สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 990 ช้าไปหนึ่งก้าว
บทที่ 990 ช้าไปหนึ่งก้าว
บทที่ 990 ช้าไปหนึ่งก้าว
“ข้าแน่นอนว่าเข้าใจกฎเกณฑ์ เพียงแต่กฎเกณฑ์เหล่านั้นไม่มีประโยชน์อะไรกับคนใจไม้ไส้ระกำเช่นนี้” สิงเจียซือกล่าว “ฉิงโหรวกับฉิงฮุ่ยเป็นคนจากเรือนท่าน ท่านกลับทำเรื่องโหดร้ายกับพวกนางได้ลง”
“เด็กสองคนนั้นสำคัญกว่าท่านย่าของเจ้าหรือ?” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงยิ้มเยาะ “ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าควรบอกว่าเจ้าเห็นแก่คุณธรรมน้ำใจ หรือว่าเจ้าใจจืดใจดำกันแน่”
“ยาถอนพิษ”
“ยาข้าสั่งให้คนทำ ไม่มียาถอนพิษ เด็กสองคนนั้นไร้ทางรอด” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงกล่าว “เดิมทีขอเพียงพวกนางอยู่ในจวนอย่างว่าง่าย เรื่องอย่างนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น ยาพิษในร่างกายของพวกนางจำต้องระงับด้วยผงหอมพิเศษของจวนสิง เจ้าพาพวกนางเปลี่ยนเสื้อผ้า คิดจะหนีจากการตามล่าของจวนสิง เจ้ากลับนึกไม่ถึงว่าการเปลี่ยนเสื้อผ้านี้จะเป็นการทำร้ายพวกนาง เดิมทีพวกนางสวมใส่เสื้อผ้าของจวนสิง ซึ่งอบร่ำด้วยผงหอมเพื่อรับรองว่าพิษจะไม่กำเริบขึ้นมา อย่างเลวร้ายขอเพียงพวกนางพกถุงหอมติดตัวก็รับรองได้ว่าพวกนางจะไม่ถูกพิษนี้ นี่เรียกว่าคนฉลาดตกเป็นเหยื่อความฉลาดของตนเอง”
“ข้ากลับมาแล้ว ยาถอนพิษควรมอบออกมาได้แล้วกระมัง?” สิงเจียซือเอ่ยอีกครั้ง “ข้าต้องการยาถอนพิษ”
“ยาถอนพิษนั้นให้เจ้าได้ ทว่าไม่ได้รับอนุญาตจากข้า เจ้าห้ามออกไปจากจวนสิง” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงกล่าว “สินเดิมของแม่เจ้า ต้องย้ายกลับมา”
“สินเดิมของแม่ข้าไม่ต้องคิดถึง ข้านำไปเก็บไว้ในที่ปลอดภัยแล้ว มีเพียงข้ารู้ว่าอยู่ที่ใด” สิงเจียซือเอ่ย “นั่นเป็นสินเดิมของแม่ข้า ข้านำไปก็ไม่ได้ผิดอะไร”
“ได้ เจ้าไม่มอบสินเดิมกลับมาก็ไม่เป็นไร ขอเพียงเจ้าอยู่ที่จวนสิง รอให้สกุลสิงพูดคุยเรื่องการแต่งงานของเจ้าให้เรียบร้อย เช่นนั้นก็พอแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงกล่าว
“ข้ารับปาก” รับปากก่อน ค่อยกลับคำทีหลัง
ในเมื่อนางหลบหนีไปได้ครั้งหนึ่ง นางย่อมหลบหนีไปได้เป็นครั้งที่สอง
เพียงแต่ ก่อนที่จะไปจากจวนสิง นางต้องหาทางรักษาฉิงโหรวกับฉิงฮุ่ยเสียก่อน ไม่เช่นนั้นหากเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีกครั้ง นั่นคงไม่ใช่เพียงพิษกำเริบแล้ว ฉิงโหรวกับฉิงฮุ่ยอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
“ในเมื่อเจ้ากล้าจากไป ย่อมรู้ว่าข้าไม่มีสหายเจ้าอยู่ในมือให้ใช้ขู่ ดังนั้นเจ้าจึงจากไปอย่างไม่กังวล” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงกล่าว
สิงเจียซือไม่ตอบสนอง
ฮูหยินผู้เฒ่าสิงรู้คำตอบอยู่แล้ว
สิงเจียซือกลับมาหาสกุลสิง คิดจะจากไปกลับไม่มีวิธี ฮูหยินผู้เฒ่าให้ยาถอนพิษนาง พ่อบ้านบึ่งไปที่ร้านขายยาพร้อมกับยาถอนพิษ ตั้งใจจะพาฉิงโหรวกับฉิงฮุ่ยกลับมา
“พวกนางไม่ได้อยู่ที่ร้านขายยาขอรับ” พ่อบ้านเอ่ยกับฮูหยินผู้เฒ่าสิง “คนงานที่ร้านขายยาบอกว่าไม่นานหลังจากคุณหนูห้าจากไป เจ้าหน้าที่ทางการหลายคนก็พาตัวแม่นางทั้งสองท่านไปแล้ว คนงานยังบอกอีกว่า ดูจากเครื่องแต่งกายของพวกเขาแล้ว คงจะเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักตรวจการ”
ดวงตาของสิงเจียซือฉายแววประหลาดใจ
สำนักตรวจการ?
หรือว่าเป็นใต้เท้าลู่น้อย?
ฮูหยินผู้เฒ่าสิงหันกลับไปมองสิงเจียซือ “คนรู้จักของเจ้าหรือ?”
สิงเจียซือเอ่ยเสียงเรียบ “ข้ายังไม่เห็นเลย จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นผู้ใด? บางทีเจ้าหน้าที่สำนักตรวจการเดินผ่านมา พบแม่นางสองท่านถูกพิษจึงอยากตรวจสอบว่าผู้ใดเป็นคนวางยาพวกนางกระมัง!”
ฮูหยินผู้เฒ่าสิงแค่นเสียงเย็น “ดี ปล่อยให้พวกเขาตรวจสอบให้ดีเถิด ข้าลงโทษบ่าวรับใช้ที่ไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ ดูซิว่าสำนักตรวจการคิดจะทำอะไรข้า?”
“หากฮูหยินผู้เฒ่าไม่มีเรื่องอื่น ข้าจะกลับไปแล้ว”
“ตอนนี้แม้กระทั่งย่า เจ้ายังไม่เรียกแล้วหรือ?”
“หากท่านปฏิบัติต่อข้าเหมือนหลานสาวของท่านจริง ๆ คงไม่ทำราวกับข้าเป็นนักโทษ ขังข้าไว้ในจวนสิง กล่าวตามตรง ข้าเป็นเงื่อนไขต่อรองที่ไม่เลวของท่าน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไยยังต้องเล่นบทละครย่าหลานที่รักใคร่ลึกซึ้งด้วยเล่า?”
สิงเจียซือกลับไปที่ห้อง
ฉิงโหรวกับฉิงฮุ่ยไม่อยู่ อีกทั้งตอนที่พ่อบ้านรุดไปหา ก็หาพวกนางไม่เจอ ดังนั้นพวกนางจึงไม่ได้กินยาถอนพิษ ตอนนี้พวกนางอยู่ที่ใดกันแน่? หากอยู่ที่สำนักตรวจการ เช่นนั้นจะช่วยพวกนางกลับมาได้หรือไม่?
สิงเจียซือตอนนี้ออกไปไม่ได้แล้ว ในยามวิกฤตเช่นนี้ คิดว่าบ่าวรับใช้คงไม่มีผู้ใดกล้าช่วยนาง ไม่ว่านางจะใช้เงินไปเกลี้ยกล่อมพวกเขามากน้อยเพียงใด นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับชีวิตของพวกเขา ดังนั้นในยามเช่นนี้นางจึงอับจนหนทาง
เสียงขลุ่ยแว่วมาตามลม
ครั้นสิงเจียซือได้ยินเสียงขลุ่ยก็รู้สึกคุ้นหูเล็กน้อย
นางนึกออกแล้ว
“ใต้เท้าลู่น้อย”
สิงเจียซือเปิดหน้าต่างออก มองไปยังทิศทางที่เสียงขลุ่ยดังมา
บนหลังคา ลู่ฉาวอวี่กำลังเป่าขลุ่ย เมื่อนางเปิดหน้าต่างออก เสียงขลุ่ยก็หยุดลง ลู่ฉาวอวี่จึงหันมามองนาง
สิงเจียซือมองชายหนุ่มด้วยความประหลาดใจ
ลู่ฉาวอวี่ประหนึ่งเป็นนกโผบินลงมาจากข้างบน
ถึงแม้จวนสิงจะไม่ใหญ่เท่ากับจวนลู่ ทว่าอย่างไรก็ยังคงมีความรุ่งเรืองครั้งอดีตอยู่ ลู่ฉาวอวี่เมื่อครู่นี้ไม่รู้ที่อยู่ของสิงเจียซือ ดังนั้นจึงใช้เสียงขลุ่ยล่อนางออกมา บัดนี้รู้แล้ว เขาจึงหลบเลี่ยงผู้คุ้มกันของจวนสิง ร่อนลงเบื้องหน้านางอย่างลึกลับ
“สาวใช้สองคนนั้นของเจ้าไม่เป็นไรแล้ว” ลู่ฉาวอวี่กล่าว
สิงเจียซือสูดลมหายใจ กล่าวทักทายลู่ฉาวอวี่อย่างระมัดระวัง “ขอบคุณใต้เท้า หากไม่ใช่ท่าน เด็กสองคนนั้นคงเกิดเรื่องขึ้นแล้ว”
“ถึงแม้ข้าจะไม่ช่วยพวกนาง พวกนางก็ไม่เป็นอะไร ผู้ใดให้พวกนางได้เจ้านายดี ๆ ผู้หนึ่งเล่า? เพื่อความปลอดภัยของพวกนาง แม้กระทั่งแผนการหลบหนียังต้องพับเก็บเอาไว้ ทั้งยังยอมเอาตัวเข้าไปในกับดัก กลับมายังสกุลสิงอีก”
“ใต้เท้าลู่น้อยรู้แล้วหรือ?” สิงเจียซือเอ่ยถาม
“สาวใช้สองคนของเจ้ารู้ว่าข้าไม่มีเจตนาร้ายจึงให้ข้ามาช่วยเจ้า อย่าได้ตำหนิพวกนาง”
“ข้าจะตำหนิพวกนางได้อย่างไร?” สิงเจียซือกล่าว “หากไม่ใช่เพราะข้า พวกนางคงไม่ต้องถูกพิษนี้ เดิมทีพวกนางเป็นคนของเรือนฮูหยินผู้เฒ่า อยู่ที่จวนสิงก็นับว่าเป็นบ่าวรับใช้ชั้นสูง บัดนี้ติดตามเจ้านายที่เป็นดาวเคราะห์ร้ายอย่างข้า แม้กระทั่งพวกนางยังเคราะห์ร้ายไปด้วยแล้ว”
“ทางพวกนางไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ตอนนี้คนที่มีก็คือเจ้า” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “ข้าเคยบอกแล้ว ขอเพียงเจ้าเอ่ยปาก ข้าช่วยเจ้าได้”
“ใต้เท้าช่วยข้ามามากแล้ว” สิงเจียซือเอ่ย “ใต้เท้า นี่เป็นเรื่องที่บ้านข้า ท่านก็เห็นว่ามันเละเทะวุ่นวาย ให้ข้าจัดการเองเถอะ! เพียงแต่เด็กสองคนนั้นต้องรบกวนใต้เท้าช่วยเป็นธุระให้แล้ว ข้ายังมีร้านค้าหลายแห่งในเมืองหลวง ท่านก็รู้จัก รอเด็กสองคนนั้นหายดีแล้ว พาพวกนางไปที่ร้านข้า ช่วยข้าดูแลกิจการเถอะ!”
“เจ้าไม่คิดจะออกจากจวนสิงแล้วหรือ?”
“พลาดโอกาสที่ดีที่สุดไปแล้ว ข้าต้องหาโอกาสอื่น” สิงเจียซือเอ่ย “นอกจากนี้ ข้ายังอยากรู้ว่าจวนสิงคิดจะขายข้าราคาเท่าใดจึงจะพอใจด้วย”
“เอาเถอะ หากเจ้าต้องการความช่วยเหลือก็ส่งคนมาบอกข้า” ลู่ฉาวอวี่กล่าว “ในเมื่อเจ้าสบายดี เช่นนั้นข้าขอตัวแล้ว”
สิงเจียซือเฝ้ามองเงาร่างของลู่ฉาวอวี่หายไปจากสายตา
นางรู้ว่าเขางานรัดตัวเพียงใด เขาปลีกตัวจากตารางงานอันวุ่นวายมาพบกับนางได้ นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งแล้ว
“คุณหนู คนจวนหัวมาแล้วเจ้าค่ะ” เสียงแม่นมเฉียนดังขึ้นจากข้างนอก “ฮูหยินผู้เฒ่าเชิญท่านไปเจ้าค่ะ”