สำรับมนตราของชายาอ๋อง - บทที่ 195 สู้เลย สู้เลย
บทที่ 195 สู้เลย สู้เลย
การกล้าเผชิญหน้าเช่นนี้มีประโยชน์มากแม้แต่กับฮ่องเต้ต้าเซี่ยเอง เพราะจากมุมมองของฮ่องเต้ต้าเซี่ยนั้น ในช่วงเวลาที่เขาอยู่กับหมี่อี้เหิง หมี่อี้เหิงมักจะสุภาพอ่อนโยนเสมอและไม่เคยไม่เชื่อฟังเขา ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ฮ่องเต้ต้าเซี่ยรู้สึกผิดต่อหมี่อี้เหิง และหวังว่าสักวันหนึ่งหมี่อี้เหิงจะพูดว่า ‘ไม่’ กับเขาบ้าง
หลังจากเข้าใจความคิดของฮ่องเต้ต้าเซี่ยแล้ว หมี่โม่หรู่ก็รีบจับจุดได้อย่างแม่นยำ จุดที่เขาและหมี่อี้เหิงมีความคล้ายคลึงกันแต่ไม่เหมือนกัน
หมี่อี้เหิงนั้นเคยเป็นเหมือนคมดาบที่ติดอยู่ในใจของเขา แต่ตอนนี้เขาต้องการดึงคมดาบนี้ออกมาแล้วเปลี่ยนให้เป็นอาวุธที่ได้เปรียบที่สุดของเขา
ก่อนหน้านี้ที่เขาอยู่คนเดียว เขาคิดว่าไม่สำคัญหากเขาจะถูกวิพากษ์วิจารณ์และดูถูกเหยียดหยาม แต่ตอนนี้เขามีเสี่ยวเข่อและลูกแล้ว เขาจึงต้องการใช้ประโยชน์จากคมดาบนี้ให้ถึงที่สุด
ด้วยคำสั่งกักบริเวณของหมี่โม่หรู่ เหยาอี๋ฮวนจึงเงียบไปพักหนึ่งราวกับว่านางยอมรับความจริงได้แล้ว และกลายเป็นเพียงของประดับตกแต่งตำหนักอ๋องหลี่ชินเท่านั้น
วันหนึ่งหลังตื่นจากการนอนกลางวัน ฉินปู้เข่อนอนอยู่บนเตียงแล้วตะโกนว่า “หวนหวน ข้าอยากกินแตงโมเย็น~”
ไม่มีเสียงตอบรับ
ฉินปู้เข่อลุกขึ้นนั่ง เป็นไปได้หรือไม่ว่าตอนนี้ซวงหวนไปเข้าห้องน้ำ? ช่วงนี้นางกินผลไม้ที่ซวงหวนจัดเตรียมไว้ทุกครั้งที่พักเที่ยง และปากของนางก็ชินกับมันแล้ว
“ซวงหวน”
นางหาวแล้วเดินออกไป แต่นางก็ยังไม่เห็นใครในสวนชิงอวี้เลย
“อู๋หัว เจ้าเห็นหวนหวนหรือไม่” ฉินปู้เข่อเดินไปที่ประตูตำหนักแล้วเอ่ยถาม
อู๋หัวที่ยืนเฝ้าประตูคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เมื่อหนึ่งชั่วยามที่แล้วซวงหวนบอกว่าจะไปที่สวนเฉินอวี้เพื่อหาชุดสำหรับฤดูร้อนให้พระชายา ตอนนี้อากาศร้อนและเสื้อผ้าในสวนชิงอวี้ก็มีไม่เพียงพอ”
ตั้งแต่นางฟื้นจากการบาดเจ็บเมื่อเร็ว ๆ นี้ นางก็มาอาศัยอยู่ที่สวนชิงอวี้ของหมี่โม่หรู่เลย สวนเฉินอวี้จึงร้างอยู่ที่นั่น ทั้งสองคุยกันว่าหลังจากที่คลอดลูกแล้ว นางจะให้ลูกและแม่นมอยู่ในสวนเฉินอวี้ในตอนกลางคืน
อาจเป็นเพราะนางเริ่มตั้งครรภ์นานแล้ว เมื่ออากาศร้อนเหมือนในวันนี้นางจะมีเหงื่อออกเยอะแม้ไม่ได้ขยับตัวมากนัก นางจึงต้องเปลี่ยนชุดสองสามชุดทุกวัน ซวงหวนจึงย่อมกังวลเรื่องชุดสำรองของนาง
แต่นางยังไม่กลับมาแม้ว่าผ่านไปหนึ่งชั่วยามแล้วเนี่ยนะ?
ฉินปู้เข่อโบกพัดแล้วกวักมือให้อู๋หัวตามนางไป “ข้าจะไปสวนเฉินอวี้เพื่อดูว่านางต้องการความช่วยเหลือหรือไม่”
ก่อนจะถึงสวนเฉินอวี้ ฉินปู้เข่อก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง นางหรี่ตาลงและไม่สนใจที่จะดึงอู๋หัวเข้าไปด้วย แต่เดินจับท้องของตนเข้าไปยังจุดที่เสียงนั้นดังขึ้น
มันเป็นเสียงของซวงหวน
อู๋หัวรีบตามเข้าไปสนับสนุนนาง เมื่อก้าวไปเพียงสองสามก้าวฉินปู้เข่อก็เห็นซวงหวนถูกสาวใช้สองคนกดลงกับพื้นในหอส่วยหยา โดยมีเหยาอี๋ฮวนถือสิ่งที่ดูเหมือนแท่งเหล็กอยู่ในมือทุบตีนาง
“หยุดนะ!” ดวงตาของฉินปู้เข่อเต็มไปด้วยความโกรธ “ข้าบอกให้หยุด!”
สาวใช้ทั้งสองเหลือบมองนาง โดยที่มือของพวกนางยังคงไม่หยุดกดร่างซวงหวนไว้
“อ้าว พระชายามาหรือ ข้ากำลังสั่งสอนคนรับใช้อยู่พอดี” เหยาอี๋ฮวนพูดแล้วฟาดไม้ลงบนหลังของซวงหวน
ซวงหวนหน้าซีด เสียงร้องของนางแผ่วเบาเพราะนางอดทนกัดฟันไว้
ฉินปู้เข่อขมวดคิ้วแล้วพูดอย่างไม่พอใจ “ซวงหวนเป็นคนของข้า ท่านหญิงอี๋ฮวนมีสิทธิ์อะไรมาสอนบทเรียนให้นาง!”
“พระชายา บ่ายนี้ท่านหญิงของข้าน้อยต้องการดื่มซุปถั่วเขียวเพื่อคลายร้อน พวกข้าน้อยจึงเตรียมไว้สำหรับท่านหญิง แต่ข้าน้อยเจอแม่นางซวงหวนระหว่างทางและเดาว่าขณะนั้นนางคงอารมณ์ไม่ดี นางจึงผลักข้าน้อยจนล้มลง ซุปถั่วเขียวจึงหกหมดและมือของข้าน้อยก็เป็นแผลด้วยเพคะ”
ไฉ่ถังอธิบายแล้วเหยียดมือขวาออกเพื่อแสดงบาดแผลบนฝ่ามือ
“โอ้ เช่นนั้นให้ข้าดูหน่อยสิ” ฉินปู้เข่อเหลือบมองและจับมือไฉ่ถัง นิ้วของนางจิกลงบนบาดแผลแล้วใช้ประโยชน์จากความเจ็บปวดของไฉ่ถัง ด้วยการใช้มืออีกข้างตบหน้าของไฉ่ถัง
“เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงเรียกมันว่าแผลถ้ามันไม่มีเลือดออก!” เล็บยาวของฉินปู้เข่อจิกลึกลงไปในบาดแผลเล็ก ๆ แล้วเลือดก็ไหลออกมาจากบาดแผลบนฝ่ามือของไฉ่ถัง
“และข้าก็ถามเจ้านายของเจ้า เหตุใดข้ารับใช้อย่างเจ้าถึงได้ขัดจังหวะ?!”
ฉินปู้เข่อคำราม นางเป็นเสือซ่อนเล็บที่ถูกมองว่าเป็นแมวป่วย เหยาอี๋ฮวนผู้นี้สับสนและก้าวถอยหลังเล็กน้อย นางคิดว่านางจะสามารถข่มผู้อื่นได้โดยยึดมั่นในสถานะท่านหญิง นางจึงกล้าสร้างปัญหาในตำหนัก
“โอ๊ย เจ็บ” ไฉ่ถังอยากจะดึงมือเปื้อนเลือดของตนออกมา แต่นางก็ไม่กล้าใช้กำลังตามต้องการ เพราะท่านหญิงเคยบอกไว้แล้วก่อนหน้านี้ว่าเนื่องจากนางไม่อาจแตะต้องเจ้านายได้ นางก็จะทำร้ายนางกำนัลและสาวใช้แทน ดังนั้นพวกนางจึงเลือกโจมตีซวงหวนในวันนี้
ขณะเดียวกันไฉ่ถังก็ย่อมรู้ถึงความสำคัญของคำพูดเหล่านั้น และนางก็กลัวว่าจะมียาพิษอื่น ๆ อยู่ในยากลิ่นชะมดบนร่างกายท่านหญิง ดังนั้นแม้ว่าตอนนี้มือของนางจะถูกฉินปู้เข่อบีบจนเหงื่อออกด้วยความเจ็บปวด แต่นางก็ไม่กล้าที่จะผลักนางออกไปตามต้องการ
“มา เป็นเพียงแค่การสั่งสอนคนรับใช้ไม่ใช่หรือ เช่นนั้นก็มาแลกกันเถอะ เจ้าสอนคนของข้าแล้วข้าจะสั่งสอนคนของเจ้าเอง!” ฉินปู้เข่อถลกกระโปรงของนางขึ้นแล้วนั่งบนเก้าอี้หวายที่อู๋หัวยกมาไว้ข้างหลังนาง แล้วเหยียบหลังไฉ่ถังด้วยเท้าข้างหนึ่ง
เหยาอี๋ฮวนเหลือบมองฉินปู้เข่อด้วยความประหลาดใจ คนเหล่านี้ไม่อาจเอาแน่เอานอนอะไรได้ พระชายาผู้นี้ดูเหมือนจะรังแกได้ยากและน่าหงุดหงิดมากกว่าที่นางคิดไว้
เดิมทีคิดว่านางจะทำได้เพียงแค่ใช้เล่ห์เหลี่ยมวางยาพิษ คาดไม่ถึงเลยว่านางจะไม่กลัวเลือดและไม่กลัวว่าเด็กในท้องจะตกใจกลัวเลย
ฉินปู้เข่อไม่ได้คิดมากเท่ากับเหยาอี๋ฮวน นางเพียงแค่รู้สึกว่านางติดเชื้อหมี่โม่หรู่เข้าแล้ว ตั้งแต่ตั้งครรภ์นางก็อารมณ์ดีมากจนไม่หงุดหงิดมานานแล้ว และตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่จะหวนกลับมารู้สึกเลือดเดือดพล่านอีกครั้ง
“ซวงหวน เจ้ายังจำสิ่งที่ข้าเคยบอกเจ้าก่อนหน้านี้ได้หรือไม่ เจ้าได้ประเมินผลการฝึกวิทยายุทธ์ของเจ้ากับอู๋เหินเป็นประจำหรือไม่ ครั้งนี้ข้าจะให้โอกาสเจ้า หากเจ้ายังไม่ก้าวหน้าและไม่อาจเอาชนะสตรีผู้นี้ได้ก็จงออกไปให้พ้นหน้าข้าเลย!”
ฉินปู้เข่อเอนกายบนเก้าอี้หวายและมองเหยาอี๋ฮวนอย่างแข็งกร้าว “ข้าไม่เคยเห็นคนรับใช้ที่ไร้ประโยชน์เช่นเจ้ามาก่อน เจ้าจงจำไว้ว่าตำหนักอ๋องหลี่ชินแห่งนี้เป็นอาณาเขตของเจ้านายของเจ้า หากเจ้าทุบตีหรือสังหารก็ถือว่าทำเพื่อผู้เป็นนาย ฉะนั้นจงลุกขึ้นสู้ พี่สาวคนนี้จะปกป้องเจ้าเอง!”
เหยาอี๋ฮวนมองฉินปู้เข่ออย่างไม่เชื่อหูตัวเอง สตรีผู้นี้สติฟั่นเฟือนไปแล้วหรือ เหตุใดนางถึงไม่สนใจสถานการณ์และสถานะของนางเลย นางไม่กลัวว่าท่านอ๋องจะต้องรับผิดชอบหรือว่าเรื่องจะแพร่ไปถึงจวนผิงเล่อเฮ่าเลยหรือ
ก่อนที่นางจะตั้งสติได้ ซวงหวนที่ถูกสาวใช้ทั้งสองกดให้คุกเข่าอยู่บนพื้นก็ลุกขึ้นยืนทันที แล้วเดินไปตรงหน้าเหยาอี๋ฮวน ก่อนจะยื่นมือออกไปบีบข้อมือของนางเพื่อปลดไม้ในมือนางออก ก่อนจะพลิกตัวทุ่มเหยาอี๋ฮวนลงกับพื้น
“ท่านหญิง!” เมื่อเห็นเช่นนั้นไฉ่ถังก็ตะโกนออกมาเพื่อปกป้องเจ้านายของนาง
ฉินปู้เข่อออกแรงกดเท้าเหยียบย่ำนางลงกับพื้นแล้วตวาดว่า “เราตกลงกันแล้ว ข้าจะสอนบทเรียนให้เจ้าในวันนี้ อย่าตะโกนเมื่อเจ้ายังไม่อาจลุกขึ้นได้ มันจะส่งผลต่ออารมณ์ในการประเมินของข้า!”
ก่อนหน้านี้ซวงหวนเกรงว่าจะหักหน้าฉินปู้เข่อ เพราะนางกังวลเกี่ยวกับสถานะท่านหญิงของเหยาอี๋ฮวน ซึ่งทำให้ยากที่จะอธิบายต่อหน้าท่านอ๋อง ดังนั้นนางจึงปล่อยให้เหยาอี๋ฮวนรังแกตน แต่ตอนนี้เมื่อได้รับอนุญาตจากฉินปู้เข่อแล้ว และยังได้ยินว่าหากนางไม่อาจเอาชนะได้ก็จะถูกไล่ออก นางจึงตื่นตระหนกและกระโจนเข้าต่อสู้กับเหยาอี๋ฮวนด้วยมือเปล่าทันที
……………………………………………………………………………..