Transmigration with QQ Farm สาวน้อยปลูกผัก - ตอนที่ 652
TQF:บทที่ 652 อัดคนอีกครั้ง (2)
เขาเมินต่อรอยยิ้มเอาใจที่ทุกคนส่งมาให้ สายตาที่มองมาทางนี้สบเข้ากับแววตาเย็นชาของเฉิงเสี่ยวเสี่ยว
จู่ๆเขาก็หัวเราะออกมาเสียงดังอย่างไม่เกรงใจ ใบหน้ามีแต่ความหล่อเหลาพูดกับนาง “ฮ่าๆๆ คุณหนูผู้เป็นญาติตระกูลฟาง แม่นางเฉิงเสี่ยวเสี่ยวมาอยู่ที่นี่ ทุกคนกลับเสียมารยาทกันขนาดนี้ น่าลงโทษซะจริง”
“เฮ้ เจ้าเป็นใครน่ะ”
หยูเฮงน้อยพุ่งออกมายืนอย่างด้านหน้าเฉิงเสี่ยวเสี่ยวอย่างไม่ยอม เอียงคอมองอีกฝ่ายด้วยความผยอง
ฝูงชนไกลๆที่ได้ยินหยูเฮงน้อยแทบจะล้มลงกับพื้น มีคนกล้าพูดจาแบบนี้กับแม่ทัพอ๋องผู้ไร้ความปรานีด้วยเหรอ พูดแบบนี้กับพระโอรสหวงฝู่หยีมู่ไม่รู้สินะว่าความตายเป็นอย่างไร
หวงฝู่หยีมู่อายุเพียง 26 ปีเท่านั้น อายุเพียงเท่านี้ก็มียศถาบรรดาศักดิ์ ได้คุ้มครองชายแดน และสร้างวีรกรรมน่าเหลือเชื่ออีกหลายอย่าง 1 ใน 3 ของอำนาจทหารแห่งอาณาจักรอยู่ในมือแม่ทัพอ๋องคนนี้ เขาคือคนที่ไม่ควรมีเรื่องด้วยมากที่สุดในอาณาจักรหวงฝู่
เมื่อนึกถึงความโหดเหี้ยมของพระโอรสท่านนี้ ฝูงชนก็อดเป็นห่วงเจ้าหนูน้อยคนนี้ไม่ได้ ทำให้แม่ทัพอ๋องโกรธไม่ใช่เรื่องดีแน่
“หืม เจ้าก็คือน้องสาวของแม่นางเฉิง ชื่อว่าหยูเฮงน้อยใช่มัย” หวงฝู่หยีมู่ไม่ได้โกรธกับความไร้มารยาทของหยูเฮงน้อย กลับมีสีหน้าสนอกสนใจและคุยเล่นกับนาง
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่อ่อนโยนถึงเพียงนี้ของแม่ทัพอ๋องผู้เย็นชา ทุกคนต่างตกใจจนคางแทบหลุด
“ถูกต้อง ข้านี่แหละมีนามว่าหยูเฮงน้อย”
“ดี ยัยหนูกล้าดีนี่ ข้าชอบ จำไว้นะ ข้าชื่อหวงฝู่ยหยีมู่ ฮ่าๆๆ”
หวงฝู่หยีมู่ชื่นชอบเด็กสาวคนนี้มากขึ้น เพราะนางเป็นเด็กสาวที่ทั้งน่ารักและกล้าหาญ ไม่เหมือนเด็กสาวคนอื่นๆ เมื่อเห็นแม่ทัพอ๋องอย่างเขาก็กลัวจนตัวสั่น ไม่กล้าพูดกล้าจา กลัวซะเหมือนว่าจะสลบไปได้ตลอดเวลา
เมื่อได้ฟังหยูเฮงน้อยก็ย่นจมูกอันน่ารักของนาง “ไม่ต้องหรอก ข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้าชอบ อย่างมากก็ให้ข้าพิจารณาดูก่อนว่าจะชอบเจ้าดีมั้ย”
“ฮ่าๆๆๆๆ” การตอบกลับอย่างไม่เกรงกลัวของหยูเฮงน้อยทำให้หวงฝู่หยีมู่หัวเราะชอบใจ
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่จับตาดูเขาอยู่ตลอดรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าแม่ทัพอ๋องวัยหนุ่มผู้แข็งกร้าวคนนี้จะมีจิตใจที่บริสุทธิ์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเขาถึงสามารถควบคุมกองทัพที่มีทหารสุดแกร่งนับล้านคน
“ท่านพี่อารมณ์ดีนี่…”
ชายหนุ่มชุดขาวคนหนึ่งยืนนิ่งเงียบอยู่ตรงหัวมุมด้านหน้า ร่างเขาสูงโปรงและหนักแน่นราวกับหยั่งรากไปในพื้นดิน ไม่ขยับเขยื้อนใดๆ ราวกับยืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่แรก ไม่มีใครรู้ว่าเขามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่
น่าตกใจเสียจริง
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเองก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้างเหมือนกัน แม้ว่าอีกฝ่ายยังห่างไกลจากตัวเองอยู่ แต่คิดไม่ถึงเลยว่ายังมีคนที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ยืนอยู่ที่นี่ด้วย และตัวเองก็ไม่รู้สึกถึงเขาเลยสักนิด ต้องยอมรับว่าผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา วิทยายุทธน่าจะอยู่ระดับปรากฏเทพเทวาเช่นกัน
เมื่อเขาพูดจบ เขาก็ขยับตัวก้าวมาหาพวกนาง ชายหนุ่มรูปงามคนนี้สง่างามและอ่อนโยน ใบหน้านุ่มนวลมีความสง่าเพิ่มความเรียบร้อยให้กับหน้าเขา
ชุดขาวหรูหราราวกับแสงดวงจันทร์ ชายผ้าสะบัดตามสายลม ผมสีดำรวบขึ้นและสวมมงกุฎ ดูมากด้วยเสน่ห์แต่ยังคงเลิศเลออยู่
ชุดขาวแสงจันทร์บนตัวอีกฝ่ายทำให้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวนึกถึงอีกคนนึง เจ้าคนที่ชอบใส่ชุดสีขาวเหมือนกับตัวเอง
ในใจหวนนึกไปถึงคนที่คะนึงหา แต่หารู้ไม่ว่าในสายตาของคนอื่น นางมองคนที่เดินมาอย่างเหม่อลอย สถานการณ์แบบนี้ทำให้คนรู้สึกแปลก ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเป็นแบบนี้
พระธิดา 2 ท่านที่ห่างจากนางไม่ไกลและแม่ทัพอ๋องต่างมีสีหน้าครุ่นคิด ไม่นานนักทุกคนก็อาการที่ไม่ควรแสดงออกมา
ความคึกครื้นสงบลงในทันทีราวกับว่าเวลาได้หยุดในชั่วขณะนี้
หยูเฮงน้อยสัมผัสความคิดถึงของนางได้ นางมองไปที่ชายหนุ่มชุดขาวที่มากด้วยเสน่ห์อีกรอบก็คล้ายคลึงกันท่านเขยอยู่บ้าง มิน่าล่ะคุณหนูถึงตกอยู่ในภวังค์
“เฮ้ แล้วเจ้าล่ะเป็นใคร…”
หยูเฮงน้อยจงใจพูดเสียงดัง เฉิงเสี่ยวเสี่ยวหลุบตาลงต่ำทันที แอบถอนหายใจเศร้าๆ นางเสียอาการต่อหน้าทุกคนซะแล้ว
“ข้าชื่อหวงฝู่เส้าจวิน คารวะคุณหนูหยูเฮง” หวงฝู่เส้าจวินก็ไม่ได้คิดมากกับความไร้มารยาทของหยูเฮงน้อยเช่นกัน กลับประสานมือด้วยนอบน้อมกับนาง
“อ๋อ ข้ารู้แล้ว เจ้าคือคนที่ส่งบัตรเชิญให้เรานั่นเอง”
หยูเฮงน้อยจำได้ว่าคนที่แจกบัตรเชิญลงนามไว้ว่าหวงฝู่เส้าจวิน ก็คือเจ้าคนที่ตรงหน้านี่แหละ
“ข้าเอง”
หวงฝู่เส้าจวินอมยิ้มพยักหน้า เขาหันไปที่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวและประสานมือ “เป็นเกียรติของหวงฝู่เส้าจวินที่ได้พบกับแม่นางเฉิง ยินดีที่ได้พบๆ”
“พระโอรสเกรงใจเกินไป” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวย่อตัวลงเล็กน้อยเป็นการคารวะคืน อย่างไรซะเขาก็เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงน้ำชานี้ ควรจะคารวะคืน
หลังจากนั้นสมาชิกคนอื่นๆในราชวงศ์ก็ปรากฏตัวตามๆกันออกมา แม้ว่าจะเป็นคนของราชวงค์ทั้งหมด แต่ก็อย่างที่โบราณกล่าวไว้ว่ามังกรมีลูกชาย 9 คน และลูกชายทั้ง 9 ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นมังกรทั้งหมด ต่างคนต่างมีสิ่งที่ถนัด
แม้ว่าสมาชิกของราชวงศ์จะมีไม่น้อย แต่คนที่เข้าตาเฉิงเสี่ยวเสี่ยวมีเพียง 4 คนเท่านั้น พระโอรส 2 ท่าน หวงฝู่หยีมู่และหวงฝู่เส้าจวิน อีก 2 ท่านก็คือพระธิดาฉียวี่และพระธิดาซีหลาน เรียกได้ว่าทั้ง 4 คนนี้เป็นคนที่ฉลาดอยู่บ้าง
หรือเรียกได้ว่าตำหนักองค์ชายที่ทั้ง 4 ท่านนี้เป็นตัวแทน ตำหนักองค์ชายคนโตของพระธิดาซีหลาน ตำหนักองค์ชาย 3 ของหวงฝู่เส้าจวิน ตำหนักองค์ชาย 5 ของหวงฝู่หยีมู่ และตำหนักองค์ชาย 7 ของพระธิดาฉียวี่
4 คนนี้ดูแล้วไม่เลว ความคิดที่แท้จริงคงจะถูกปกปิดไว้อย่างมิดชิด เพราะเฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่รู้สึกถึงความปรวนแปรในความคิดของพวกเขา
ผู้คนกว่า 1 ร้อยคนรวมตัวกันในพื้นสีเขียวขจีข้างทะเลสาบนี้ ไม่นานนักคนรับใช้ของตำหนักองค์ชาย 3 ก็ได้ตั้งโต๊ะมากมาย กระดาษพู่กันและหมึกจำนวนมากได้ถูกตั้งเอาไว้ ขณะเดียวกันก็ได้ตั้งชาวิเศษและผลไม้หลากหลายชนิดไว้ที่อีกด้าน
——————————–