Transmigration with QQ Farm สาวน้อยปลูกผัก - บทที่ 744 อวสาน (13)
TQF:บทที่ 744 อวสาน (13)
บัดนี้ สีหน้าไม่พอใจและบทสนทนาที่ดูโจมตีทำให้ตาเฒ่าฮ่องเต้ไม่รู้จะรับคำอย่างไร
บอกตามตรงพวกเขาใส่ใจกับความคิดของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวที่สุด ถ้านางไม่พอใจตาเฒ่าฮ่องเต้คงจะอยู่ไม่เป็นสุข ถึงยังไงทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่ การแต่งงานนี้มีเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างไรแต่ละคนรู้ดี
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวกลับรู้ว่าทำไมหยูเฮงน้อยดูฉุนเฉียวอย่างนี้
นั่นก็เป็นเพราะว่าเจ้าตัวเล็กไม่ชอบโดนหลอกใช้ ต่อให้เป็นแค่การยืมอำนาจก็ทำให้นางไม่พอใจ
ที่สำคัญคือทุกคนตัดสินใจเสร็จแล้วถึงมาบอกเฉิงเสี่ยวเสี่ยว ไม่ว่าอย่างไรฟางซูหยุนก็ได้ชื่อว่าเป็นคนตระกูลเฉิง นางจะแต่งงานใหม่แต่คนตระกูลเฉิงกลับรู้เรื่องเป็นคนสุดท้าย
หยูเฮงน้อยจะรู้สึกดีได้ยังไง ถึงได้พูดจาดุดันขนาดนี้
เมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มกระอักกระอ่วนฟางเต๋อหยวนพอจะเดาเหตุผลออกได้ลางๆ เขามองเฉิงเสี่ยวเสี่ยวอย่างขอโทษและบอกกับหยูเฮงน้อย “จะพูดแบบนี้ก็ไม่ได้ เพียงแต่ชิงยางไม่ค่อยมีงานมงคลเท่าไหร่ ฝ่าบาทอยากให้ครื้นเครงกันหน่อยให้ชิงยางคึกครื้นขึ้นมาก็เท่านั้น หยูเฮงน้อย เจ้าคิดมากน่า”
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ข้าก็นึกว่าโทษพวกเราซะอีก” หยูเฮงน้อยพยักหน้า แกล้งทำเป็นถึงบางอ้อ
ฟางซูหยุนสีหน้าจริงและพูดอย่างแน่วแน่ “ไม่มีใครโทษพวกเจ้า ความจริงเป็นยังไงทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจ ใครผิดใครถูกทุกคนแยกแยะได้ พวกเจ้าไม่ต้องตำหนิตัวเอง”
“อิอิ ฮูหยินฟางพูดจริงๆ” หยูเฮงน้อยหัวเราะ บรรยากาศกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
“ซูหยุนพูดถูก ไม่มีใครว่าหรือโทษพวกเจ้า” ตาเฒ่าฮ่องแสดงจุดยืนเช่นกัน จากนั้นเขาก็ถามกับเฉิงเสี่ยวเสี่ยว “ยัยหนูเสี่ยวเสี่ยว ไม่รู้ว่าพวกเจ้ามีข้อเสนอหรือความต้องการอะไรรึเปล่า”
“ไม่ต้องการอะไร ท่านปู่บุญธรรมดีกับท่านย่าก็พอ ถ้าท่านย่าไม่มีความสุข ข้าบอกแบบน่าเกลียดเลยว่าพวกเจ้าต้องรับผิดชอบกับผลที่ตามมา”
น้ำเสียงของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวนิ่งเรียบ แต่คำพูดที่พูดออกมาทำให้พวกคนแซ่หวงฝู่ใจตุ้มๆต่อมๆ มีความหวาดระแวงผุดขึ้นในใจ
พวกเขาจะยืมอำนาจจากเฉิงเสี่ยวเสี่ยวจริงๆ ปัญหาคือพวกเขาต้องรับประกันว่าฟางซูหยุนจะอยู่ดี หวงฝู่มั่วเฉินทำให้นางมีความสุขได้จริงรึเปล่า ถ้าทำไม่ได้ งั้นจุดจบของ 3 สำนักใหญ่ในวันนี้ก็จะเป็นตัวอย่างให้กับประเทศหวงฝู่
แม้จะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่ทุกคน ณ ที่นี้ฉลาดกันทั้งนั้น จะไม่รู้ความหมายของนางได้อย่างไร
หวงฝู่มั่วเฉินลุกขึ้นยืน บอกด้วยท่าทีจริงจังและตั้งมั่น “เสี่ยวเสี่ยว เจ้าวางใจเถอะ ข้าสัญญากับเจ้าตรงนี้เลยว่าข้าจะทำให้ซูหยุนมีความสุขตลอดชีวิต ถ้าทำไม่ได้แล้วแต่เจ้าจะลงโทษเลย”
“เหอะๆๆ…” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวหัวเราะเบาๆมองคนตรงหน้า “มีคำพูดนี้ของท่านปู่บุญธรรมแล้วเสี่ยวเสี่ยวยังต้องห่วงอะไรอีก ท่านย่ามีความสุขก็พอ”
เมื่อเห็นเฉิงเสี่ยวเสี่ยวเห็นด้วยทุกคนก็วางใจลง และก็เข้าใจว่าหลังจากนี้ความสัมพันธ์ของราชวงศ์และเฉิงเสี่ยวเสี่ยวตั้งอยู่บนความสุขของฟางซูหยุน ถ้าไม่มีตัวแปรนี้ทุกอย่างก็สูญเปล่า และยังจะถูกนางเขม่นอีกด้วย
มีประโยชน์ก็ต้องมีโทษด้วย เรื่องนี้ทุกคนรู้ดี
เมื่อคุยกันเข้าใจแล้ว บรรยากาศก็สบายๆขึ้น ท้ายที่สุด ตาเฒ่าฮ่องเต้และฟางเต๋อหยวนตัดสินใจต่อหน้าเฉิงเสี่ยวเสี่ยวว่าจะจัดงานแต่งกลางเดือนหน้า
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวย่อมไม่คัดค้านอยู่แล้ว แต่เงื่อนไขคือท่านย่าฟางซูหยุนต้องออกเรือนที่นี่ ไม่ใช่บ้านตระกูลฟาง เรื่องนี้ตาเฒ่าทั้ง 2 ยินยอม
หลังจากนั้นตาเฒ่าทั้ง 2 ก็หารือเรื่องรายละเอียดของพิธี เรื่องพวกนี้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่รู้และไม่สนใจเท่าไหร่ ปล่อยให้พวกเขาทำไปเลย ท่านย่ามีความสุขก็พอ
หารือกัน 1 วันเต็มๆตาเฒ่าฮ่องเต้ถึงได้ไป แต่คนที่เขาพามาอยู่ต่อทั้งหมด แต่ละคนเรียกร้องอยากใช้ชีวิตดั่งเซียนอยู่ที่นี่ โดยเฉพาะพระธิดาทั้ง 2 ที่ตามตื๊อให้เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพาพวกนางเที่ยวเล่น
ส่วนพี่น้องตระกูลฟางก็มาตามเสียงเล่าลือ เมื่อมีฟางถงยวี่เพิ่มเข้ามา สาวงามทั้งหลายจึงเดินเล่นและหยอกล้อกันอยู่ในถ้ำ
พระธิดาทั้ง 2 เที่ยวเล่นอยู่ที่นี่อย่างมีความสุข ผลไม้วิเศษต่างๆกินไม่หมดแล้วยังคิดจะเอากลับไปด้วย เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่ว่าอะไร แต่หยูเฮงน้อยไม่ยอม จึงเปิดศึกชิงผลไม้กับพวกนาง เสียงหัวเราะอันเบิกบานสะท้อนอยู่ในขุนเขาแห่งนี้
ส่วนพระโอรสก็เดินเล่นกันตามอัธยาศัยภายใต้การนำทางของโม่ซวนซุน แต่เมื่อเทียบกับเหล่าสาวงามแล้วคนพวกนี้จะน่าเบื่อหน่อยๆ เพราะนอกจากเดินเล่นแล้วก็มีแต่เดินเล่น โดยเฉพาะโม่ซวนซุนที่แกล้งทำเป็นสนใจแต่พวกยาวิเศษ สัตว์เทวะต่างๆ เขาน่ะดูมีความสุขไปกับมัน ส่วนแขกเหรื่อเหล่านี้ดูกลายเป็นส่วนเกิน
ในสายตาเจ้าโถงโม่แล้วพวกเขาเป็นส่วนเกินจริงๆนั่นแหละ เขาไม่หาเรื่องศัตรูหัวใจพวกนี้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว อยากจะให้เขาต้อนรับด้วยความอบอุ่น เป็นไปไม่ได้หรอก
สุดท้ายพี่น้องตระกูลฟางจึงพาพวกเขาไปชมงานประลองการสกัดยาเล็กๆ เพราะตรงกับวันประลองสกัดยาที่จัดขึ้นทุก 3 เดือนของสมาคมตันจงพอดี พวกเขายอมไปเป็นผู้ชมยังดีซะกว่าเดินเล่นโง่ๆอยู่กลางป่ากลางเขาแบบนี้
อารมณ์ที่แตกต่าง อยู่ในป่าในเขาเดียวกันแต่ก็เกิดความรู้สึกที่แตกต่าง
พระโอรสจากไปในวันที่ 2 พระธิดาจากไปในวันที่ 3
“หยูเฮงน้อย ข้าจะให้ของขวัญท่านย่า” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเอ่ยเรียบๆ
หยูเฮงน้อยที่กินผลไม้อยู่ชะงักไปนิดหน่อยและถามกลับ “คุณหนูเตรียมจะให้ของขวัญอะไรกับฮูหยินฟางล่ะ”
“ก็ต้องเป็นของขวัญดีๆอยู่แล้ว”
สีหน้าของเฉิงเสี่ยวเสี่ยวหม่นหมองลงไปนิดหน่อย “ท่านย่าแต่งงานแล้วก็ถือเป็นคนของตระกูลหวงฝู่ จากนี้ก็ไม่ได้อยู่กับพวกเราแล้ว เพื่อรับประกันความปลอดภัยของนาง สร้างปราสาทให้ท่านย่าสักหลังเถอะ”
“ไม่มีปัญหา” หยูเฮงน้อยตอบโดยไม่ต้องคิด “ต้องการแบบไหนก็บอกมาคุณหนู ข้าจะพยายามสร้างออกมา”
“ป้องกันได้และจู่โจมได้ ใหญ่ได้เล็กได้ พกพาติดตัวได้ สร้างออกมานะ”
“ได้อยู่แล้ว แต่ต้องใช้เวลา 3-4 วัน”
“ได้ ไม่มีปัญหา”
3 วันให้หลัง ปราสาทสวยงาม 1 หลังปรากฏขึ้น เฉิงเสี่ยวเสี่ยวเอามาดู 1 รอบและพยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนจะเอาของขวัญไปหาท่านย่าด้วย
ฟางซูหยุนได้รับของขวัญชิ้นนี้ก็เข้าใจความหมายของหลานสาวทันที นางเสียอาการไป กอดหลานสาวไว้และน้ำตาไหลเงียบๆ
วันเวลาหลังจากนั้นก็เตรียมส่งฟางซูหยุนออกเรือน สมาคมตันจงมีงานมงคลเป็นครั้งแรก จึงคึกครื้นเป็นพิเศษ
โม่ซวนซุนเห็นภาพแบบนี้ก็เอาแต่มองเฉิงเสี่ยวเสี่ยวด้วยสายตาเศร้าๆในทุกๆวัน
เขาอยากจะแต่งงานตั้งนานแล้ว แต่ช่วยไม่ได้ที่พ่อแม่เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่ได้อยู่ที่นี่ พวกเขาอยากจะแต่งงานก็ต้องรอให้ถึงวันที่ไปจากผืนดินฉางไห่ก่อน
งานแต่งของฟางซูหยุนและหวงฝู่มั่วเฉินสามารถใช้คำว่าหรูหรา อลังการ ยิ่งใหญ่ มาบรรยายได้ เห็นได้ว่าราชวงศ์ลงทุนไปเยอะจริงๆ ทั้ง 2 3 ครอบครัวนี้ได้หน้ากันเต็มที่
สมาคมตันจงไม่อนุญาตให้อิทธิพลอื่นเข้ามา ดังนั้นขบวนส่งออกเรือนก็คือลูกศิษย์สมาคมตันจงและเผ่าอสูร เฉิงเสี่ยวเสี่ยวและโม่ซวนซุนส่งท่านย่าออกนอกเขตวิชาสะกดแล้วก็ไม่ได้อยู่ส่งอีก มอบนางให้หวงฝู่มั่วเฉินที่มารับตัวเจ้าสาว
————————————