สำรับมนตราของชายาอ๋อง - บทที่ 222 ขุดคุ้ยเรื่องราวภายใน
บทที่ 222 ขุดคุ้ยเรื่องราวภายใน
หมี่อี้เหิงหัวเราะออกมา “ข้าลืมไปว่าตอนนี้ดูเหมือนข้าจะกลายเป็นคนโปร่งใสต่อหน้าเจ้าไปแล้ว แม้แต่ความคิดในใจข้าก็ไม่มีที่ซ่อน”
“ไม่ต่างกันหรอกเพคะ” ฉินปู้เข่อเขย่าขวดชาเขียวในมือ “หม่อมฉันเองก็เป็นคนโปร่งใสต่อหน้าท่านพ่อสามีเช่นกัน เป็นคนโปร่งใสที่ไม่มีความลับกับท่านเลย แม้แต่โม่หรู่ก็ไม่รู้เรื่องนี้”
ฉินปู้เข่อไม่รู้ว่าหมี่โม่หรู่ได้ล่วงรู้ความลับของระบบแล้วตอนที่นางเมา นางจึงคิดว่าหมี่อี้เหิงเป็นคนแรกที่รู้เรื่องนี้
“ดังนั้นอาหารมหัศจรรย์ทั้งหมดของเจ้าก็ถูกเสกออกมาจากอากาศหรือ?” หมี่อี้เหิงหยิบขวดชาเขียวขึ้นมาเปิดออกและดมกลิ่น
ในเมื่อนางสามารถได้ยินสิ่งที่อยู่ในใจของเขาได้ เขาจึงไม่จำเป็นต้องปิดบัง แต่มันก็น่าอึดอัดยิ่งนักเมื่อถูกสอดแนมความในใจอย่างโจ่งแจ้งด้วยวิธีนี้ ราวกับว่าสาวน้อยคนนี้จะสามารถค้นพบด้านมืดทั้งหมดในหัวใจของเขาได้
ฉินปู้เข่อกลอกตา “ท่านพ่อสามีไม่ต้องห่วงเพคะ สรรพคุณของสิ่งเหล่านี้มีเวลาจำกัด เครื่องดื่มหนึ่งแก้วสามารถออกฤทธิ์อยู่ได้นานเพียงหกชั่วยาม เมื่อหมดเวลาแล้วหม่อมฉันก็จะไม่ได้ยินสิ่งที่ท่านคิดในใจแล้ว อีกอย่างคือหม่อมฉันไม่สนใจด้านมืดของท่านหรอกเพคะ”
หมี่อี้เหิงยกยิ้มเจื่อน ๆ “ข้ามักจะลืมตัวเสมอ ข้าเคยชินกับการคิดถึงบางสิ่งในใจ”
“ทุกคนเป็นเหมือนกันหมด ตอนนี้หม่อมฉันเองก็กำลังด่าท่านในใจอย่างเงียบ ๆ แต่ท่านไม่ได้ยิน”
หมี่อี้เหิงไม่รู้ว่านางเคยมีมารยาทดีบ้างหรือไม่ “สาวน้อย เจ้าช่างไม่สุภาพเสียจริงเพราะเจ้ากล้าด่าผู้ใหญ่ สิ่งเหล่านี้ของเจ้าช่างน่าอัศจรรย์ หากเจ้าใช้มันอย่างถูกต้อง ข้าก็เกรงว่าในโลกนี้จะไม่มีอะไรที่เจ้าไม่สามารถทำได้”
“ท่านพ่อสามี หม่อมฉันไม่ได้สร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นจากอากาศ และหม่อมฉันก็ไม่ได้เป็นผู้กำหนดสรรพคุณของมันด้วย หม่อมฉันจะพูดอย่างไรดี คือว่าหม่อมฉันมีร้านขายของวิเศษเหล่านี้อยู่ในหัว และหม่อมฉันก็ซื้อพวกมันมาใช้” ฉินปู้เข่อพยายามคิดคำอธิบาย แต่สุดท้ายก็น่าจะมีน้อยคนนักที่เข้าใจคำว่า ‘ระบบ’
“นอกจากนี้ของบางสิ่งยังมีผลข้างเคียงด้วย เช่นหากหม่อมฉันสำรวจตำหนักอย่างละเอียดแล้ว จากนั้นหม่อมฉันก็กินอาหารและออกแรงสักสองครั้งก็สามารถทุบตำหนักให้พลังทลายลงได้ แต่ท่านต้องรู้ว่าหลังจากที่หม่อมฉันออกแรงไปแล้ว หม่อมฉันจะเซื่องซึมเป็นเวลาสามวัน และอาการหมดแรงสามวันนี้เป็นผลข้างเคียงที่สอดคล้องกัน”
“ดังนั้นหม่อมฉันจึงไม่อาจใช้ทักษะพิเศษของตัวเองโดยพลการได้ เหตุผลแรกคือมันทำร้ายร่างกายมากเกินไป สองคือหากใช้ของวิเศษเหล่านี้บ่อยเกินไปแล้วถูกเปิดเผยต่อหน้าสาธารณชน คนอื่นก็จะมองว่าเป็น ‘นางปีศาจ’ เหตุผลที่สามคือหากหม่อมฉันหาผลประโยชน์ด้วยการนำของไปขายต่อ มันก็ย่อมถูกผู้ที่มีเจตนาทำชั่วนำไปใช้ในทางที่ผิดอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้นข้อจำกัดยังคงมีมาก จึงสามารถใช้มันได้ด้วยตัวเองคนเดียวเท่านั้น”
ท่าทางของหมี่อี้เหิงดูนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “วันนี้เจ้าใช้ประสาทสัมผัสในการดมกลิ่นและการฟังของเจ้า ดังนั้นพรุ่งนี้เจ้าจะไม่ได้กลิ่นหรือได้ยินเสียงอีกใช่หรือไม่?”
“เพคะ” ในเมื่อพูดทุกอย่างไปหมดแล้ว ฉินปู้เข่อจึงยอมรับอย่างง่ายดาย
“ดังนั้น ท่านพ่อสามี…” เมื่อเห็นท่าทางสงบของหมี่อี้เหิง ฉินปู้เข่อก็ถือโอกาสกระชับความสัมพันธ์ “ท่านต้องการเรียกหมี่เหิงมาตอนนี้หรือไม่ แล้วหม่อมฉันจะช่วยให้ท่านได้ยินสิ่งที่เขาคิดในใจ องค์ชายที่ค้นพบตัวตนของท่านและสามารถซ่อนท่านไว้อย่างมิดชิดกำลังคิดทำการใดอยู่”
หมี่อี้เหิงเผยรอยยิ้ม “สาวน้อย เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาจงใจซ่อนข้าไว้เพื่อพยายามเอาเปรียบข้า แทนที่ข้าจะตั้งใจทำให้เขาเป็นหุ่นเชิดของข้า”
“เอ่อ ท่านมีโม่หรู่อยู่แล้วไม่ใช่หรือ แล้วเหตุใดท่านถึงเลือกสนับสนุนหมี่เหิง?” ฉินปู้เข่อเอียงหูอย่างจริงจัง แต่ในขณะนี้หมี่อี้เหิงไม่ได้มีความคิดพิเศษใด ๆ อยู่ในใจของเขาเลย
…………………………………………………………………………….