สำรับมนตราของชายาอ๋อง - บทที่ 175 ความตื่นตระหนก
บทที่ 175 ความตื่นตระหนก
ในยามไฮ่ ทั้งตำหนักของอ๋องหลี่ชินตกอยู่ในความโกลาหลมานานกว่าครึ่งชั่วยาม
ครึ่งชั่วยามที่แล้ว รถม้าที่พระชายาประทับตอนที่นางออกไปในวันนี้ได้ปรากฏขึ้นที่ประตูตำหนัก ภายในมีเพียงซวงหวนที่หมดสติแต่ไร้วี่แววของพระชายา
หมี่โม่หรู่เกือบจะเรียกรวมพลสายสืบที่เขาจัดไว้ในตำหนักขององค์รัชทายาท อ๋อง ข้าราชบริพารและขันทีในเมืองหลวงตลอดหลายปีที่ผ่านมา
จวนมหาเสนาบดี ตำหนักบูรพา จวนอัครมหาเสนาบดีและตำหนักของอ๋องจั่วเสียนถูกค้นหลายครั้งในทุกซอกทุกมุมที่เขารู้สึกสงสัย แต่ก็ยังไม่มีข่าวคราวใดออกมา
“อาจจะเป็นเสด็จพ่อหรือเปล่า?” หมี่ฉงตัวสั่น และเอ่ยการคาดเดาครั้งสุดท้ายของเขา
“ต้องไม่ใช่” หมี่โม่หรู่พูดเช่นนี้แต่ก็เดินออกจากประตูไปโดยไม่ได้ตั้งใจ “เตรียมม้า ข้าต้องการเข้าไปในวัง!”
ความรู้สึกไม่สบายใจในหัวใจของเขาขยายตัวไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เขาไม่รู้ว่าตัวเองทนทุกข์ทรมานมาเป็นเวลาสองเค่อได้อย่างไร ทุกข่าวที่ออกมาทำให้เขาตื่นตระหนกอย่างยิ่ง เขาคิดไปถึงขั้นที่ว่า…
เสี่ยวเข่อถูกระบบนั้นพรากไปและไม่มีวันหวนคืนกลับมา…
“เจ้ากำลังจะไปไหน!” ซือต๋าที่ยังไม่ได้เดินออกจากตำหนักเพื่อสืบข่าวเดินเข้ามาหาเขา
“เข้าวัง ข้าจะเสด็จไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ เสด็จแม่หรือพระสนม ในเมื่อนอกวังไม่มีข่าวคราวก็มีเพียงคนในวังเท่านั้นที่สามารถปิดข่าวได้อย่างแน่นหนา”
ในขณะนี้หมี่โม่หรู่เชื่อมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าเสี่ยวเข่อถูกพ่อของเขาพรากไป
“ไม่ได้! เจ้ามันบ้าไปแล้ว!” ซือต๋าคว้าตัวเขาไว้ “หลังจากช่วงเวลาห้ามออกจากเคหสถานในวังชั้นใน ต่อให้เป็นองค์ชายก็เข้าไปไม่ได้! วันนี้เจ้าเพิ่งได้หน้าและมีชื่อเสียงที่ดีขึ้นต่อหน้าฮ่องเต้ แต่เจ้ากลับต้องการทำลายมันเพียงเพราะการคาดเดาที่ไม่แน่นอนหรือ?”
หมี่โม่หรู่ผู้อ่อนโยนและสงบนิ่งมาโดยตลอดสูญเสียการควบคุมไปแล้ว “ข้าต้องไป! หากเสี่ยวเข่ออยู่ที่วังของเสด็จพ่อ นางอาจถูกจับกุมได้ทุกเมื่อ…” เขาจำได้ว่าตอนที่พวกเขาเข้าไปในวังครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว เสด็จพ่อได้ให้รางวัลเสี่ยวเข่อเป็นเมรัยกลืนกิน
“ใจเย็นก่อน! เป็นเพราะผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น! ลองนึกถึงการทำงานหนักของเจ้าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และในที่สุดเจ้าก็คิดจะหันหลังกลับ เจ้าไม่สามารถพลาดได้เพียงเพราะแรงกระตุ้นเพียงครั้งเดียว!” ซือต๋ากอดเอวของหมี่โม่หรู่จากด้านหลัง “คนอื่นคาดหวังในตัวเจ้ามาก เจ้าไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ ทำไม่ได้!”
“ซือต๋า อย่าบังคับให้ข้าทำ!” หมี่โม่หรู่หลุดจากอ้อมแขนของเขา “เจ้าไม่มีวิทยายุทธ์ เอามือเจ้าออกไป มิฉะนั้นข้าอาจจะทำร้ายเจ้าโดยไม่ได้ตั้งใจ”
ซือต๋าหยิบเข็มเงินยาวสองสามอันออกจากแขนเสื้อแล้วเผชิญหน้ากับเขา “อย่าบังคับให้ข้าทำ! อย่าลืมสิ่งที่เจ้าสัญญาไว้กับฉีเหวินกงและสิ่งที่เจ้าสัญญากับข้าไว้ หากเจ้าก้าวเข้าไปในวังคืนนี้ เจ้าจะไม่มีวันประสบความสำเร็จ!”
“ข้าจะทำตามที่สัญญาไว้ ข้าจะช่วยเจ้าตามหาท่านซือและตามหาพ่อของเจ้า แต่คืนนี้ข้าต้องไปเพราะนางอาจอยู่กับเสด็จพ่อ!”
ก่อนที่ซือต๋าจะเคลื่อนไหว หมี่โม่หรู่ก็รีบสกัดจุดเพื่อหยุดเขาและทะยานออกจากตำหนักไป
กุบกับ กุบกับ
ทันทีที่เขาขึ้นไปบนหลังม้าก็มีรถม้าวิ่งเข้ามา และหมี่เฉินอี้ก็กระโดดลงจากรถม้าพร้อมกับใครบางคนในอ้อมแขนของเขา
“เร็วเข้า! พาหมอหลวงมา นางหมดสติและได้รับบาดเจ็บบริเวณอกด้วย เร็วเข้า!”
ลมแรงยามเย็นพัดเสื้อคลุมของหมี่เฉินอี้ที่ปกคลุมร่างกายของฉินปู้เข่อปลิวตกสู่พื้น เผยให้เห็นใบหน้าซีดของคนที่หมดสติ และก่อนที่หมี่โม่หรู่จะถามว่าเหตุใดเสื้อผ้าถึงขาด เขาก็พาฉินปู้เข่อกลับเข้าไปในอ้อมแขนของเขาด้วยความโกรธ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและรีบวิ่งไปที่ตำหนัก
“เสด็จอา ให้ซือต๋ารักษา”
ภายในห้อง ซือต๋ายังคงยุ่งอยู่
หมี่โม่หรู่จ้องไปยังหมี่เฉินอี้ “มันเป็นใคร เหตุใดจึงทำเช่นนี้?”
“ไทเฮา” หมี่เฉินอี้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “หมี่อี้เหิง”
อากาศดูเหมือนจะหนาวเหน็บจนกลายเป็นน้ำแข็ง และสีหน้าตื่นตระหนกของหมี่โม่หรู่ก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือด
ชายหนุ่มผู้สง่างามและหล่อเหลามาโดยตลอด บัดนี้มีใบหน้าของเขาเผยความบึ้งตึงเกินจะบรรยาย และปราศจากความอ่อนโยนและอารมณ์ดีเหมือนในอดีต
หลังจากนั้นไม่นานเมื่อรังสีอำมหิตสลายไป หมี่โม่หรู่ก็พูดเสียงเบาว่า “ข้าเหมือนเขาจริงหรือ”
ความจริงแล้วสิ่งที่เขาต้องการจะถามก็คือเขาเป็นลูกของหมี่อี้เหิงจริงหรือ
“เจ้าถามเช่นนี้ได้อย่างไร” หมี่เฉินอี้มองเขาอย่างจริงจังครู่หนึ่ง “มันยังมีสิ่งที่ต่างกันอยู่ เช่นอาเหิงไม่เคยปล่อยรังสีอำมหิตอย่างที่เจ้าเพิ่งทำเมื่อสักครู่นี้ แต่เมื่อเจ้านั่งสงบอยู่ที่นี่อย่างตอนนี้ บางครั้งก็ทำให้รู้สึกว่าเจ้าเหมือนเขาอย่างไม่มีเหตุผล”
“แต่ก็ยังดีที่เจ้ายังรู้จักโหดร้ายเสียบ้าง ไม่เหมือนกับเขาที่ไร้อารมณ์เสียจนน่ารำคาญนัก แม้แต่เรื่องใหญ่อย่างเรื่องความเป็นความตายเขาก็ยังไม่รู้เลยว่าจะปฏิเสธอย่างไร”
“ดังนั้นจึงเป็นไทเฮาที่ลงมือใช่หรือไม่?” หมี่โม่หรู่เงยหน้าขึ้นและหลับตาลงเล็กน้อย “แล้วเสี่ยวเข่อเล่า นางรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร”
“สาวน้อยฉลาดเกินไป คนที่กล่าวหาว่าข้าทรยศพานางไปที่นั่น แต่อย่าคิดที่จะหาทางแก้แค้นไทเฮา” หมี่เฉินอี้มองพลางเตือน “ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถทำได้”
“อืม” หมี่โม่หรู่กลับมานิ่งสงบแล้วพูดเสียงเบา “สำหรับนางเกี่ยวอะไรกับข้า สำหรับเสี่ยวเข่อ…”
ม่านลูกปัดขยับเล็กน้อย แล้วซือต๋าก็เดินออกมาอย่างลังเล
“เป็นอย่างไรบ้าง!?” หมี่โม่หรู่กระโดดขึ้นอย่างกระตือรือร้น
“การหมดสติทำให้แขนขาของนางอ่อนแอจนไม่สามารถหลบหนีได้ อาการบาดเจ็บบนหน้าอกของนางที่ถูกใครบางคนถีบ ไม่ได้เป็นปัญหามากนัก แต่มีปัญหาอื่นที่ตามมาเพิ่ม ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะคิดอย่างไร”
ซือต๋าเหลือบมองหมี่โม่หรู่และหมี่เฉินอี้อย่างไม่แน่ใจ เขาไม่รู้ว่าควรจะถามคำถามนี้ต่อหน้าคนนอกหรือไม่
“ปัญหาที่ตามมาหรือ?”
“ก็ อาการบาดเจ็บที่หน้าอกไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่เป็นเข็มทั้งสองเล่มในตัวนาง…”
“เข็มหรือ? เข็มอะไร?” ทั้งหมี่เฉินอี้และหมี่โม่หรู่ต่างตกตะลึง
หมี่เฉินอี้อยู่ในภาวะตื่นตระหนก เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขามาสายเกินไป? ไทเฮาเริ่มลงมือไปแล้วหรือ?
หมี่โม่หรู่กำลังสับสน เขาไม่รู้ว่าเหตุใดท่าทางของซือต๋าถึงดูลังเลที่จะพูด และฟังจากน้ำเสียงของเขาแล้วก็ดูเหมือนว่าเขาคิดว่าตนเอาเข็มไปปักในร่างกายของเสี่ยวเข่อ
ซือต๋ามองหมี่โม่หรู่แปลก ๆ “เจ้าไม่รู้หรือว่านางมีเข็มสองเล่มในร่างกายของนาง? ดูจากเวลาแล้วน่าจะเข้าไปได้ไม่นานหลังจากที่เจ้าแต่งงานกับนาง ข้าคิดว่าเจ้าเป็นคนใส่มันเข้าไป”
“ไม่ใช่” หมี่โม่หรู่ส่ายหน้า “แม้ว่าตอนนั้นข้าจะระแวงเสี่ยวเข่อ… ข้าก็จำได้ว่านางถูกฮูหยินฉินทำร้ายด้วยดอกเหมยหมื่นจุดตอนที่นางกลับบ้าน ถ้าหาก…”
ยิ่งเขาพูดมากเท่าไรก็ยิ่งตกใจมากขึ้นเท่านั้น ฉินเฉิงหย่งส่งเสี่ยวเข่อไปทำอะไรบางอย่างจริง ๆ แต่นางก็รับไว้เอง
ซือต๋าไม่ถามคำถามใดอีกและพูดต่อว่า “ปีนี้เข็มทั้งสองเล่มนั้นว่ายวนไปใกล้หัวใจ และยังเหลือเวลาอีกระยะหนึ่งก่อนที่จะไปปักที่หัวใจและปอด วันนี้เข็มทั้งสองจะปักเข้าที่หัวใจโดยตรง และหากนำออกไปไม่ทันเวลาก็จะอันตรายถึงชีวิต”
“จะทำเช่นไรดี?” หมี่โม่หรู่ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ ริมฝีปากของเขาสั่นระริกเพราะกลัวว่าข่าวร้ายจะออกมาจากปากของซือต๋า
“วิธีการนี้ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้และง่ายมาก เพียงหาคนสองคนที่มีกำลังภายในที่แข็งแกร่งมา โดยคนหนึ่งใช้กำลังภายในดึงเข็มออกจากหัวใจ และในขณะเดียวกันก็ใช้กำลังภายในทำให้เข็มเข้าไปในหลอดเลือดของนาง และให้คนที่มีกำลังภายในที่แข็งแกร่งอีกคนค่อย ๆ ขยับเข็มในเส้นเลือดไปที่ข้อมือ แล้วข้าจะกรีดแผลเล็ก ๆ ที่ข้อมือของนาง จากนั้นเข็มก็จะถูกดึงออกจากข้อมือ”
“ข้าเอง!” หมี่โม่หรู่เหลือบมองซือต๋าอีกครั้ง “ทำคนเดียวไม่ได้หรือ”
…………………………………………………………………………..