สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 997 นางอยากเดิมพันสักครั้ง
บทที่ 997 นางอยากเดิมพันสักครั้ง
บทที่ 997 นางอยากเดิมพันสักครั้ง
สิงเจียเวยกำมือแน่น
เหตุใดนางจึงเลือกได้เพียงระหว่างชายหยาบกระด้างกับผีอายุสั้นเท่านั้น?
นางไม่ต้องการแต่งงานกับบ่าวรับใช้ อีกทั้งยังไม่อยากแต่งกับผีอายุสั้นผู้นั้น ถึงแม้นางจะเข้าประตูสกุลลู่ไม่ได้ แต่ก็ต้องเลือกผู้ที่ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันมากนัก
“ข้าอยากอยู่เงียบ ๆ สักพัก” สิงเจียเวยเอ่ย “ท่านกลับไปเถอะ ไม่ต้องยุ่งกับข้าแล้ว”
“ลูกรัก แม่คิดว่าคนที่ฮูหยินฉีมาสู่ขอแทนก็ไม่เลว เจ้าลองคิดดูอีกหน่อยเถอะ”
“ตอนนี้ข้าไม่อยากได้ยินเรื่องพวกนี้”
“แม่รู้ว่าเจ้าไม่ชอบทหาร แต่เจ้าลองคิดดู ภายในระยะเวลาสั้น ๆ ที่มี พวกเราหาโล่กำบังที่เหมาะสมกว่านี้ไม่ได้แล้ว สกุลหัวมาสู่ขอเป็นที่รู้กันไปทั่ว พวกเราหาสกุลที่ดีกว่านี้ไม่ได้”
หากไม่ใช่เพราะร่างกายของคุณชายรองหัวมีปัญหา มีโชคชะตาเป็นผีอายุสั้น สกุลสิงเกี่ยวดองกับสกุลหัวได้นั้นดีมากโข หากเปลี่ยนเป็นแม่ใจร้ายคนอื่น คงใช้ลูกสาวแลกกับลาภยศสรรเสริญและความมั่งคั่งไปแล้ว ทว่าฮูหยินรองสิงทำไม่ได้ อย่างไรเสียนี่ก็เป็นลูกสาวแท้ ๆ จะให้มองนางเป็นม่ายไปเช่นนั้นได้อย่างไร?
ความวุ่นวายทางสกุลสิงไม่เกี่ยวข้องอะไรกับสกุลลู่ สกุลลู่กำลังจัดเตรียมงานแต่งอย่างแข็งขัน
หลายวันให้หลัง สกุลสิงก็กลายเป็นหัวข้อในการพูดคุยของเมืองหลวงอีกครั้ง คราวนี้ตัวเอกไม่ใช่คุณหนูห้าสิงอีกต่อไป หากแต่เป็นคุณหนูสี่สิงผู้ที่งานแต่งใกล้เข้ามาแล้ว
“ได้ยินแล้วกระมัง? ในงานเลี้ยงของหยางเซียงจวิน คุณหนูสิงเสื้อผ้าเปียกน้ำ ขณะที่นางกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ที่ห้องปีกข้าง ก็ไปเจอกับใต้เท้าฉีที่ดื่มจนเมามายเข้า หญิงสาวพรหมจรรย์ผู้หนึ่งถูกเขาเห็นเรือนร่าง ไม่แต่งก็ต้องแต่งแล้ว”
“ใต้เท้าฉี? ใต้เท้าฉีเซียว? คุณหนูสี่สิงกับใต้เท้าฉีเซียวหรือ?” คนข้าง ๆ ต่างตกตะลึง
“คิดอะไรน่ะ? จะเป็นใต้เท้าฉีเซียวไปได้อย่างไร?”
“เจ้าไม่ได้บอกว่าใต้เท้าฉีหรือ?”
“เมืองหลวงใช่ว่ามีใต้เท้าฉีเพียงผู้เดียว ที่ข้าบอกคือใต้เท้าฉีเจินลูกพี่ลูกน้องของใต้เท้าฉีเซียว”
“ใต้เท้าฉีเจินรึ? เขามีฮูหยินแล้วไม่ใช่หรือ?”
“ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นได้เพียงอนุภรรยาแล้ว”
“อีกเพียงสิบวันก็จะแต่งแล้ว บัดนี้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น สกุลหัวจะยอมถูกเอารัดเอาเปรียบได้อย่างไร? คอยดูเถิด จะต้องมีละครตลกอีกเรื่องให้ชมเป็นแน่!”
ชาวบ้านต่างคาดเดาภาคต่อของเรื่องนี้ไปต่าง ๆ นานา เทียบกับนิทานแล้วยังตื่นเต้นยิ่งกว่า ไม่ผิดจากการคาดเดา บ่ายนั้นเองสกุลหัวก็มาถอนหมั้น ขอหนังสือหมั้นหมายของสกุลหัวกลับคืน
ยามที่มาทาบทามสู่ขอ ฮูหยินรองหัวมาด้วยตนเอง ทว่ายามถอนหมั้น ฮูหยินรองหัวกลับไม่ได้ปรากฏตัว หากแต่เป็นแม่นมของนางมาพร้อมกับแม่สื่อ พูดจาไม่น่าฟังเท่าใดนัก ทว่าสกุลสิงเป็นฝ่ายผิด ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นบ่าวรับใช้สกุลหัวก็ไม่กล้าโต้เถียงแม้เพียงสักคำ
ฮูหยินผู้เฒ่าสิงโมโหเสียจนก่นด่าฮูหยินรองสิง ฮูหยินผู้เฒ่าผู้ที่สง่างามสูงศักดิ์มาเกือบทั้งชีวิต บัดนี้กลับแสดงท่าทีประหนึ่งแม่เฒ่าปากร้าย ทำให้ฮูหยินรองสิงกลัวจนตัวสั่น
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงค่อย ๆ สงบลงแล้วจึงเอ่ยถามฮูหยินรองสิง
ฮูหยินรองสิงนึกถึงเรื่องที่หมู่นี้สิงเจียเวยไม่ค่อยปกตินัก กลับไม่กล้าบอกว่าเรื่องนี้อาจเป็นอุบายของสิงเจียเวย ทำได้เพียงยืนกรานว่านางก็เป็นเหยื่อเช่นกัน จะต้องเป็นอุบัติเหตุเป็นแน่ จึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา
“ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุจริงหรืออุบัติเหตุลวง ยามนี้ทำได้เพียงยืนกรานว่าเป็นอุบัติเหตุแล้ว เราล่วงเกินสกุลหัวไปแล้ว เจ้าสี่ทำได้เพียงแต่งเข้าสกุลฉีไปเป็นอนุภรรยาแล้ว”
ฮูหยินรองสิงกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง ฉีเจินนั้นมีอำนาจจริง ๆ ทว่าอายุของเขานั้นเกือบจะเป็นพ่อของสิงเจียเวยได้แล้ว นังหนูคนนั้นคิดจะใช้อุบายกับผู้ใดไม่ใช้ เหตุใดต้องใช้อุบายกับบุรุษอายุมากเช่นนี้ด้วย?
“สกุลฉีก็ไม่เลวนะเจ้าคะ หากนังหนูสี่แต่งไปก็สามารถช่วยสกุลได้เช่นกัน”
“เฮอะ ช่วยหรือ? นางไม่สร้างปัญหาให้ครอบครัวก็ดีถมไปแล้ว”
สิ้นคำ ฮูหยินผู้เฒ่าสิงก็หมุนกายจากไป
“ฮูหยินรอง ได้ยินว่าคุณหนูร้องไห้อยู่ในห้องนานโขแล้วเจ้าค่ะ”
“นางยังมีหน้าร้องไห้อีกหรือ?” ฮูหยินรองสิงเอ่ย “ไป พวกเราไปถามนาง สมองของนางที่แท้คิดอะไรกันแน่”
สิงเจียเวยรู้สึกคับแค้นใจแล้วจริง ๆ ดังนั้นครานี้นางจึงร้องไห้ได้น่าอดสูกว่าที่ผ่านมา
นางไม่ยินดีแต่งเข้าสกุลหัว ไม่ยินดีแต่งให้ข้ารับใช้ผู้นั้น ดังนั้นนางจึงพุ่งเป้าไปที่บุตรชายภรรยาเอกของฉีเจิน คิดว่าหากนางแต่งเข้าสกุลฉี อย่างไรก็ยังดีกว่าอีกสองตัวเลือกที่เหลือ ยิ่งไปกว่านั้น นางพบคุณชายภรรยาเอกสกุลฉีผู้นั้นแล้ว เขาดูห่วงเที่ยวเล็กน้อย ทว่าดูไปแล้วเบิกบานร่าเริงทีเดียว เป็นเป้าหมายที่น่าจะควบคุมได้ง่าย ๆ
นึกไม่ถึงว่า ลูกชายไม่ปรากฏตัว พ่อกลับปรากฏตัวแทน งานเลี้ยงนี้เห็นได้ชัดว่าหยางเซียงจวินจัดขึ้นมา ผู้ที่เชิญมาล้วนเป็นคุณชายคุณหนูจากจวนต่าง ๆ ผู้ใดจะคาดคิดว่าใต้เท้าฉีเจินจะอยู่ที่นั่นพอดีเล่า
“ร้อง ๆๆ เจ้าก็ดีแต่ร้องไห้” ฮูหยินรองสิงก้าวเข้ามา “คราวนี้ไยไม่ขว้างปาข้าวของเล่า? เจ้ารู้ว่าตนผิด ไม่กล้าปาแล้วหรือไร?”
“ท่านแม่…” สิงเจียเวยเอ่ย “ข้าใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของท่านหรือไม่? ตอนนี้ข้าตกอยู่ในสภาพนี้แล้ว ท่านไม่เพียงไม่ปลอบข้า ยังจะซ้ำเติมข้าอีก”
“เจ้าตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้ใดเป็นคนทำ? ข้าหรือ?” ฮูหยินรองสิงเอ่ย “ข้าอยากถามเจ้า เจ้าไปชอบพอใต้เท้าฉีได้อย่างไร? เขาเป็นพ่อของเจ้าได้แล้ว”
“ไม่ใช่นะเจ้าคะ นั่นเป็นอุบัติเหตุ”
สิงเจียเวยเล่าแผนการที่ตนคิดไว้ออกมา
“ข้าสอบถามมาล่วงหน้าแล้ว ทั้งยังซื้อตัวบ่าวรับใช้จวนหยาง ให้เขานำคุณชายฉีไปที่นั่น ผู้ใดจะคาดคิดว่าผู้ที่มาไม่ใช่คุณชายฉีหากแต่เป็นพ่อของคุณชายฉี? ท่านแม่ ข้าไม่อยากแต่ง”
ฮูหยินรองสิงจู่ ๆ พลันรู้สึกเหนื่อยล้าขึ้นมาทันที
ในยามนั้นเอง นางรู้สึกราวกับตนแก่ลงไปสิบปี
ช่วงเวลาที่ผ่านมาสิ่งใดนางล้วนไม่ได้ทำ ได้แต่คอยตามเช็ดตามล้างให้ลูกสาว ทว่าสิงเจียเวยมีความคิดเป็นของตนเอง ไม่ฟังนางแม้แต่น้อย บัดนี้เกิดปัญหาใหญ่ขึ้น ถึงได้หันมาหาแม่ผู้นี้ให้ช่วยจัดการทุกอย่างให้
“เวยเอ๋อร์ นี่เป็นโชคชะตา เจ้ายอมรับเสียเถอะ!” ฮูหยินรองสิงกล่าว “แต่งเข้าสกุลฉี ถึงแม้จะเป็นเพียงอนุภรรยา อย่างไรก็ไม่ต้องเป็นม่าย สถานะของใต้เท้าฉีเองก็สูงกว่ารองแม่ทัพผู้นั้น”
“นั่นเป็นอนุภรรยานะเจ้าคะ!”
“เช่นนั้นเจ้าบอกข้า สถานการณ์ในตอนนี้พวกเรายังมีทางเลือกอื่นอีกหรือ? หากเจ้ามีวิธีอื่น ข้าจะให้เจ้าทำ เจ้าอยากทำอย่างไรล้วนได้ทั้งสิ้น” ฮูหยินรองสิงกล่าว “เอาละ เตรียมตัวเถอะ!”
หากแต่งให้รองแม่ทัพผู้นั้น อย่างไรก็เป็นภรรยาเอก มีสามหนังสือหกพิธีได้เป็นภรรยาออกหน้าออกตา เป็นสตรีมีเกียรติ บัดนี้กลายเป็นอนุภรรยาแล้ว มีเพียงเกี้ยวหนึ่งหลังก็หามนางไปได้ เดิมทีไม่ต้องเตรียมพิธีแต่งงานเสียด้วยซ้ำ
หลังจากสกุลหัวถอนหมั้น ทางสกุลฉีก็มีข่าวมา
ฉีเจินมาส่งสินสอดทองหมั้นด้วยตนเอง นับว่าให้เกียรติสกุลสิงแล้ว อย่างไรเสียอนุภรรยาก็คืออนุภรรยา ถึงแม้จะไว้หน้าสกุลสิง ก็ไม่ได้จัดพิธีใด ๆ ยังคงมีเพียงเกี้ยวหนึ่งหลังหามสิงเจียเวยไปเท่านั้น
คราวนี้สิงเจียเวยไม่มีโอกาสได้อาละวาดแม้แต่น้อย
ฮูหยินรองสิงยืนอยู่ที่ประตู มองส่งสิงเจียเวยขึ้นเกี้ยวไป
นางกำลังโกรธ ทว่าเมื่อเห็นลูกสาวที่ตนเอาอกเอาใจมามีจุดจบเช่นนี้ก็รู้สึกดั่งถูกมีดกรีดลงที่ใจ
ในวันสำคัญนี้เอง ในที่สุดนายท่านรองสิงก็มาปรากฏตัวแล้ว
เขาเมามากเสียจนลมหายใจคลุ้งไปด้วยกลิ่นสุรา
“ใต้เท้าฉี นังหนูผู้นี้เอาแต่ใจเล็กน้อย ขอท่านได้โปรดอดทนต่อนางด้วย” ท้ายที่สุดนายท่านรองสิงก็กล่าวสิ่งที่บิดาควรกล่าวออกมา
ฉีเจินยิ้มน้อย ๆ “นายท่านรองวางใจ ฮูหยินบ้านข้ามีคุณธรรมทั้งยังใจกว้าง อ่อนโยนรู้จักให้อภัย จะต้องดูแลนางเป็นอย่างดีแน่นอน”
ฮูหยินรองสิงรู้สึกไม่สบายใจยิ่งกว่าเดิม
—————————————————-