดจะออกห่างจากสกุลสิง ไม่กลับมาอีกแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงเอ่ยด้วยความโมโห “ข้านึกว่าหมู่นี้นางฟังความ ที่แท้นี่เป็นแผนการของนาง ดีนัก ข้าอยากจะดูนักว่านางคิดจะทำอะไร”
“คุณหนูห้าออกจากจวนไปแล้ว” แม่นมหลี่เอ่ย “เมื่อครู่ตอนที่บ่าวมา บ่าวได้ยินบ่าวรับใช้หลายคนพูดคุยกัน”
“แย่แล้ว! นางต้องหนีไปแล้วเป็นแน่” ฮูหยินรองสิงเอ่ย “ท่านแม่ ตอนนี้จะทำอย่างไรดี?”
ฮูหยินผู้เฒ่าสิงกล่าว “ข้าจับตาดูนางอยู่เสมอจึงจัดให้คนหลายคนคอยเฝ้าข้างนอก ทันทีที่นางคิดจะหนีก็จะจับนางกลับมาทันที หากนางคิดจะหนีก็ต้องดูว่านางจะออกจากเมืองหลวงได้หรือไม่”
จวนสิงส่งบ่าวรับใช้จำนวนมากออกไปตามหาสิงเจียซือ
ชาวบ้านสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของจวนสิงจึงพากันถามว่าเกิดอะไรขึ้น
“ได้ยินมาว่ามีทาสผู้หนึ่งของจวนสิงวิ่งหนีไป ทาสผู้นั้นยังขโมยทรัพย์สินไปมากมาย ดังนั้นคนจวนสิงจึงคิดจะจับตัวเขาส่งให้ทางการ”
“ช่างกล้าหาญยิ่งนัก ในเมื่อกล้าหลบหนี ทาสที่หลบหนีถูกจับกลับมาได้ นั่นก็เท่ากับตายแล้ว”
อีกทางหนึ่ง สิงเจียซือกำลังประสบปัญหา
เดิมทีนางพาฉิงโหรวกับฉิงฮุ่ยออกจากจวนสิงมา นึกไม่ถึงว่าก่อนออกจากเมืองหลวงราวสองเค่อ ฉิงโหรวกับฉิงฮุ่ยจะปวดท้องขึ้นมาทีละคน อีกทั้งพวกนางทั้งสองยังเจ็บปวดมาก เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี
“ท่านหมอ เป็นอย่างไรเจ้าคะ?”
“แม่นางสองท่านนี้ถูกพิษแล้ว”
“ถูกพิษ?” สิงเจียซือได้ยินคำพูดของท่านหมอ สีหน้าพลันไม่น่าดูขึ้นมา “รู้หรือไม่ว่าพิษชนิดใด? รักษาได้หรือไม่?”
ท่านหมอส่ายหน้า “เป็นข้าที่ไร้ความสามารถ แม่นางเชิญผู้อื่นมาเถอะ!”
“คุณหนู” ฉิงโหรวเอามือกุมท้องแล้วเอ่ยกับนาง “ท่านรีบไปเถอะ! บ่าวกับฉิงฮุ่ยไม่เป็นอะไร ท่านไม่ต้องสนใจพวกเราแล้ว”
“ใช่เจ้าค่ะ นี่เป็นฝีมือของคนจวนสิงอย่างเห็นได้ชัด” ฉิงฮุ่ยเอ่ย “มิน่าเล่า ไยคุณหนูจึงได้รับสัญญาขายตัวมาอย่างง่ายดาย ที่แท้ยังมีลูกไม้เช่นนี้รออยู่ คุณหนู ฮูหยินผู้เฒ่าไม่อยากให้ท่านไปจากจวนสิง อยากให้ท่านแต่งงานในฐานะคุณหนูสกุลสิงเพื่อผลประโยชน์ของสกุล หากท่านไม่ไปตอนนี้ อีกประเดี๋ยวสกุลสิงมา จะยิ่งจากไปยากขึ้นนะเจ้าคะ ถือโอกาสนี้ ท่านรีบไปเถอะเจ้าค่ะ!”
“พวกเจ้าติดตามข้า เป็นคนของข้า ข้าจะดูพวกเจ้าเจ็บปวดรอคอยความตายโดยไม่สนใจได้อย่างไร?” สิงเจียซือเอ่ย “ข้าจะกลับไปหาพวกเขา”
สิงเจียซือยืนขึ้น แล้วเอ่ยกับท่านหมอที่อยู่ข้าง ๆ “ท่านหมอ ช่วยข้าดูแลพวกนางประเดี๋ยว ไม่นานข้าจะกลับมา”
“แม่นาง นี่ไม่ได้…” ท่านหมอไม่กล้ารับเผือกร้อนนี้เอาไว้ “สถานการณ์ของพวกนางไม่สู้ดี หากท่านให้คนอยู่ที่นี่ แล้วพวกนางเกิดเป็นอะไรไป ข้าจะอธิบายให้ชัดเจนได้อย่างไร?”
“วางใจเถอะ พวกเขาไม่เป็นไร”
“นี่…”
ทันทีที่สิงเจียซือก้าวออกจากประตูไป จางอี้ก็เดินผ่านมาพร้อมกับลูกน้องสองสามคน
จางอี้จำสิงเจียซือได้ เมื่อเขาเห็นสิงเจียซือออกมาจากร้านขายยา สีหน้าไม่น่าดูชมเป็นพิเศษจึงคิดจะเรียกนางไว้ แต่กลับเห็นนางขึ้นรถม้า แล้วบอกให้คนขับรีบไปที่สกุลสิง
จางอี้กลับมาจากร้านฝั่งตรงข้าม เล่าให้ลู่ฉาวอวี่ที่กำลังตีเหล็กในร้านตีเหล็กฟัง “เมื่อครู่เห็นแม่นางสิง สีหน้าไม่สู้ดี เหมือนพบเจอเรื่องอะไรมาขอรับ”
ลู่ฉาวอวี่มองลูกดอกตรงหน้าแล้วเงยขึ้นมองจางอี้ “ช่วงนี้จวนสิงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรกระมัง?”
“ไม่มีอะไรนะขอรับ ทุกอย่างเป็นปกติดี! คุณชายสกุลหัวได้หารือเรื่องการแต่งงานกับสกุลทังแล้ว ทั้งสองสกุลพึงพอใจกับการแต่งงานนี้อย่างมาก ทั้งยังตกลงเรื่องวันแต่งงานเรียบร้อย กล่าวตามหลักสกุลสิงควรไม่มีเรื่องอะไรแล้ว”
“เจ้าส่งคนไปถามอีกครั้ง” ลู่ฉาวอวี่กล่าว “เจ้าบอกว่าสีหน้านางไม่สู้ดี แปลว่าคงเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
จางอี้รับคำ
ไม่นานนัก จางอี้ก็กลับมารายงาน “ในร้านขายยาฝั่งตรงข้ามมีแม่นางสองคน แม่นางสองคนนั้นเป็นสาวใช้ใหญ่ของแม่นางสิง ได้ยินว่าทั้งสองถูกพิษแล้ว”
“ท่านหมอว่าอย่างไร?”
“ท่านหมอในร้านขายยาจะมีวิธีอะไรได้? เขาอยากให้แม่นางสิงพาสองคนนั้นไป ทว่าแม่นางสิงเพียงแค่ขอให้ท่านหมอดูแลให้ประเดี๋ยว ไม่นานนางจะกลับมา จากนั้นก็ไปแล้วขอรับ”
“เจ้าส่งคนไปดูที่สกุลสิง แล้วเชิญท่านหมอหลวงมาตรวจดูแม่นางสองท่านนั้น” ลู่ฉาวอวี่กล่าว “ข้ายังมีคดี ต้องรีบไปจัดการ เจ้าส่งคนไปจับตาดูสกุลสิง ได้เรื่องอะไรให้มารายงานข้า”
“ขอรับ”
สิงเจียซือนั่งรถม้ากลับมาสกุลสิง
บ่าวรับใช้จวนสิงตามหานางทุกหนทุกแห่ง เมื่อเห็นนางปรากฏตัว ทุกคนจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว” พ่อบ้านเดินเข้ามา “ฮูหยินผู้เฒ่ากำชับไว้แล้ว หากท่านกลับมาให้ไปหาฮูหยินผู้เฒ่าทันที นางมีบางอย่างจะบอกกล่าว”
สิงเจียซือไม่สนใจพ่อบ้าน นางรุดไปที่เรือนฮูหยินผู้เฒ่าอย่างรวดเร็ว
ฮูหยินผู้เฒ่าสิงได้ยินว่าเจ้าห้ากลับมาแล้วจึงรอให้นางปรากฏตัว แน่นอนว่าเมื่อเห็นเงาร่างของนาง หญิงชราก็แสดงสีหน้าเข้าใจทันที
“ยาถอนพิษ”
ฮูหยินผู้เฒ่าสิงมองนางยื่นมือออกมาขอยาถอนพิษ ไม่ทักทาย ไม่แสดงความเคารพใด ๆ ท่าทีย่ำแย่เป็นอย่างยิ่ง ไม่เห็นหัวกันแม้แต่น้อย
หญิงชราตบลงบนโต๊ะข้าง ๆ แล้วเอ่ยอย่างเย็นชา “บิดามารดาเจ้าสอนกฎเกณฑ์เจ้าเช่นนี้หรือ? หรือเจ้าเคยชินกับการกระทำป่าเถื่อนข้างนอก แม้กระทั่งกฎเกณฑ์ยังไม่เข้าใจ? เช่นนั้นกฎเกณฑ์ที่เจ้าเรียนรู้หลายวันมานี้สูญเปล่าแล้วหรือ?!”