สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 994 ของขวัญตกลงมาจากฟ้าแล้ว จะรับหรือไม่?
- Home
- สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派]
- บทที่ 994 ของขวัญตกลงมาจากฟ้าแล้ว จะรับหรือไม่?
บทที่ 994 ของขวัญตกลงมาจากฟ้าแล้ว จะรับหรือไม่?
บทที่ 994 ของขวัญตกลงมาจากฟ้าแล้ว จะรับหรือไม่?
“สิ่งที่พวกเราทำล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อยทั่วไป แสดงความรักที่ใดกัน? ท่านอยู่เพียงลำพัง ดังนั้นเห็นสุนัขสองตัวอยู่ข้างถนนก็คงคิดว่าพวกมันแสดงความรักต่อกันกระมัง” มู่ซืออวี่ตอกกลับ
ฉีเซียวหัวเราะเหอะ ๆ ออกมา “ท่านพูดอะไรล้วนถูกทั้งสิ้น ข้าไม่เถียงกับท่านแล้ว เพียงแต่วันนี้เรามาที่นี่เพราะใต้เท้าลู่น้อย ฉาวอวี่ เล่ามาเถอะ เจ้าต้องการแต่งงานกับแม่นางสกุลสิงจริง ๆ หรือ?”
ลู่ฉาวอวี่เห็นว่าหัวข้อสนทนาวกกลับมาที่ตนแล้วจึงพยักหน้าตอบหนึ่งคำ “ขอรับ”
“นี่เป็นการตัดสินใจชั่ววูบกระมัง?” ฉีเซียวกล่าว “หากตัดสินใจมาล่วงหน้าแล้ว แม้กระทั่งท่านพ่อท่านแม่ไยเจ้ายังไม่แจ้ง พาแม่สื่อกับสินสอดทองหมั้นไปสู่ขอที่บ้านฝ่ายหญิงด้วยตนเอง เจ้าได้ยินว่าสกุลหัวจะไปสู่ขอ ดังนั้นจึงจงใจไปชิงคนใช่หรือไม่?”
ข้างนอกมีเรื่องราวเช่นนี้หลากหลายฉบับ อีกทั้งฉบับนี้ฟังไปแล้วก็ค่อนข้างคล้ายความเป็นจริง ดังนั้นไม่ใช่ก็ใกล้เคียง
“จะกล่าวเช่นนั้นก็ได้กระมัง!”
“เจ้าอยากแต่งงานจริง ๆ หรือ?” ลู่อี้ถาม
“ขอรับ”
“เจ้ารู้กฎสกุลลู่กระมัง? เมื่อเจ้าแต่งงานกับนาง เช่นนั้นก็ไม่อาจรับอนุภรรยา นอกเสียจากจะเกิดอะไรขึ้นกับนาง มิเช่นนั้นจะมีนางเป็นภรรยาได้เพียงผู้เดียว” ลู่อี้ถาม
“ข้ารู้”
“ในสกุลลู่เรา ไม่มีการหย่าร้าง ไม่มีการหย่าอย่างปรองดอง มีเพียงการเป็นม่าย เจ้าแน่ใจหรือ?” ลู่อี้ถามอีกครั้ง
เมื่อเอ่ยถึงการหย่าอย่างปรองดองกัน ลู่อี้เหลือบมองมู่ซืออวี่แวบหนึ่ง ตอนนั้นมู่ซืออวี่เพียงต้องการหย่าอย่างปรองดองกับเขา พยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้หย่าอย่างปรองดอง ด้วยเหตุนี้เองลู่อี้จึงเขียนสิ่งนี้ลงในกฎของสกุล
มู่ซืออวี่พลันรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย
พูดกับลูกชายก็พูดกับลูกชายสิ เหตุใดต้องมองนางด้วย? ตอนนี้นางไม่ใช่แม่นางน้อยอายุสิบแปดแล้ว นางจะยังอยากหย่าอย่างปรองดองกับเขาหรือ?
“ข้ารู้”
ลู่ฉาวอวี่คิดเรื่องนี้แล้ว
หลายปีมานี้เขาถูกสตรีมากมายมาตามตื๊อ เพื่อให้สตรีเหล่านั้นยอมแพ้ แต่ไรมาเขาล้วนพูดจาและปฏิบัติด้วยอย่างไม่ไว้หน้าผู้ใด
ไม่นานมานี้หยางเซียงจวินยังพยายามหาโอกาสพบเขาโดยบังเอิญ ทั้งยังเขียนกลอนรักมากมายให้ ขณะที่เขาพยายามกำจัดนางให้พ้นทางอย่างเบื่อหน่าย ในห้วงความคิดของลู่ฉาวอวี่กลับปรากฏเงาร่างของสิงเจียซือขึ้นมา
ตอนนั้นเองเขาจึงได้เข้าใจ หากต้องแต่งงานกับแม่นางผู้หนึ่งจริง ๆ ดูเหมือนห้าสิงจะไม่เลวทีเดียว อย่างไรเสียยามอยู่กับนางเขาก็รู้สึกผ่อนคลายสบายใจ ทั้งยังสามารถพูดคุยหารือกันในเรื่องต่าง ๆ ได้มากกว่าที่คิด
ด้วยเหตุนี้ลู่ฉาวอวี่จึงคิดว่าเหตุการณ์นี้บางทีอาจเป็นโอกาส
เขาช่วยให้นางรอดพ้นจากการกักขังของสกุลสิง ทั้งยังอยากรู้ว่าตนสร้างครอบครัวกับสตรีผู้หนึ่งได้หรือไม่ อย่างไรเสียก่อนหน้านี้ ชายหนุ่มก็ไม่เคยขบคิดถึงปัญหาดังกล่าวมาก่อน
หากท้ายที่สุดแล้วนางยังต้องการจากไป เขาจะไม่บังคับ เพราะเขาเข้าใจความรู้สึกของนกที่อยากจะโบยบินไปท่ามกลางฟ้าดิน ดังนั้นย่อมไม่หักปีกของนกตัวนี้ มีแต่ยื่นมือช่วยเหลือเจ้านกน้อยเท่านั้น
“ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว พวกเราย่อมไม่ขัดขวาง” มู่ซืออวี่เอ่ย “วันนี้เจ้าบุ่มบ่ามไป ไร้มารยาทเป็นอย่างยิ่ง พรุ่งนี้ข้าจะพาคนไปจวนสิง หารือเรื่องการแต่งงานกับพวกเขาสักเที่ยว”
หลี่กู่หยวนกล่าว “อาจารย์ ลูกชิ้นปลานี้อร่อยยิ่งนัก ไม่มีกลิ่นคาวแม้แต่น้อย”
“เจ๋อหลาน เจ้าห่อลูกชิ้นปลาที่ยังไม่นำไปปรุงอาหารสักหน่อย อีกประเดี๋ยวให้กู่หยวนนำกลับไปให้เด็ก ๆ ทาน” มู่ซืออวี่กล่าว “ลูกชิ้นปลานี้มีส่วนผสมที่เพิ่มเข้าไปไม่น้อย ปลาก็เป็นปลาดอกท้อที่อร่อยที่สุด เจ้าเอากลับไปให้เด็ก ๆ ชิม หากชอบทาน ภายหน้ามาเอาไปได้ทุกเมื่อ”
“ขอบคุณอาจารย์ ข้ารู้ว่าอาจารย์ดีที่สุดแล้ว” หลี่กู่หยวนกล่าว
“ท่านใจดีกับลูกศิษย์ทีเดียว แต่ตรงนี้ยังมีอีกสองคน ท่านอย่าได้เลือกที่รักมักที่ชัง!” ฉีเซียวดื่มสุราลงไป
“ท่านดื่มให้น้อยหน่อย” มู่ซืออวี่เอ่ย “สุราของข้าทนการดื่มของท่านไม่ได้แล้ว ทุกครั้งที่มาท่านเป็นต้องดื่มสองไห คิดว่าข้าหมักสุราได้ง่าย ๆ หรือไร?”
แน่นอนว่ามู่ซืออวี่ไม่ได้ห่วงสุรา เพียงแต่ไม่อยากให้ฉีเซียวดื่มมากเกินไปจนทำร้ายร่างกาย นับตั้งแต่ที่เขาได้รับบาดเจ็บขณะช่วยเหลือลู่อี้ก็ไม่อาจใช้กำลังภายในได้ ร่างกายของเขาไม่ได้แข็งแรงดังเดิมอีกต่อไป ไม่นานมานี้ยังได้ยินเขาไอ นั่นทำให้นางนึกกังวลยิ่งกว่าเดิม กลัวว่าสักวันชายหนุ่มรูปงามผู้นี้จะตายตั้งแต่ยังเยาว์ เช่นนั้นนางกับลู่อี้คงไม่สบายใจไปทั้งชีวิต
“ตอนนี้เจ้านับวันยิ่งร่ำรวยขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว แต่ก็ตระหนี่ขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน” ฉีเซียวพึมพำ “มิน่าเล่าไม่กี่วันก่อนท่านอ๋องลู่เชิญข้าไปทานข้าว ผลที่ได้กลับไม่มีเงินจ่าย”
มู่ซืออวี่เหลือบมองลู่อี้
ลู่อี้กระแอมเบา ๆ “เจ้าอย่าไปฟังเขาพูดจาเหลวไหล เห็นได้ชัดว่าเขาเอาถุงเงินข้าไปตกรางวัลให้หญิงขับร้อง ข้าถึงได้ไม่…”
มู่ซืออวี่ยิ้มน้อย ๆ “หญิงขับร้องหรือ? นางร้องเพราะหรือไม่เล่า?”
ลู่อี้ “…”
เขาหันกลับไปมองฉีเซียว เป็นดังคาด ฝ่ายหลังกำลังมองมาอย่างยินดีกับความโชคร้ายของเขา
“ข้าไม่ได้ตั้งใจฟัง ทว่าใต้เท้าฉีบอกว่าสตรีนางนั้นหน้าตาไม่เลว น่าเสียดายที่ต้องติดตามขับร้องกับปู่ของนาง” ลู่อี้เอ่ย “ตอนนั้นข้ากำลังยุ่งกับบางอย่างพอดี หากข้าไม่ยุ่ง คงรั้งสตรีนางนั้นไว้ให้อยู่กับใต้เท้าฉีแล้ว ถึงแม้ว่าสถานะของอีกฝ่ายจะต่ำต้อยไปเล็กน้อย ทว่าใต้เท้าฉีไม่ต้องการแต่งงาน รั้งอยู่เป็นสหายรู้ใจก็ดีเช่นกัน”
มู่ซืออวี่ลูบคาง ครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ของเรื่องนี้
ฉีเซียวชอบคนร้องเพลงเพราะหรือ?
หากเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็นับว่ามีหนทางแล้ว
ขอเพียงฉีเซียวยินดีเปิดใจ ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าจะเลือกหญิงขับร้องที่ร้องเพลงเพราะสักคนจะเป็นเรื่องยาก
ฉีเซียวเห็นแววตาของมู่ซืออวี่ พลันคิดว่าท่าไม่ดีแล้ว
เขารินสุราหนึ่งจอกแล้วเอ่ยกับนาง “ข้าไม่ได้สนใจสตรี ท่านอย่าเพิ่งมายุ่งกับข้า ตอนนี้ลูกชายของท่านจะแต่งงานแล้ว ท่านกังวลเรื่องของเขาจะดีกว่า ไม่ต้องกังวลเรื่องข้าหรอก”
“ท่านไม่สนใจสตรีหรือ?” มู่ซืออวี่มองฉีเซียว “หลายปีมานี้ข้าพยายามจัดแจงให้ท่าน ท่านกลับไม่แม้แต่ชายตามอง หรือว่าข้าพยายามไปผิดทิศผิดทาง?”
ฉีเซียว “…”
ยิ่งพูดยิ่งไปกันใหญ่ ยิ่งพูดยิ่งไปกันใหญ่!
“ข้าไม่ได้สนใจบุรุษเช่นกัน” ฉีเซียวเหลือบมองนาง “นอกจากนั้น ท่านดูร่างกายข้ายามนี้เถอะ เหตุใดต้องอยากทำร้ายผู้อื่นด้วย?”
มู่ซืออวี่ไม่ชอบให้ฉีเซียวพูดจาเช่นนี้นัก
ทันทีที่ฉีเซียวเอ่ยคำเหล่านี้ออกมาก็รู้ทันทีว่าตนพูดผิดแล้ว มู่ซืออวี่ทำท่าจะเริ่มสั่งสอนบทเรียนให้เขาอีกครั้ง
เขาเปลี่ยนหัวข้อกลับไปที่เดิม “ใต้เท้าลู่น้อย ท่านแม่เจ้าคิดจะจัดการงานมงคลเพียงนี้ ท่านก็ให้นางจัดการเถอะ ท่านเป็นคุณชายใหญ่จวนท่านอ๋องลู่ งานแต่งครั้งนี้จะต้องอลังการอย่างแน่นอน”
ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “ครึกครื้นนั้นต้องครึกครื้น เพียงแต่ไม่จำเป็นต้องหรูหราฟุ่มเฟือยจนเกินไป”
สกุลลู่ไม่ได้ครึกครื้นเพียงนี้มาหลายปีแล้ว อีกทั้งสถานะของลู่ฉาวอวี่ก็ไม่เหมือนเดิม งานแต่งครั้งนี้จึงต้องยิ่งใหญ่อลังการ
วันถัดมา ฝ่าบาททรงถามถึงเรื่องนี้ระหว่างประชุมเช้า
หลังจากนั้นไม่นาน ของพระราชทานต่าง ๆ ก็ถูกส่งออกมาจากวัง
งานแต่งครั้งนี้ยังไม่ได้ตระเตรียม กลับได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว แสดงให้เห็นว่าจวนสิงทางนั้นมีความกดดันมากเพียงใด
ทางฝ่ายสกุลสิงนับตั้งแต่ที่ลู่ฉาวอวี่มาปรากฏตัวสู่ขอแต่งงานก็ไม่เคยสงบสุขอีกเลย ตอนที่ทุกคนได้รับแจ้งให้เข้าร่วมงานเลี้ยงกับครอบครัวในคืนนั้น นับเป็นครั้งแรกที่ไม่มีคนมาสาย ทั้งยังไม่มีผู้ใดขาดไปแม้แต่คนเดียว ทุกคนล้วนอยู่กันพร้อมหน้า