สำรับมนตราของชายาอ๋อง - บทที่ 17 นายหญิงของเราค่อนข้างหื่นกระหาย
บทที่ 17 นายหญิงของเราค่อนข้างหื่นกระหาย
หืม?!
เฉิงจือเซียงและฮวาชุนจิ่นมองหน้ากัน เหตุใดไม่ค่อยเหมือนกับที่พวกนางคิดไว้ล่ะ
“ไม่ทราบว่าพระชายาจะดูอะไรหรือเพคะ” ฮวาจิ่นชุนชิงปริปากถามอย่างลังเล
“หุ่นอย่างไรเล่า” ฉินปู้เข่อเดินตรงเข้าไปหาฮวาจิ่นชุนและเลิกกระโปรงยาวของนางขึ้น “รู้สึกตั้งแต่เมื่อกี้แล้วว่าขาของเจ้าทั้งเล็กทั้งเรียว มาให้ข้าดูหน่อยเร็ว”
นางพูดพลางก้มลงลูบขาของฮวาจิ่นชุนอย่างละเมียดละไม ปากก็ยังเอ่ยชมไม่หยุด “ยอดเยี่ยมไปเลย น่องของเจ้าไม่มีส่วนเกินอันน่ารำคาญ เนื้อแน่นเด้งดึ๋ง เป็นขาที่บุรุษต่างคลั่งไคล้จริง ๆ”
ชาติก่อนนางยกน้ำหนัก วิ่งแบกเป้หนัก ๆ จนมีน่องขนาดใหญ่ แถมยังดูน่าเกลียดมาก
“น้องสาว เจ้าบำรุงดูแลขาของเจ้าอย่างไรหรือ บอกข้าหน่อยสิ”
ฉินปู้เข่อลุกขึ้นโอบไหล่ฮวาจิ่นชุน และเอ่ยขอคำแนะนำอย่างจริงใจ
“เรื่องนั้น…” ฮวาจิ่นชุนดีใจจนเนื้อเต้น
นางตัวเล็กและบอบบาง ทุกคนที่อยู่ข้างกายเฉิงจือเซียงมักจะโดนหุ่นอวบอิ่มของเฉิงจือเซียงดึงดูดสายตาไป คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะมีคนชมหุ่นของนาง มิหนำซ้ำยังเป็นสตรีอีกด้วย
“พระชายาไม่คิดว่าท่าทางของตนไม่เรียบร้อยไปหน่อยหรือเพคะ” เฉิงจือเซียงมองท่าทางดีอกดีใจของฮวาจิ่นชุนแล้วส่งเสียงดูหมิ่น
เรื่องร่างกาย นางเฉิงจือเซียงยังไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน ตราบใดที่เป็นผู้นั้นเป็นบุรุษก็มักจะโดนดึงดูดสายตาไปด้วยหุ่นอันอวบอิ่มของตนเอง ใบหน้าฮวาจิ่นชุนสวยเพียงไรแล้วอย่างไรเล่า มันก็ยังอยู่ภายใต้เงาของนางมาตั้งเนิ่นนาน
ประโยคเดียวเรียกสติฉินปู้เข่อได้ หญิงสาวหันไปพร้อมเดินไปหยุดตรงหน้าเฉิงจือเซียง ลูบไล้เอวบางของนางดู
“แม่เจ้า! หน้าอกใหญ่ขนาดนั้นแต่เอวเล็กแค่นี้ ผิดหลักวิทยาศาสตร์ไปนะ”
แม้จะไม่เข้าใจสองคำแรกและครึ่งประโยคหลัง แต่เฉิงจือเซียงก็ยังฟังออกว่านางกำลังชมว่าหุ่นตนเองนั้นโดดเด่น
นางยืดหน้าอกขึ้นเล็กน้อย พลางตั้งคอตรงและเผยยิ้มดูถูก “ขอบพระทัยพระชายาที่ทรงชมเพคะ”
ฉินปู้เข่อยืนขมวดคิ้วอยู่ตรงหน้านาง ท่าทางมีบางสิ่งจะพูดแต่กลับพูดไม่ออกมา
“ไม่ทราบว่าพระชายามีสิ่งใดจะรับสั่งหรือเพคะ” เฉิงจือเซียงเอ่ยออกมาโดยมิได้แลตามองผู้ใด ประหนึ่งว่านางต่างหากคือชายาอ๋องหลี่ชินผู้สูงส่ง
ฉินปู้เข่อเกาจมูก พูดด้วยท่าทีเขิน ๆ “ข้ามีเรื่องที่อยากจะเอ่ยปากขอร้อง หวังว่าเจ้าจะรับปาก”
“พระชายาพูดเรื่องอะไรกัน หากท่านพี่หมายตาสิ่งใดของน้อง ท่านจงเอาไปได้ตามใจชอบเลยเพคะ”
เฉิงจือเซียงพูดโดยไม่คิดอะไร ทว่าในใจกลับคิดไปอีกแบบ
ประเดี๋ยวไม่ว่าฉินปู้เข่อจะขออะไร นางก็จะฉวยโอกาสนั้นถากถางเสียหน่อย
“ข้าขอจับกระต่ายน้อยของเจ้าหน่อยได้หรือไม่” ฉินปู้เข่อคลี่ยิ้มแต่สายตากลับจ้องเขม็งไปที่ความขาวนวลตรงหน้า
“หืม?”
เฉิงจือเซียงมองฉินปู้เข่ออย่างประหลาดใจ สองมือจับคอเสื้อที่ออกแบบมาอย่างดีด้วยสัญชาตญาณ และอดกลืนน้ำลายไม่ได้ “พระชายาจะ…”
“เจ้าอย่าถือสาไปเลย อย่าถือสาไป” ฉินปู้เข่อเก็บสายตาหื่นกระหายไปและเอ่ยด้วยท่าทางจริงจัง “ข้าเป็นคนไม่มีหน้าอก อยากไปทำศัลยกรรมเสริมนมมาตลอด แต่ประเภทวัสดุเสริมในโรงพยาบาลมีเยอะเกินไป ทั้งซิลิโคน ทั้งเนื้อเยื่อเสมือน ไหนจะถุงน้ำเกลืออีก”
“ข้าดูแล้วกระต่ายน้อยของเจ้าดูเป็นธรรมชาติมาก จึงอยากขอจับของเจ้าเพื่อลองรสสัมผัสก่อน หากมีโอกาสไปเลือกวัสดุเสริมที่โรงพยาบาลจะได้มีอะไรให้อ้างอิง”
สายตาสี่ห้าคู่ในโถงจ้องมองมายังพระชายา ฉินปู้เข่อจึงได้สติกลับมาในบัดดล นางหัวเราะลั่น “ขอโทษด้วย เมื่อครู่ข้าเหม่อลอยน่ะ ข้าหมายความว่าข้าอยากสัมผัสรูปทรงหน้าอกของเจ้า ข้ารู้สึกว่ารูปร่างของเจ้าดูตรงตามมาตรฐานที่สุด จึงอยากเอาอย่างเจ้าน่ะ”
ฉินปู้เข่อพูดพลางทำมือตรงหน้าอกตนเอง และพยายามแสดงออกถึงความชื่นชมอย่างบริสุทธิ์ของตน
ในยุค 2020 ที่โฆษณาเรื่องศัลยกรรมความสวยความงามมีเกลื่อนเมืองไปหมด ส่งผลให้ตัวนางเองนึกจะไปทำบ้างทุกครั้งที่เห็นหุ่นของตนเองที่ไม่มีอะไรเลย นอกจากกล้ามก็อยากไปเปลี่ยนตนเองในนั้นเสียหน่อย
และไม่ว่าจะชายหญิง ขอแค่สวยนางก็ชื่นชอบทุกอย่าง นางชอบเด็กหนุ่มสดใสน่าลิ้มลองเด็กสาวน่ารักนางก็ชอบทุกประเภทเช่นกัน รูปร่างสวย ๆ นางต่างก็ชื่นชอบทุกอย่าง
นึกถึงสมัยในทวิตตี้ หน้าแรกของนางกดติดตามเน็ตไอดอลทั้งชายและหญิงนับร้อยคน
กับเรื่องไอดอลนั้นนางชื่นชอบมาก และชอบนอกใจไอดอลตนเองอยู่บ่อย ๆ
ซวงหวนที่ยืนอีกด้านก็หน้าแดงก่ำเพราะการกระทำบ้าบอของนาง
หญิงสาวสมัยก่อนใส่ใจเรื่องรูปร่างและรูปลักษณ์ แต่ส่วนใหญ่แล้วก็ต้องเข้าห้องและชื่นชมกับตนเอง
คนที่เปิดเผยออกมาเล็กน้อยอย่างเฉิงจือเซียง มักจะมีนางกำนัลมากมายในตำหนักค่อยกล่าวตำหนิอยู่ลับหลัง
แต่ไม่เคยมีผู้ใดอุทานว่าหุ่นนางดีเหลือเกินจากใจจริง และคิดจะเอาเยี่ยงอย่างนางด้วย
ชายาจะไม่รักนวลสงวนตัวเกินไปหน่อยรึเปล่า
หากพูดเช่นนั้นก็คงไม่ถูก พระสนมทั้งสองเป็นสตรีทั้งคู่ นอกจากนี้ชายาก็เพียงพูดจาและไม่ได้ทำสิ่งใดอีก จะบอกว่าพระชายาไม่รักนวลสงวนตัวก็ไม่ได้
ซวงหวนตกอยู่ในห้วงแห่งความสงสัย นางตัดสินไม่ได้เลยว่าพฤติกรรมของพระชายาเป็นแบบไหน หากคืนนี้เจ้านายถาม นางเองก็ยังไม่รู้ว่าจะรายงานอย่างไร
เฉิงจือเซียงหัวเราะอย่างไม่เป็นธรรมชาติเท่าไร นางดึงคอเสื้อขึ้นมามิดชิดกว่าเดิมพร้อมกล่าว “หม่อมฉันว่า อย่าดีกว่าเพคะ”
ฉินปู้เข่อพยักหน้าอย่างทำอะไรไม่ได้ “ก็จริง เราสองคนเพิ่งจะรู้จักกัน เจ้าจะเขินก็เป็นเรื่องปกติ แล้วเกี่ยวกับด้านนี้เจ้ามีสูตรอาหารหรือสูตรลับบำรุงอะไรไหม ข้าได้ข่าวว่ากินมะละกอแล้วจะช่วย แต่ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่”