สำรับมนตราของชายาอ๋อง - บทที่ 2 จะเล่นละคร เจ้ายังอ่อนหัดไป
บทที่ 2 จะเล่นละคร เจ้ายังอ่อนหัดไป
“เจ้ากำลังทำอันใดอยู่!?”
หมี่เซวียนมองฉินปู้เข่อที่กำลังนั่งอยู่ข้างเตาไฟเล็ก ๆ ในห้องเก็บฟืนด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยคำถาม ในหัวเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
ฉินเสวี่ยเหลียนที่อยู่ด้านข้างเขายืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนอยู่ที่เดิม นี่มันเรื่องอะไรกัน
เวลานี้ฉินปู้เข่อต้องนอนร้องอ้อนวอนอยู่ใต้ร่างชายสองคนนั้นไม่ใช่รึ
เหตุใดภาพเหตุการณ์จึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ชายสองคนนอนสลบเหมือดอยู่กับพื้น ส่วนฉินปู้เข่อกำลังวุ่นวายกับอะไรบางอย่างในเตาใบขนาดเล็กข้างห้องเก็บฟืน
ฉินปู้เข่อมองชายหนุ่มในชุดปักลายมังกรสีม่วงตรงหน้าและคลี่ยิ้ม “องค์รัชทายาท เหตุใดท่านถึงเสด็จมายังที่แบบนี้เจ้าคะ”
“ข้าควรเป็นคนเอ่ยถามประโยคนี้ไม่ใช่รึ งานหมั้นเพิ่งจะเริ่มเจ้าก็หายตัวไปเสียแล้ว เจ้าไม่พอใจงานแต่งงานครั้งนี้มากนักหรืออย่างไร”
สายตาหมี่เซวียนลอบมองไปบนใบหน้างดงามของฉินปู้เข่อ นัยน์ตาฉายแววเย็นยะเยือก หากสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าสองมือของเขาที่กำหมัดแน่นมีเส้นเลือดปูดโปนปรากฏขึ้นด้วยแรงโทสะ
วันนี้เป็นงานเฉลิมฉลองการหมั้นของเขาและฉินปู้เข่อ แม้ว่างานแต่งงานครานี้เป็นการจัดการของท่านพ่อและมหาเสนาบดีฉิน หลังจากงานหมั้นคืนนี้ผ่านพ้นไป เขาจะกลายเป็นคู่หมั้นของฉินปู้เข่อโดยสมบูรณ์แบบ
หากแต่ตอนนี้หญิงผู้นี้กลับมาอยู่ภายในห้องเก็บฟืน มิหนำซ้ำยังมีชายสองคนที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยนอนอยู่บนพื้น นางกำลังสวมหมวกเขียวให้เขา ทำเช่นนี้มันไม่เหมือนว่าเป็นการตบหน้าเขารึ!
ฉินปู้เข่อลุกขึ้นยืน หญิงสาวคลี่ยิ้มบางย่อตัวลงเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อนหวาน “วันนี้เป็นงานเฉลิมฉลองการหมั้นของปู้เข่อและองค์รัชทายาท ปู้เข่อจึงคิดจะปรุงเครื่องดื่มแปลกใหม่ให้แก่ท่าน จึงได้ออกมาเตรียมการก่อน”
“เฮอะ เตรียมการอันใดกันถึงต้องมาทำในที่สถานที่เช่นนี้ แล้วชายสองคนนี้มาอยู่นี่ได้อย่างไร!” ฉินเสวี่ยเหลียนมองนางอย่างเย็นชา ราวกับกำลังกลั้นอารมณ์โกรธ
แผนการที่วางเอาไว้ไม่สำเร็จตามที่คาดหวัง ทำให้ตอนนี้นางอารมณ์เสียเป็นที่สุด
“ชานมเจ้าค่ะ เป็นสูตรที่ปู้เข่อเพิ่งได้ลองในวันนี้ ตอนนี้ต้มเสร็จเรียบร้อยแล้ว กำลังจะยกไปให้องค์รัชทายาทได้ลิ้มลองมัน” ฉินปู้เข่อยกชานมคลายโทสะที่อุ่นบนอยู่บนเตาขึ้นมา และหัวเราะเบา ๆ
“ท่านพี่ ข้าเข้าใจดีว่าภาพเช่นนี้อาจทำให้เข้าใจผิดได้ ข้าเองก็ทุกข์ทรมานใจเช่นกันกว่าจะยอมรับความจริงได้ ท่านลองชิมความตั้งใจของข้าสักหน่อยเถิด หลังจากนั้นจะลงโทษข้าก็ยังไม่สาย” เพิ่งทะลุมิติมาก็ต้องจัดการชายน่ารังเกียจถึงสองคน จะไม่ให้นางทรมานได้อย่างไร!
ฉินปู้เข่อช้อนสายแวววาวมองหมี่เซวียนอย่างคาดหวัง
อึก—
จิตใจของหมี่เซวียนเกิดอาการสั่นคลอน เขาไม่อาจปฏิเสธได้ว่าน้องสาวคนนี้ของฉินเสวี่ยเหลียนสวยกว่านางมาก
เมื่อเห็นสีหน้าหวั่นไหวของหมี่เซวียน ฉินปู้เข่อจึงตักชานมขึ้นมาหนึ่งช้อนและยื่นไปตรงหน้าชายหนุ่ม พร้อมเอ่ยเสียงหวาน “องค์รัชทายาท โปรดอ้าปากเถิด”
“ท่านพี่” ฉินเสวี่ยเหลียนเห็นท่าทางไม่ดี จึงรีบเตือนสติหมี่เซวียน
ชายหนุ่มพลันได้สติขึ้นมา และตวาดด้วยความเกรี้ยวกราด “นังผู้หญิงคนนี้ เจ้า…”
ชั่วพริบตา ชานมรสชาติหอมหวานก็ถูกป้อนเข้าปากไหลลงสู่ลำคอ ต่อมาความบันดาลโทสะที่เกิดขึ้นพลันมลายหายไปประหนึ่งคนลูบเส้นผมจนหายไปจนหมดสิ้น
หมี่เซวียนรู้สึกว่าร่างกายโอบล้อมไปด้วยชานมที่มีกลิ่นหอมกรุ่นของชา อารมณ์พลันสงบลง เขาเอ่ยเสียงนุ่ม “เจ้าเอาอะไรให้ข้าดื่ม อร่อยเหลือเกิน”
ตายจริง
หญิงสาวก้มมองถ้วยชานมแสนธรรมดาในมือ นี่คือเครื่องดื่มเพิ่มน้ำหนักที่นางหลงใหลปลาบปลื้ม สามารถคลายความโกรธได้จริง ๆ ด้วย
‘ติ๊ง’
ได้รับความนิยมเลิศรส 99 แต้ม สั่งซื้อลูกอมพูดความจริงอัตโนมัติหนึ่งเม็ด”
เสียงระบบดังขึ้นในหัวอีกครั้ง ในมือมีลูกอมเพิ่มมาหนึ่งเม็ด
ฉินเสวี่ยเหลียนที่อยู่อีกด้านเห็นว่าหมี่เซวียนที่เดิมที่ยังโกรธเกรี้ยวอยู่ บัดนี้อ่อนลงในพริบตา ทั้งยังอ่อนโยนต่อฉินปู้เข่ออีกด้วย จึงยื่นมือไปดึงแขนเสื้อของหมี่เซวียนทันที
นางเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาสีนิลเป็นประกายดูเหมือนมีน้ำใสเอ่อคลอ นางเอ่ยด้วยท่าทีน่าสงสาร “ท่านพี่เจ้าคะ ท่านอย่าได้โดนนางหลอก ท่านดูสิเสื้อผ้าของชายสองคนนี้หลุดลุ่ยไม่เรียบร้อย ทั้งยังเปลือยท่อนบน…”
ฉินปู้เข่อมองการแสดงอันเสแสร้งของนางแล้วได้แต่ในใจ แค่เล่นละครตบตา ข้าเก่งกว่าเจ้ามาก
นางไม่ได้ชื่นชอบเพียงการกินเท่านั้น ข้ายังชอบดูซีรีส์น้ำเน่าอีกด้วย ประเดี๋ยวจะแสดงให้เห็นว่านักแสดงที่แท้จริงเป็นอย่างไร
ดวงตาของฉินปู้เข่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใส สีหน้าเศร้าสลด นางก้มหน้าลง “องค์รัชทายาท ปู้เข่อเองไม่อาจรู้ได้ว่าทำไมบ่าวรับใช้ห้องเก็บฟืนถึงนอนอยู่ที่พื้น แต่ตอนที่ข้ามาถึงพวกเขาก็นอนอยู่ตรงนั้นแล้ว ท่านคิดดูสิเจ้า ปู้เข่อเป็นสตรีบอบบางจะมีปัญญาต่อกรกับชายฉกรรจ์เช่นนี้ได้อย่างไร”
“ข้ารู้ว่าคุณหนูจวนมหาเสนาบดีอย่างข้ามาโผล่ในห้องเก็บฟืนเป็นการทำให้จวนมหาเสนาบดีขายหน้า และทำให้องค์รัชทายาทต้องเสื่อมเสียไปด้วย…”
พูดเสร็จฉินปู้เข่อก็ก้มหน้าลง มือเรียวยาวของนางปิดปากไว้ ไหล่บางสั่นไหวเล็กน้อย
เดิมทีนางก็สวยกว่าฉินเสวี่ยเหลียนอยู่แล้ว พอทำเช่นนี้ยิ่งดูมีเสน่ห์มากกว่าฉินเสวี่ยเหลียน
รวมถึงการที่นางบอกว่านางตั้งใจเตรียมเครื่องดื่มให้เขาถึงได้มาอยู่ในห้องเก็บฟืน ยิ่งทำให้หมี่เซวียนไม่กล้าเอ่ยตำหนินาง
“ฉินปู้เข่อ เจ้าเสแสร้งอะไรของเจ้า”
ฉินเสวี่ยเหลียนเห็นหมี่เซวียนเริ่มสั่นคลอน จึงเข้าไปจับไหล่ของฉินปู้เข่อและบังคับแหงนหน้าของนาง
พริบตาเดียวที่ฉินปู้เข่อเงยหน้า หยิงสาวก็ยัดลูกอมพูดความจริงใส่เข้าปากของฉินเสวี่ยเหลียนอย่างรวดเร็วโดยมิให้ใครรู้ตัว
ความแสบร้อนแผ่ซ่านไปทั่วลำคอจนฉินเสวี่ยเหลียนทนความเจ็บปวดนั้นไม่ไหว นางสำลักไอออกมา และชี้ไปที่ฉินปู้เข่อ “เจ้าเอาอะไรให้ข้ากิน”
“สาม สอง หนึ่ง”
ฉินปู้เข่อนับถอยหลังเสียงเบา เตรียมสาดคำถามใส่นาง
“ท่านพี่พาองค์รัชทายาทมาที่ห้องเก็บฟืนด้วยเหตุอันใดเจ้าคะ ที่นี่เป็นที่ของคนรับใช้ องค์รัชทายาทผู้สูงส่งจะมาที่แบบนี้ได้อย่างไรกัน”
ฉินเสวี่ยเหลียนพยายามสงบจิตสงบใจ ระหว่างทางนางได้บอกเหตุผลกับองค์รัชทายาทไปแล้ว แค่กล่าวออกมาอีกรอบเช่นเดิมแค่นี้ก็เรียบร้อย
“ข้าสั่งให้คนตีหัวฉินปู้เข่อจนสลบ และพานางเข้ามาในห้องเก็บฟืน แล้วจ้างอันธพาล…”
ฉินเสวี่ยเหลียนยกมือปิดปากตัวเองด้วยความประหลาด นางกำลังพูดอะไร เหตุใดถึงพูดความจริงออกมา…
นางอยากจะบังคับริมฝีปากตัวเองไม่ให้พูดอะไรอีก หากแต่ตอนนี้ปากของนางไม่เป็นไปตามที่นางสั่งการเลย
“ข้าชอบองค์รัชทายาท ข้าจึงต้องการจะเป็นชายาของเขา ดังนั้นข้าจึงอยากให้ฉินปู้เข่อเสียบริสุทธิ์ และต้องการให้องค์รัชทายาทเห็นภาพที่นางโดน…”
ฉินเสวี่ยเหลียนไม่อาจสั่งการปากของตัวเองได้ คำพูดเหล่านี้ควรจะกลืนหายไปไม่ควรพูดออกมาให้ใครได้ยิน นางพูดออกมาได้อย่างไร มิหนำซ้ำยังพูดต่อหน้าองค์รัชทายาท
ฉินปู้เข่อแกล้งทำเป็นตกตะลึง นางทรุดตัวลงด้วยท่าทีน้อยใจ “ท่านพี่ องค์รัชทายาทเป็นมังกรในหมู่ปวงชน ย่อมมีหญิงสาวมากมายหลงใหลได้ปลื้มในตัวเขาอยู่แล้ว แต่ท่านพี่จะทำกับข้าเช่นนี้เพียงเพราะข้าได้รับตำแหน่งชายาขององค์รัชทายาทไม่ได้นะ”
“เพราะข้าต่างหากที่เป็นลูกสาวแห่งจวนมหาเสนาบดีอย่างแท้จริง ทั่วต้าเซี่ยแห่งนี้มีเพียงข้าที่คู่ควรกับองค์รัชทายาท ฉินปู้เข่อเป็นเพียงลูกสาวอนุภรรยา เป็นลูกที่เกิดมาจากนางคณิกาชั้นต่ำ นางกับแม่ของนางควรถูกขับไล่ออกไปจากจวนฉิน การมีอยู่ของพวกนางถือเป็นเรื่องน่าอับอายของจวนเรา นางก็เหมือนกับแม่ของนาง เป็นนังแพศยา…”
เพี๊ยะ!
ฝ่ามือกระทบลงใบหน้าฉินเสวี่ยเหลียนจนนางล้มลงกระแทกพื้น และรีบกลืนคำพูดทั้งหมดกลับไป
หมี่เซวียนมองนางด้วยแววตาประหลาดใจ “ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีจิตใจอันโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ กับน้องสาวแท้ ๆ ของตัวเองยังวางอุบายชั้นต่ำล่อลวงนางได้ คิดไม่ถึงเลยว่าภายใต้รูปลักษณ์ไร้เดียงสาจะใจดำอำมหิตเยี่ยงงูพิษเช่นนี้”
ฉินปู้เข่อยืนหลบอยู่ด้านหลังหมี่เซวียนแสดงสีหน้าล้อเลียน ทำท่าชูสองนิ้วอย่างคนชนะ
“อย่างเจ้าเรียกว่าคนชั่วย่อมถูกสวรรค์จัดการ ยกหินขึ้นมาทุ่มใส่เท้าตัวเอง หยิบไฟขึ้นมาจี้ปากตัวเอง”
ฉินเสวี่ยเหลียนคุกเข่าลงบนพื้น ขยับกรายเข้าไปดึงชายเสื้อของหมี่เซวียนไว้ พลางเอ่ยด้วยน้ำตานองหน้า “ท่านองค์รัชทายาท ท่านบอกว่าชอบเหลียนเอ๋อร์มากไม่ใช่เหรอเจ้าคะ ท่านบอกว่าที่แต่งงานกับฉินปู้เข่อก็เพราะทำตามคำสั่งฝ่าบาท ท่านยังบอกอีกว่าจะให้ข้าได้แต่งเข้าตำหนักรัชทายาทอีก”
หืม สิ่งสำคัญที่นางลืมไปก่อนหน้านี้ตอนนี้นางจำได้แล้ว
ในเศษเสี้ยวความทรงจำ องค์รัชทายาทต้าเซี่ยผู้นี้และลูกสาวมหาเสนาบดีฉินเสวี่ยเหลียนเป็นคนรักกัน และเหมือนนางจะเคยเห็นฉินเสวี่ยเหลียนกับองค์รัชทายาทลอบพบกันหลายครั้ง
ไม่แปลกใจว่าเหตุใดจึงต้องทำให้เจ้าของร่างเดิมเสื่อมเสียชื่อเสียง ที่แท้ก็เพราะอยากขึ้นตำแหน่งชายาแทนนางนั่นเอง
มิหนำซ้ำ….
ฉินปู้เข่อมองหน้าท้องที่แบนราบของฉินเสวี่ยเหลียน เมื่อครู่ตั้งแต่ที่ก้าวเข้ามา ด้านในมือของฉินเสวี่ยเหลียนก็อยู่แต่บนหน้าท้องของตนเอง
ความคิดบ้าคลั่งบางอย่างพลันแล่นเข้ามาในหัว หญิงสาวกระตุกยิ้มมุมปาก และก้าวถอยห่างจากหมี่เซวียน
องค์รัชทายาทผู้นี้ดูเหมือนเป็นผู้เป็นคน คาดไม่ถึงว่าจะเป็นคนเลวทรามต่ำช้า กินของในถ้วยแต่หวงของในหม้อ ทั้งยังหมายปองของที่ยังอยู่ในไร่
หญิงก็ร้ายชายก็เลว เช่นนั้นก็อย่าหาว่านางไม่เกรงใจแล้วกัน