สำรับมนตราของชายาอ๋อง - บทที่ 20 แม่ลูกผู้รันทด
บทที่ 20 แม่ลูกผู้รันทด
ตอนนี้เพิ่งจะก้าวออกมาจากห้องโถงใหญ่ได้ไม่นาน อีกทั้งตรงหน้าประตูและตรงทางเดินก็ยังมีบ่าวอยู่สี่ห้าคน การลงมือที่นี่ก็เกรงว่าจะสะดุดตามากเกินไป และสามารถเสียเปรียบเอาได้ง่าย ๆ ด้วย
หลังจากคำนวณอัตราที่ตนจะชนะแล้ว ฉินปู้เข่อก็ตัดสินใจอดทนไว้ก่อน หญิงสาวเช็ดเลือดที่ซึมออกมาจากมุมปาก และเอ่ยปากออกมาทั้งที่น้ำตาคลอเบ้า “ท่านแม่ใหญ่ นี่มันหมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ”
“พาเจ้าไปหาแม่เจ้าอย่างไรเล่า” ฮูหยินใหญ่มองนางอย่างโหดร้าย หญิงชรากระชากแขนฉินปู้เข่อลากเข้าไปในห้องนอนของนาง
ภายในห้อง อนุหลัวกำลังคุกเข่าอยู่บนแผ่นกระเบื้องที่แตกตระจายเต็มพื้น เมื่อเห็นฉินปู้เข่อโดนลากเข้ามาก็รีบหมอบกราบกับพื้นเพื่อวิงวอน “ฮูหยินใหญ่ ปู้เข่อยังเด็กนัก ท่านจะให้ข้าเป็นทาสรับใช้อย่างไรก็ได้ แต่ตอนนี้นางเป็นถึงชายาของท่านอ๋องเจ็ดแล้ว ท่านจะลงไม้ลงมือไม่ได้เด็ดขาด”
ตุบ!
ฮูหยินใหญ่ยกเท้าขึ้นถีบอนุหลัวจนล้มลงไปกองกับพื้น
อนุหลัวเซไปตามแรงถีบ นางจึงรีบยกมือขึ้นมาค้ำกับพื้นด้วยสัญชาตญาณ ทำให้ฝ่ามือที่ถูกกระเบื้องบนพื้นบาดจนเลือดไหลเป็นทาง
“เอาตำแหน่งชายาอ๋องเจ็ดมาข่มข้ารึ” ฮูหยินใหญ่แค่นเสียงเย็น “สภาพขี้โรคอย่างอ๋องเจ็ด ไม่แน่ว่าวันพรุ่งนี้ลูกสาวของเจ้าอาจจะกลายเป็นแม่ม่ายก็ได้ เจ้าหวังจริง ๆ หรือว่าลูกสาวเจ้าได้เป็นชายา ขึ้นเป็นพญาหงส์เหนือคนอื่นได้ แต่ที่เจ้าเอ่ยเตือนสติก็ถือว่าถูกต้อง ในเมื่อเป็นชายาก็ต้องไว้หน้านางเสียบ้าง เด็ก ๆ นำดอกเหมยหมื่นจุดมา”
ดอกเหมยหมื่นจุด?!
ในขณะที่ฉินปู้เข่อกำลังครุ่นคิดว่าของคือสิ่งนั้นคืออะไร ซวงหวนที่อยู่ด้านข้างก็สูดหายใจเข้าลึกและก้าวไปข้างหน้าพร้อมกล่าว “ฮูหยินฉิน บัดนี้ท่านชายาเป็นคนของตำหนักอ๋องหลี่ชิน หากทำสิ่งใดผิดไปก็ต้องให้ตำหนักอ๋องหลี่ชิน…”
“บังอาจ! ตั้งแต่เมื่อใดกันที่นางกำนัลมีสิทธิ์ออกความเห็นเช่นนี้!” ฮูหยินใหญ่ง้างมือขึ้นหมายจะตบซวงหวน
“หยุดนะ!” ฉินปู้เข่อก้าวเข้าไปขวางฝ่ามือของฮูหยินใหญ่ไว้ หญิงสาวถลึงตาใส่ซวงหวนและตะคอกด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ที่นี่ไม่ต้องการเจ้าแล้ว ออกไปซะ!”
ฮูหยินใหญ่ไม่เคยโดนฉินปู้เข่อต่อต้านมาก่อน ครั้นได้เห็นสีหน้าเย็นยะเยือกของฉินปู้เข่อก็พลันผงะไป เด็กคนนี้ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย
แม้จะไม่รู้ว่า ‘ดอกเหมยหมื่นจุด’ คือสิ่งใด แต่ไม่ว่าอย่างไรซวงหวนก็เป็นคนที่นางพามา ขืนนางถูกตบจนหน้าฟกช้ำออกไป เมื่อกลับตำหนักไปแล้วก็ไม่รู้จะรับผิดชอบต่อหมี่โม่หรู่อย่างไร
ฉินปู้เข่อลดมือลง ก้มหน้าหดคอด้วยท่าทางเชื่อฟัง พร้อมเอ่ยปาก “ท่านแม่ใหญ่ ท่านตบตีข้าได้ไม่เป็นไร อย่างมากก็แค่ลือออกไปว่าคนของจวนฉินต้องการสั่งสอนลูกสาวเพียงเท่านั้น”
“แม้ว่าอ๋องหลี่ชินจะร่างกายอ่อนแอเพียงใด เขาก็ถือเป็นพระราชโอรส ซวงหวนเป็นนางกำนัลที่อ๋องหลี่ชินประทานข้ามา หากผลีผลามลงโทษคนของจวนอ๋องหลี่ชินแล้วมีข่าวลือออกไปเกรงว่าจะมีการตำหนิท่านพ่อว่าไม่รู้ที่ต่ำที่สูง รังแกแม้กระทั่งพระราชโอรส”
ในขณะนั้นเอง แม่เฒ่าผู้หนึ่งยกถาดเข้ามาหนึ่งถาด ฉินปู้เข่อยังไม่ทันได้มองเห็นชัด ๆ ว่ามีสิ่งใดอยู่ในนั้น อนุหลัวก็คลานเข่าเข้าไปแทบเท้าฮูหยินใหญ่และวิงวอน
“ท่านแม่…” ฉินปู้เข่ออยากจะดึงอนุหลัวให้ลุกขึ้น แต่กลับโดนนางดึงให้คุกเข่าลงกับพื้น
“ฮูหยินใหญ่ หากท่านลงโทษข้าก็พอแล้วเจ้าค่ะ ปู้เข่อรีบขอโทษฮูหยินใหญ่สิ”
ฉินปู้เข่อเม้มปาก ตอนนี้ในหัวนางคิดอยู่อย่างเดียวคืออีกเดี๋ยวจะล้มฮูหยินใหญ่และแม่เฒ่า 4 คนในห้องนี้ด้วยความรวดเร็วได้อย่างไร
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าลูกสาวของเจ้าทำอะไรลงไป” ฮูหยินใหญ่หยิบดอกเหมยหมื่นจุดขึ้นมาและฟาดลงบนหลังของฉินปู้เข่อ
“กรี๊ด” ฉินปู้เข่อกรี้ดร้องเสียงหลง ก่อนจะกัดฟันแน่น
นี่มันของอะไรกัน นางรู้สึกเหมือนมีเข็มมากมายนับไม่ถ้วนทิ่มอยู่เต็มหลัง เจ็บจนนางไม่อาจส่งเสียงออกได้
เหงื่อเย็นหยดหนึ่งไหลซึมมาตามไรผม ใบหน้าที่แดงฝาดอยู่แล้วของฉินปู้เข่อก็เปลี่ยนไปเป็นซีดเผือด
“เพราะนาง การหมั้นหมายระหว่างเสวี่ยเหลียนและองค์รัชทายาทจึงถูกยกเลิก” ฮูหยินใหญ่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ดอกเหมยหมื่นจุดในมือฟาดลงไปอย่างหนักหน่วง
ฉินปู้เข่อเริ่มจะชินชากับความเจ็บปวดแล้ว ตัวนางก็เริ่มได้สติจากความเจ็บปวดนี้
เมื่อกี้นางคิดว่าต้องทำอย่างไรจึงจะเอาคืนที่โดนฮูหยินใหญ่ตบหน้าได้ แต่ตอนนี้ความเป็นจริงที่โหดร้ายกว่านั้นวางอยู่ตรงหน้า
หากนางตบฮูหยินใหญ่คืน จะสามารถลบความสาแก่ใจต่อความเคียดแค้นใจตอนนี้ได้ก็จริง แต่อนุหลัวจะทำอย่างไรต่อไป
ที่นางเผลอส่งเสียงร้องไปเมื่อกี้ก็ดังพอจะให้คนที่อยู่ใกล้ ๆ ได้ยิน หากแต่ไม่มีผู้ใดกล้าเข้ามาไถ่ถาม
ลานด้านหลังจวนมหาเสนาบดี ฮูหยินใหญ่คือฟ้า นางต้องการลงโทษก็สามารถทำได้ทั้งนั้น หากนาง ‘ไม่ทันระวัง’ และคร่าชีวิตของอนุหลัวไปก็คงไม่มีใครติดใจ
เฮ้อ ก่อนจะสามารถปกป้องอนุหลัวได้ นางจะสนใจแต่ตนเองไม่ได้ หากนางลงมือตอนนี้แล้วอีกเดี๋ยวกลับตำหนักอ๋องหลี่ชินไป อนุหลัวต้องโดนยายแก่อย่างฮูหยินใหญ่ตีจนตายแน่นอน
“เพราะนาง เสวี่ยเหลียนจึงต้องเสียลูกไป ทั้งจวนมหาเสนาบดีจึงต้องเป็นที่ขำขันของผู้อื่น” ดอกเหมยหมื่นจุดถูกฟาดลงมาอีกครั้ง
ฉินปู้เข่อกำหมัดแน่น นางก้มหัวเล็กน้อยทว่าตัวยังคงตั้งตรง
เวรเอ๊ย นี่มันอะไรกัน ฟาดใส่ตัวโดยไม่มีเสียง และไม่มีเลือดไหล รู้สึกเพียงมีเข็มนับพันนับหมื่นกำลังทิ่มแทงอยู่ หากแต่ละทีเล่นเอานางเจ็บจนขนลุกชัน เหงื่อไหลซึมทั่วท่วมตัว
“ฮูหยินใหญ่ ขอร้องละเจ้าค่ะ อย่าตีอีกเลยนะเจ้าคะ ปู้เข่อเจ้ายอมรับผิดเสีย ฮูหยินใหญ่จะให้อภัยเจ้า” อนุหลัวใช้ตัวปกป้องบังฉินปู้เข่อไว้ พยายามแบ่งเบาความเจ็บของนางลงได้บ้าง
“ท่านแม่ กรุณาถอยไปด้านข้างเถิด เดี๋ยวท่านจะบาดเจ็บเอา” ฉินปู้เข่อคลี่ยิ้มอ่อนแรงและปลอบอนุหลัว “ท่านแม่ใหญ่กำลังโมโหอยู่ รอให้นางระบายความโกรธจนหมด ทุกอย่างก็จะดีขึ้นเจ้าค่ะ”
ฝากไว้ก่อนเถอะ หากไม่ได้ชำระแค้นนี้นางคงมิใช่มนุษย์ ไม่ช้าก็เร็วนางจะต้องได้เอาคืนเป็นเท่าตัวอย่างแน่นอน ไม่ใช่เพียงของวันนี้แต่ความทุกข์ทรมานทั้งหมดที่เจ้าของร่างเดิมเคยได้รับนางก็จะเอาคืนให้ด้วย!