สำรับมนตราของชายาอ๋อง - บทที่ 147 แป้งอบที่หอมหวนหรือวอวอโถว
บทที่ 147 แป้งอบที่หอมหวนหรือวอวอโถว
สีหน้าของลี่หลัวเปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันที มือของนางกำอยู่ในแขนเสื้อและจิกฝ่ามือแน่น และนิ้วหัวแม่มือของมือขวาของนางก็สัมผัสรอยตัดนิ้วก้อยที่เพิ่งหายดีโดยไม่รู้ตัว
“นี่คือสิ่งที่เจ้าพูดเกี่ยวกับการตอบแทนความมีน้ำใจหรือ?” หมี่เฉินอี้เดินไปหาลี่หลัวด้วยใบหน้าไร้อารมณ์แล้วนั่งยอง ๆ บีบคางของนาง “บางครั้งคนเราก็ต้องเจียมตัว บางทีเจ้าอาจจะมาจากภูมิหลังที่ดี แต่เจ้าต้องดูว่าตอนนี้เจ้าอยู่ที่ใดและกำลังคุยกับใครอยู่ เข้าใจหรือไม่”
“ขะ…เข้าใจแล้วเพคะ” ความเสน่หาในดวงตาของลี่หลัวจางลง และร่องรอยของความเกรงกลัวก็ค่อย ๆ แผ่ซ่าน
หากจะให้นางกลับไปหาต๋งชวน ฆ่านางเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยยังจะดีกว่า
หมี่เฉินอี้ปล่อยคางของนางและเหลือบมองคำว่า ‘ต๋ง’ ที่คอของนาง และสูดลมหายใจอย่างเย็นชา “เหตุใดเจ้าต๋งชวนผู้นี้ช่างเหมือนสุนัข เขาต้องทำเครื่องหมายลงบนทุกอย่างที่เขาเจอ”
ลี่หลัวยกมือขึ้นเพื่อปิดคอของนางและถอยหลังกลับ
“พาตัวนางออกไป”
ไม่มีใครรู้ว่าลี่หลัวผู้นี้มาจากไหนและมีจุดประสงค์อะไร เขาติดตามหญิงสาวตัวเล็ก ๆ ครั้งหรือสองครั้ง แทนที่จะเก็บคนที่ไม่รู้จักและเป็นอันตรายเช่นนี้ไว้ข้างนอก ก็เป็นการดีกว่าที่จะเก็บนางไว้ในสายตาแทน
วันรุ่งขึ้นเมื่อฉินปู้เข่อตื่นท้องฟ้าก็สว่างแล้ว และไม่มีความอบอุ่นรอบกายนาง
นางไม่รู้ว่าเมื่อคืนเขากลับมาพักค้างคืนที่สวนชิงอวี้หรือไม่
ซวงหวนเห็นนางลุกขึ้นจึงเดินไปข้าง ๆ และทักทายนางด้วยความร่าเริงแจ่มใส “นายหญิง เมื่อเช้านี้ท่านอ๋องสวมชุดราชสำนักและไปที่ราชสำนักเพคะ”
“จริงหรือ?” ฉินปู้เข่อดีใจยิ่งนัก ดูเหมือนว่ารายงานที่เขาเขียนในวันนั้นจะถูกส่งไปยังฮ่องเต้ต้าเซี่ยแล้ว
“ความจริงแล้วข้าหลวงคนสนิทที่อยู่เคียงข้างฮ่องเต้จะส่งคนมารับท่านอ๋องไป ว่ากันว่าช่วงนี้ฮ่องเต้ปวดหัวเพราะน้ำท่วมในฤดูใบไม้ผลิในภาคเหนือ จึงขอให้ข้าหลวงช่วยกันคิดหาวิธีจัดการกับมัน ท่านอ๋องสามได้ส่งรายงานถึงฮ่องเต้เมื่อวานนี้ โดยมีรายละเอียดแผนการจัดการน้ำท่วมในฤดูใบไม้ผลิเพคะ”
“ฮ่องเต้ทรงอ่านแล้วเมื่อบ่ายวานนี้และเรียกท่านอ๋องสามไปเพื่อสอบถาม ท่านอ๋องสามเสด็จไปแล้วแต่ไม่สามารถตอบได้ และต่อมาก็บอกว่าเขากำลังขอร้องท่านอ๋องของเราให้เขียนมัน และเมื่อเช้านี้เขาได้ส่งท่านอ๋องไปหารือเกี่ยวกับรายละเอียดการดำเนินการอย่างละเอียด”
ในราชสำนัก ฮ่องเต้ต้าเซี่ยผู้ไม่แยแสต่ออ๋องหลี่ชินมาโดยตลอดได้เปลี่ยนพฤติกรรมปกติของเขา พระองค์ไม่เพียงแต่จะอนุมัติแผนแก้ไขน้ำท่วมในฤดูใบไม้ผลิที่เขาเสนอ แต่ยังทรงแต่งตั้งอ๋องหลี่ชินให้เป็นทูตของฮ่องเต้เพื่อไปยังเขตหลินเป่ยเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมฤดูใบไม้ผลิในปัจจุบัน และแผนการฟื้นฟูหลังภัยพิบัติที่เกี่ยวข้องกับผู้ประสบภัย
หลังจากเช้าวันนี้ อ๋องหลี่ชินผู้ไร้ตัวตนในสายตาของเหล่าข้าหลวงมาโดยตลอด ก็ปรากฏตัวขึ้นในสายตาของทุกคนอย่างเป็นทางการและเริ่มต้นหน้าที่ทางการเมืองของเขา
ในอีกไม่กี่วันต่อมา หมี่โม่หรู่ก็ไม่ปรากฏให้เห็นตั้งแต่เช้าจรดค่ำ และฉินปู้เข่อก็ลืมเรื่องก้อนกระดาษที่ทาสใบ้ส่งให้นาง และให้ความสนใจกับข่าวของทางภาคเหนือทุกวัน
เมื่อหมี่โม่หรู่กำลังจะเก็บของเข้ารับตำแหน่ง ฉินปู้เข่อก็ได้ดูข้อมูลเกี่ยวกับน้ำท่วมในฤดูร้อนและฤดูใบไม้ผลิในช่วงสิบปีที่ผ่านมา และยิ่งนางดูมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเท่านั้น
ในช่วงสายของวัน ในที่สุดหมี่โม่หรู่ที่ยุ่งอยู่หลายวันก็กลับจากวังมายังตำหนัก ทันทีที่เขาเข้าห้องอ่านหนังสือ เขาก็ตกตะลึงกับภาพที่เห็น
ในห้องอ่านหนังสือที่กว้างขวางและเป็นระเบียบเรียบร้อยเต็มไปด้วยหนังสือ ในขณะที่พระชายาตัวน้อยของเขานั่งยองอยู่ในกองหนังสือและพงศาวดารท้องถิ่น พลางทำหน้าบูดบึ้ง
“เจ้า…เจ้าช่วยจัดระเบียบหนังสือให้ข้าหรือ?”
ฉินปู้เข่อเงยหน้ามอง “ไม่ใช่เพคะ หม่อมฉันกำลังดูพงศาวดารท้องถิ่นของเขตหลินเป่ยและข้อมูลเกี่ยวกับน้ำท่วมใหญ่ในฤดูร้อนและฤดูใบไม้ผลิ ตัวอักษรจีนแบบเก่าของท่านช่างน่ารำคาญนัก เพราะทำให้หม่อมฉันต้องคาดเดาในหลาย ๆ จุด”
“เจ้าดูสิ่งเหล่านี้แล้วจะทำอย่างไร” หมี่โม่หรู่หัวเราะอย่างไม่รู้จะพูดอย่างไร แล้วดึงนางออกจากกองหนังสือ ก่อนจะวางนางลงบนเก้าอี้นวม
“สวามีของหม่อมฉันกำลังเดินทางไปทำธุระ อย่างน้อยหม่อมฉันก็จำเป็นต้องรู้ว่าสิ่งที่เขาทำเป็นอันตรายหรือไม่” ฉินปู้เข่อพูดอย่างเศร้าสร้อย “ปรากฏว่าสิ่งนี้ดูเหมือนขนมอบที่หอมหวนแต่จริง ๆ แล้วไม่อร่อยเท่าวอวอโถว*[1]”
………………………………………………………………………
[1] วอวอโถว 窝窝头 เป็นอาหารที่ทำจากแป้ง เป็นอาหารหลักพบได้ทั่วไปในภาคเหนือของจีน ทำจากแป้งข้าวโพดชนิดหยาบมีลักษณะเป็นโคน ตรงก้นเป็นหลุม มีสีเหลืองนวลสวย