สำรับมนตราของชายาอ๋อง - บทที่ 193 ไม่อาจควบคุมบางส่วนได้
บทที่ 193 ไม่อาจควบคุมบางส่วนได้
วันต่อมาเหยาอี๋ฮวนพานางกำนัลไปที่สวนชิงอวี้ตั้งแต่เช้าตรู่ และรอยกน้ำชามาให้นายหญิงอย่างสุภาพเรียบร้อย
หมี่โม่หรู่ไปราชสำนักแล้ว ฉินปู้เข่อมองซวงหวนพร้อมเครื่องหมายคำถามบนใบหน้า “นางกำลังวางแผนอะไรอยู่?”
“การปราบปรามของท่านอ๋องน่าจะมีผล นายหญิงไม่ต้องกังวลเพคะ นางไม่มีทางทำอะไรท่านได้อย่างแน่นอน”
ฉินปู้เข่อ “…” จริงหรือที่สตรีในสมัยโบราณต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดในสวนหลังบ้านอย่างไม่ยอมแพ้
แต่หากไม่มีอะไรทำก็สามารถเล่นกับนางได้
ฉินปู้เข่อมองเหยาอี๋ฮวนจากระยะไกลและเห็นว่านางยังคงแต่งกายด้วยชุดสีแดง ทำให้เกิดคำถามเพิ่มว่านางมีแผนจะไม่ถอดชุดวิวาห์จนกว่านางจะได้เข้าเรือนหอหรือไม่?
หลังจากเข้าใกล้นางถึงได้รู้ว่าวันนี้นางไม่ได้สวมชุดวิวาห์ แต่แค่สวมเสื้อสีแดงตัวใหญ่เท่านั้น
“ถวายบังคมพระชายาเพคะ” เหยาอี๋ฮวนคุกเข่าลงแล้วยื่นถ้วยชาในมือให้
ฉินปู้เข่อมองถ้วยชาตรงหน้า หากสตรีมีครรภ์ไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายนานก็ไม่ควรดื่มชา สตรีผู้นี้รู้หรือไม่?
เหยาอี๋ฮวนเงยหน้าขึ้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “พระชายากลัวว่าหม่อมฉันจะวางยาพิษจึงไม่กล้าดื่มมันหรือเพคะ?!”
“ใช่ ข้าไม่กล้าดื่มมัน” ฉินปู้เข่อขยิบตา “วิธีการยั่วยุของท่านหญิงนั้นไร้ประโยชน์”
เหยาอี๋ฮวนหน้าตึง “ไม่มีพิษในนั้นจริง ๆ หม่อมฉันสามารถดื่มให้ท่านดูได้เพคะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดื่มเลย” ฉินปู้เข่อบอกอย่างจริงจัง
เหยาอี๋ฮวนยกถ้วยชาขึ้นและดื่มในอึกเดียว นางจ้องมองฉินปู้เข่อและพูดว่า “หม่อมฉันบอกแล้วว่าไม่ได้วางยาพิษในชา เป็นเพราะพระชายาเองที่กังวลมากเกินไป”
“อืม ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่ได้วางยาพิษข้า” เสียงของระบบดังขึ้นในใจของฉินปู้เข่อ มุมปากของนางเหยียดยิ้ม “เจ้านี่ไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริง ๆ เลยนะ”
เหยาอี๋ฮวน “…เจ้าวางยาพิษเมื่อไร เป็นไปไม่ได้ ข้าเป็นคนชงชานี่เอง”
“เจ้ามาที่สวนชิงอวี้เพื่อชงชาหรือ” ฉินปู้เข่อชี้ไปที่ชุดน้ำชาในห้องโถงใหญ่ “ข้าเป็นคนใจแคบ เพื่อป้องกันไม่ให้นางกำนัลขโมยชุดน้ำชาจากตำหนัก ข้าจึงต้มถ้วยทุกใบที่ข้ามีด้วยน้ำพิเศษทำให้มีพิษติดอยู่ในถ้วยน้ำชา ครั้งต่อไปที่เจ้ามาก็อย่าลืมนำชุดน้ำชามาเองด้วย”
เหยาอี๋ฮวนมองฉินปู้เข่ออย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ไม่ว่านางจะมองอย่างไรก็ไม่อาจเชื่อได้ว่าสตรีที่ดูขี้ขลาดและอ่อนแอจะทำสิ่งที่กล้าหาญและชั่วร้ายได้ เมื่อวานนี้นางนั่งบนบัลลังก์โดยไม่ได้เอ่ยคำใดแม้สักคำ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเชื่อว่านางสารภาพอย่างเปิดเผยว่านางวางยาพิษตน
“เจ้ากล้าดีอย่างไรมาลอบสังหารข้า?! เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปหรืออย่างไร!”
ฉินปู้เข่อเหลือบมองนางเชื่องช้าและพูดอย่างไร้เดียงสา “ท่านหญิงอี๋ฮวน เจ้าตายแล้วหรือถึงได้บอกว่าข้าลอบสังหารเจ้า เจ้าชงชานี้เองและดื่มเอง โดยที่ข้าไม่ได้ไปแตะต้องเลย แล้วจะมาบอกว่าข้าลอบสังหารเจ้าได้อย่างไร อย่ามาตั้งข้อหาที่เป็นอาชญากรรมร้ายแรงเช่นนี้ให้ข้า”
“ข้าเพียงแค่ใช้ยาระบายเพื่อป้องกันของจากคนรับใช้ในตำหนัก และข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าท่านหญิงจะเข้าไปยุ่งกับชุดน้ำชาในสวนชิงอวี้ จุ๊ ๆ เป็นไปได้หรือไม่ว่าท่านหญิงไม่มีอะไรจะดื่ม? อย่างที่ข้าพูดไปก่อนหน้านี้ ซวงหวนของข้าจะพาไฉ่ถังไปที่ห้องเก็บของเพื่อรับชุดน้ำชาชุดใหม่ ซึ่งจะถูกบันทึกไว้ในบัญชีการเงิน และจะถูกหักออกจากเงินเดือนของท่านหญิงในตอนสิ้นเดือน”
เหยาอี๋ฮวนชี้หน้าฉินปู้เข่อพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “เจ้า เจ้า…”
ก่อนที่นางจะพูดคำหยาบจบ ท้องของนางก็เริ่มสั่น ความเจ็บปวดบริเวณท้องทำให้สีหน้าของนางเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน นางแทบจะไม่อาจควบคุมกล้ามเนื้อหูรูดของนางได้เลย
“รีบไปเร็ว!” เหยาอี๋ฮวนกุมท้องของนางและรีบพาไฉ่ถังออกไปหาห้องน้ำ
ฉินปู้เข่อแสร้งเตือนด้วยความเป็นห่วงอย่างสนุกสนาน “ท่านหญิง เจ้าต้องวิ่งช้าลงเพื่อไม่ให้มันไหล…”
ทันทีที่นางพูดจบ เหยาอี๋ฮวนก็ก้าวลงจากบันไดและกระโดดข้ามขั้นบันไดสามขั้นด้วยเท้าเดียว แรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยทำให้แผ่นหลังของนางแข็งทื่อ และบางส่วนของร่างกายนางก็สูญเสียการควบคุมไปอย่างสิ้นเชิง จึงมีของเหลวอุ่น ๆ ไหลออกมาจากร่างกายของนาง
กระโปรงส่วนบั้นท้ายเปียกชุ่มไปด้วยของเหลวสีเหลืองอย่างรวดเร็ว และสิ่งที่แย่กว่านั้นคือของเหลวนี้ยังค่อย ๆ ไหลลงมาตามขา…
กลิ่นเหม็นตลบอบอวลลอยออกมาจากร่างกายของเหยาอี๋ฮวน ไฉ่ถังปิดปากและจมูกของตน
ไม่นานนักเรื่องการปัสสาวะและการถ่ายอุจจาระของท่านหญิงอี๋ฮวนก็แพร่ไปทั่วตำหนัก และบางคนก็เริ่มคาดเดาว่าท่านหญิงผู้นี้อาจมีโรคภัยไข้เจ็บที่ไม่อาจบรรยายได้ปกปิดไว้อยู่หรือไม่…
ฉินปู้เข่อหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบน้ำอุ่นอย่างสบายอารมณ์และมีความสุข!
ยาระบายชนิดใดที่เป็นพิษบ้าง มันเป็นเพียงแค่โพรไบโอติกส์ที่อาศัยอยู่ในระบบลำไส้ ตอนนี้นางตั้งครรภ์ได้หนึ่งเดือนแล้วจึงมีอาการท้องผูก เพื่อบรรเทาปัญหาที่น่าอับอายนี้นางจึงซื้อโพรไบโอติกส์มาจากระบบ
สิ่งนี้สามารถบรรเทาอาการท้องผูกได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อชงในน้ำอุ่น แต่หากชงในน้ำชาจะทำให้เกิดอาการท้องเสียแบบหยุดไม่ได้
นางพูดยั่วโมโหอี๋ฮวนว่าในถ้วยน้ำชามียาพิษผสมอยู่ ประโยคที่ว่า ‘ตั้งครรภ์ครั้งเดียวโง่ไปสามปี’ อาจเป็นจริง เพราะช่วงนี้ความจำของนางไม่ค่อยดีนัก เพื่อป้องกันไม่ให้ลืมดื่มมันทุกวัน นางจึงใส่โพรไบโอติกส์ลงไปในน้ำเลย เพื่อให้เมื่อนางหยิบน้ำขึ้นมา น้ำนั้นก็จะเป็นน้ำอุ่นที่มีโพรไบโอติกส์ละลายอยู่
“หวนหวน ไปเดินเล่นในสวนกันเถอะ จะได้ไม่นั่งนานจนขาชาอีก” ฉินปู้เข่อยืนขึ้นยืดตัวแล้วเดินออกจากตำหนัก
ทันทีที่นางมาถึงสวน หมี่โม่หรู่ก็รีบวิ่งมาหาอย่างรวดเร็วโดยไม่แม้แต่จะเปลี่ยนชุดราชสำนักเลยด้วยซ้ำ
“เมื่อเช้านี้เหยาอี๋ฮวนมาที่นี่อีกครั้งหรือ?” เขาขมวดคิ้ว “เมื่อวานมีผู้หญิงคนอื่นคอยขวางทางให้เจ้าได้ แต่เหตุใดวันนี้เจ้าถึงปล่อยให้นางเข้ามาได้อีก?! หากนางต้องการจะทำร้ายเจ้าเหมือนเมื่อวานอีกจะทำอย่างไร?”
ดวงตาของฉินปู้เข่อฉายแววเจ้าเล่ห์ “เมื่อวานนี้ท่านพูดไปอย่างชัดเจนแล้ว ดังนั้นนางคงไม่โง่พอที่จะโจมตีหม่อมฉันโดยตรง แต่คาดว่าอีกสองสามวันนางคงไม่มาหาหม่อมฉันหรอกเพคะ”
“ไม่ได้!” หมี่โม่หรู่รู้สึกกังวลเป็นพิเศษหลังจากได้ยินคำพูดของนาง “ข้าจะแจ้งไปที่หอส่วยหยาว่าไม่ต้องการนางอีกในอนาคต และให้อยู่เพียงแค่ที่หอส่วยหยาเท่านั้น โดยไม่ให้ออกจากตำหนักตามใจชอบ ไม่ต้องกังวล ข้าจะหาโอกาสที่เหมาะสมส่งนางออกจากตำหนักโดยเร็วที่สุด”
ฉินปู้เข่อนั่งบนชิงช้าแล้วแกว่งไปมาเบา ๆ และดึงแขนเสื้อขึ้นแล้วกระซิบว่า “ท่านคิดว่าหม่อมฉันตระหนี่ ขี้อิจฉา งี่เง่าและพาลเกินไปหรือไม่…”
“ก็ใช่นะ เหตุใดข้าจะไม่รู้เล่า” หมี่โม่หรู่ใช้มือข้างหนึ่งผลักชิงช้าเบา ๆ แล้วหยุดด้วยอีกมือหนึ่งที่รอรับอยู่
ท่านอ๋องลืมรอยข่วนที่คอและเรื่องตำหนักถูกทำลายจนพังพินาศไปจนหมดสิ้น
“อ๋อ หม่อมฉันมีคำถามที่คิดขึ้นได้เมื่อไม่นานมานี้ และหม่อมฉันคิดเท่าไรก็ไม่เข้าใจ” ฉินปู้เข่อหยุดชิงช้าและกวักมือให้ชายหนุ่มมานั่งข้างนาง
หมี่โม่หรู่นั่งบนชิงช้าแล้วโอบไหล่ของนาง “อะไรหรือ?”
“ช่วงนี้ฮ่องเต้ทรงมีพระกรุณาต่อท่านอย่างมากเสียจนคาดไม่ถึง ยิ่งกว่าตอนที่เอาอกเอาใจหมี่เซวียนในตอนนั้น และเมื่อไม่นานมานี้ท่านก็แสดงท่าทางเย่อหยิ่งต่อหน้าฮ่องเต้ เหตุใดท่านจึงกล้าเผชิญหน้าเช่นนั้นเล่าเพคะ?!”
หมี่โม่หรู่หรี่ตาลงเล็กน้อย รอยยิ้มที่มุมปากของเขาค่อนข้างมีเลศนัย มีความลึกลับและค่อนข้างฉลาดแกมโกง
“อาจเป็นเพราะข้าได้กลายเป็นเหมือนอ๋องอี้คนเก่ามากขึ้นเรื่อย ๆ” เมื่อเผชิญหน้ากับฉินปู้เข่อ เขาจะไม่ปิดบังอะไรเลย
“ห๊ะ!?” ฉินปู้เข่อตกใจ “ท่านไม่ได้เกลียดชังเมื่อคนอื่นพูดว่าท่านหน้าตาคล้ายเขาผู้นั้นหรอกหรือ เหตุใด…”
……………………………………………………………………….