สำรับมนตราของชายาอ๋อง - บทที่ 10 มารดาได้ดีเพราะลูก
บทที่ 10 มารดาได้ดีเพราะลูก
ฉินปู้เข่อคุกเข่าลงพร้อมดึงชายกระโปรงของฉินเสวี่ยเหลียน “ท่านพี่ ท่านทำกับข้าเช่นนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ ท่านบอกให้ข้าเป็นฝ่ายขอถอนหมั้นข้าก็ทำให้ ข้าถึงขั้นแต่งงานกับอ๋องเจ็ดตามที่องค์รัชทายาทต้องการ… ข้ามีเพียงคำขอร้องนี้ข้อเดียว ท่านพี่…..”
เสียงเอะอะโวยนี้เรียกความสนใจจากเหล่านางกำนัลที่เดินผ่านไปผ่านมาให้พากันชำเลือง
ฉินเสวี่ยเหลียนยกเท้าขึ้นเตะฉินปู้เข่อกระเด็นไปด้านข้างก่อนจะเดินลงบันไดอย่างรวดเร็ว “เจ้ามันบ้า”
ฉินปู้เข่อมองแผ่นหลังที่เดินจากไปไกลของนางด้วยความเสียใจ นางพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้น หมายว่าจะตามออกไป ทว่าฉินเสวี่ยเหลียนเดินออกไปไกลแล้ว
“พระชายาอ๋องหลี่ชินเพคะ ผ้าเช็ดหน้าของท่านตก” ฟางรั่วที่อยู่ด้านหลังแวบออกมาจากหลังแมกไม้และพูดด้วยท่าทีนอบน้อม
ฉินปู้เข่อหันกลับมา พยายามกลั้นน้ำตาไว้ นางเอี้ยวตัวให้พ้นจากสายตาของฟางรั่วพร้อมรับผ้าเช็ดหน้ามาดู
ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงขึ้นจมูก “นี่ไม่ใช่ของข้า นี่เป็นของท่านพี่ ท่านดูสิเจ้าคะ ตรงนี้มีลายปักดอกบัวด้วย”
“โอ้ จริงด้วยเพคะ ข้าน้อยนึกว่าเป็นผ้าเช็ดหน้าของพระชายาอ๋องหลี่ชินที่ทำหล่นเสียอีก”
เดิมทีฟางรั่วเข้าใจว่าคุณหนูรองฉินผู้นี้จงใจทำผ้าเช็ดหน้าตกเพื่อหลอกล่อให้นางตามมา
หากดูแล้วคงจะคิดมากไป เมื่อครู่คุณหนูตระกูลฉินทั้งสองท่านก็ดูเหมือนตั้งใจเดินมาคุยกันในส่วนลึกของสวนดอกไม้แห่งนี้
“เช่นนั้นข้าน้อยจะคืนให้คุณหนูใหญ่ฉินตอนพบกันคราวหน้าแล้วกันเพคะ” ฟางรั่วทำท่าจะดึงผ้าเช็ดหน้ากลับมา
หากแต่ฉินปู้เข่อรีบกำผ้าเช็ดหน้าไว้ในมือพร้อมพูดออกมาด้วยน้ำตะกุกตะกัก “ข้า…ข้าจะ…ข้าจะนำกลับไปให้ท่านพี่เอง”
“เช่นนั้นก็ย่อมได้ รบกวนพระชายาอ๋องหลี่ชินด้วยนะเพคะ” ฟางรั่วกวักมือเรียกนางกำนัลคนหนึ่งมา “พระชายาอ๋องหลี่ชินต้องไปถวายบังคมกับพระสนมเสียนผินต่อ หากมีนางกำนัลนำทาง พระชายาจะได้เดินทางสะดวกมากขึ้นเพคะ”
นางกำนัลที่เดินผ่านมาคนหนึ่งเดินเข้ามาตามคำสั่ง พร้อมทั้งย่อตัวลงด้านหน้าฉินปู้เข่อ “ถวายบังคมพระชายาอ๋องหลี่ชิน ฟางรั่วกูกู”
“พาพระชายาอ๋องหลี่ชินไปที่ตำหนักพระสนมเสียนผิน”
ฉินปู้เข่อได้ฟังดังนั้นจึงได้เอ่ยขอบคุณฟางรั่ว “ขอบคุณฟางรั่วกูกูเจ้าค่ะ”
ภายในตำหนักเฟิ่งเสียง ฟางรั่วเล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่นางได้เห็นมา
“วสันตโอสถ?” ฮองเฮาบีบลูกปัดในมือจนแทบจะแตกสลาย “เซวียนเอ๋อร์ไม่ใช่คนบัดสีบัดเถลิง มิน่าล่ะ ถึงได้เผลอไผลไปเพราะวสันตโอสถ นังแพศยานี่บังอาจใช้ของต่ำช้าเช่นนี้เพียงเพื่อตำแหน่งชายาองค์รัชทายาทเลยรึ”
“ฮองเฮาเพคะ เมื่อกี้ข้าน้อยได้ส่งคนไปสืบที่จวนฉินแล้ว อย่างไรเสียเรื่องนี้ก็มีส่วนเกี่ยวพันไปถึงองค์รัชทายาทและชายาในอนาคต เช่นนั้นจึงต้องรอบคอบเป็นกว่าปกติเพคะ จะยอมฟังความข้างเดียวจากพระชายาอ๋องหลี่ชินเห็นทีคงไม่ได้”
ฟางรั่วเป็นนางกำนัลเคียงกายฮองเฮาตั้งแต่ฮองเฮายังไม่ออกเรือน หลังจากเข้าวังมาแล้วก็อยู่เคียงข้างฮองเฮามานานนับ 20 กว่าปี ฮองเฮาจึงเชื่อในคำพูดของนางเป็นอย่างมาก
ไม่นานนัก นางกำนัลที่ไปสืบก็กลับมาที่วัง
“ทูลฮองเฮา สวนด้านหลังของจวนมหาเสนาบดีมีนางกำนัลอาวุโสผู้หนึ่งเป็นญาติห่าง ๆ ของข้าน้อยเพคะ นางบอกว่ามารดาของชายาอ๋องหลี่ชินเป็นอนุ จึงไม่มีห้องของตนเองและต้องกินอยู่กับบ่าวไพร่ อีกทั้งฮูหยินฉินก็ทำไม่ดีกับพวกนางสองคนมาก เมื่อวานหลังจากพระชายาอ๋องหลี่ชินถูกย้ายไปที่ตำหนักอ๋องหลี่ชินแล้ว ฮูหยินฉินยังใช้ให้อนุหลัวแบกน้ำถึงสองโอ่งเพคะ”
ฟางรั่วกวาดสายตามองสีหน้าของฮองเฮา ก่อนจะหลุบสายตาลงต่ำพร้อมกล่าว “ได้ยินว่าเมื่อคืนคุณหนูใหญ่ฉินพาองค์รัชทายาทไปหาพระชายาอ๋องหลี่ชินโดยเฉพาะ ผ่านไปไม่นานพระชายาอ๋องหลี่ชินก็ไปขอถอนหมั้นกับมหาเสนาบดีฉิน ด้วยสภาพเลือดท่วมหัว”
“เจ้าฉินเสวี่ยเหลียนคนนี้นี่” แววตาของฮองเฮาเต็มไปด้วยความดุร้าย ตอนนี้ความจริงได้ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการแสดงของฉินเสวี่ยเหลียนแต่เพียงผู้เดียว เริ่มจากใช้วสันตโอสถหลอกล่อเซวียนเอ๋อร์ และบีบบังคับให้น้องสาวต่างมารดาของตนเองเป็นฝ่ายไปขอถอนหมั้น ก่อนจะข่มขู่น้องสาวต่างมารดาของตัวเองให้แต่งงานกับอ๋องหลี่ชินด้วยชีวิตแม่ของตนเอง
นางไม่ได้รู้สึกสงสารที่ฉินปู้เข่อต้องแต่งงานกับอ๋องขี้โรค เพียงแต่นางรู้สึกว่าฉินเสวี่ยเหลียนจะเข้ามาอยู่ในตำหนักบูรพาไม่ได้เด็ดขาด
ตั้งครรภ์หลานฮ่องเต้แล้วอย่างไร สตรีแผนสูงและอำมหิตเช่นนี้หากได้เป็นชายาองค์รัชทายาทจริง ๆ เซวียนเอ๋อร์จะต้องตาบอดและลุ่มหลงในความงามของนางอย่างแน่นอน
สนมในวังหลังที่ใช้ยาปลุกอารมณ์เช่นนี้จะถูกริบอิสริยศักดิ์และถูกส่งเข้าตำหนักเย็น ทายาทสายตรงแห่งจวนมหาเสนาบดีเช่นนางกลับใช้ลูกไม้ชั้นต่ำเช่นนี้เพื่อให้ตั้งครรภ์สายเลือดมังกร คงไม่สามารถเก็บเอาไว้ได้
“ฟางรั่ว ไปเรียกฉินเสวี่ยเหลียนกลับมา แล้วส่งปะการังหยกนี้กลับไปที่จวนมหาเสนาบดีด้วยสภาพเดิม”
เพิ่งเดินมาถึงหน้าประตูวังยังไม่ทันได้ก้าวขึ้นรถม้า ฉินเสวี่ยเหลียนก็โดนฟางรั่วเอ่ยรั้งตัวเอาไว้
เมื่อฉินเสวี่ยเหลียนเห็นว่าเป็นนางกำนัลอาวุโสข้างกายฮองเฮาก็อดตกใจไม่ได้ หรือว่าเรื่องที่คุยกันในสวนดอกไม้เมื่อกี้จะมีใครได้ยินเข้า
ฟางรั่วย่อตัวลงเล็กน้อย บนใบหน้าของนางมีรอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏอยู่ “เมื่อครู่องค์ฮองเฮามัวชื่นชมปะการังหยกจนลืมให้ของขวัญคืนกลับไปให้คุณหนูใหญ่ฉิน จึงให้ข้าน้อยมานี่”
“ฮองเฮาเกรงใจไปแล้ว ท่านเป็นผู้อาวุโส มีอย่างที่ไหนจะต้องให้ของกำนัลผู้น้อยกว่า” ฉินเสวี่ยเหลียนเม้มปากก่อนจะคลี่ยิ้มบาง ความกังวลในใจพลันสลายหายไป เมื่อนางไม่ได้มีท่าทีเอาเรื่อง
ฟางรั่วเรียกเกี้ยวที่อยู่ด้านข้างมา และประคองพยุงฉินเสวี่ยเหลียนขึ้นไป “แต่เดิมองค์ฮองเฮาเตรียมเกี้ยวให้คุณหนู ข้าน้อยไม่ทันให้คุณหนูได้ใช้ คุณหนูช่วยนั่งบนเกี้ยวแล้วกลับไปรับของกำนัลกับข้าน้อยตอนนี้ได้หรือไม่”
ฉินเสวี่ยเหลียนขึ้นนั่งบนเกี้ยวด้วยความรู้สึกปีติ ผู้จะนั่งเกี้ยวในวังหลังนี้ได้มีเพียงพระสนมชั้นสามขึ้นไป และชายาเอกของท่านอ๋องที่ได้รับความโปรดปรานเท่านั้น
แม้ว่าฉินปู้เข่อจะเป็นชายาของอ๋องหลี่ชิน แต่เนื่องจากอ๋องหลี่ชินมีสุขภาพไม่ดีนัก จึงไม่เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้แห่งต้าเซี่ย ดังนั้นเวลานางเข้าวังมาถวายบังคมตอนเช้าจึงได้แต่เดินเท้าเข้ามา ดูจากวันนี้ตำแหน่งชายาองค์รัชทายาทต้องเป็นของนางแน่ ๆ
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ฉินเสวี่ยเหลียนก็ลูบหน้าท้องที่ยังแบนราบของตนเอง และอดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มแห่งชัยชนะออกมา เด็กคนนี้มาได้ทันเวลาจริง ๆ