สำรับมนตราของชายาอ๋อง - บทที่ 246 ทัณฑ์ทุบกระดูก
บทที่ 246 ทัณฑ์ทุบกระดูก
บทที่ 246 ทัณฑ์ทุบกระดูก
พูดจบแล้วก็เกาศีรษะ และพูดด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง “ไม่รู้ว่าเริ่มชอบเมื่อใด รู้สึกราวกับถูกปีศาจครอบงำ ไม่ว่าจะหนีไปที่ใดก็ไม่อาจหลบซ่อนความรู้สึกของตัวเองได้ ในใจจึงคิดถึงนางอยู่เสมอ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหมี่อี้เหิงดูจริงใจมากขึ้น “ข้าไม่นึกเลยว่าหลังจากยอมเปิดใจแล้วอาเฉินจะอ่อนโยนถึงเพียงนี้ ตอนที่นางอยู่เคียงข้างโม่หรู่ในอดีต นางเห็นเพียงความดีของโม่หรู่เท่านั้น แต่ในอนาคตหากนางอยู่เคียงข้างเจ้า นางก็ย่อมมองเห็นความดีของเจ้า เจ้าคิดว่านี่เป็นความจริงหรือไม่?”
“ใช่ ข้าไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้าเจ็ดแน่นอน” หมี่เฉินอี้พูดตามความคิดของตนเอง และหมกมุ่นอยู่กับความปรารถนาที่จะอยู่กับฉินปู้เข่อ
อาจจะเป็นดั่งที่อาเหิงพูด ความแตกต่างระหว่างเขากับเจ้าเจ็ดก็คือเขามาสายกว่าแค่ไม่กี่วัน
“ให้ข้าช่วยเก็บรักษานางไว้ให้เจ้าดีหรือไม่?” รอยยิ้มที่มุมปากของหมี่อี้เหิงดูมืดมนขึ้นเล็กน้อย “ทำให้นางลืมโม่หรู่ไปจนหมดสิ้นและทำตามเจ้าทุกอย่าง ดีหรือไม่?”
“ลืมโม่หรู่ไปจนหมดสิ้นหรือ?” หมี่เฉินอี้คนปัจจุบันไม่มีสติเลย และถูกหมี่อี้เหิงจูงจมูกนำทางไปเรียบร้อย
“อาเฉิน เจ้าอุทิศตนทำงานให้ต้าเซี่ยมาหลายปีแล้ว สตรีผู้นี้คือสิ่งที่เจ้าคู่ควร และเจ้าต้องวางแผนเพื่อให้ชีวิตมีความสุขในอนาคต” คำพูดของหมี่อี้เหิงค่อย ๆ กัดเซาะจิตใจของหมี่เฉินอี้ทีละนิดราวกับยาพิษ
“ข้ามีวิธีที่จะทำให้นางลืมโม่หรู่ไปจนหมดสิ้น ส่วนหมิงเอ๋อร์ก็ให้อยู่กับข้าและปล่อยให้นางลืมไป เจ้าเพียงแค่ต้องใช้ชีวิตใหม่กับนาง ตกลงหรือไม่?”
หมี่เหิงที่ถูกปิดปากข้างเขาจ้องมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างตกตะลึง กระบวนการล้างสมองภายในไม่กี่นาทีนี้ทำให้เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอ๋องอี้ผู้นี้เลย
ยิ่งกว่านั้นคืออ๋องอาวุโสทั้งสองนี้ คนหนึ่งกำลังคิดร้ายกับลูกสะใภ้ของตัวเองอย่างเห็นแก่ตัว ส่วนอีกคนก็เต็มใจอยากจะได้สะใภ้ของหลานชายตัวเองมาครอบครอง ทั้งสองประเด็นที่ถูกพูดคุยต่อหน้าเขานั้นละเมิดหลักจริยธรรมอย่างรุนแรง
หมี่เหิงรู้สึกว่าตนเองอยู่ไม่ห่างไกลจากการฆ่าปิดปาก
อ๋องอี้จะฆ่าเขาโดยไม่คำนึงถึงสถานะองค์รัชทายาทของเขาจริงหรือ และหมี่เฉินอี้เป็นความหวังสูงสุด ดังนั้นเขาคงไม่ปล่อยให้ตัวเองถูกฆ่า
เมื่อหมี่เฉินอี้กำลังจะอ้าปากตอบว่า “ตกลง” หมี่เหิงก็พยายามส่งเสียงร้องขอชีวิต “เอ่อ…”
เสียงที่ขัดจังหวะนี้ปลุกหมี่เฉินอี้ให้หลุดจากความปรารถนาของเขา และตื่นจาก ‘ยาพิษแห่งความฝันอันหวานชื่น’ ที่หมี่อี้เหิงหว่านเอาไว้
เขากัดริมฝีปากและวิเคราะห์วิธีที่จะทำให้ฉินปู้เข่อลืมโม่หรู่อย่างมีเหตุผล
หากฉินปู้เข่อเริ่มคิดที่จะลืมเขาเองก็คงเป็นเพราะโม่หรู่ได้ทำผิดกับนาง ซึ่งหญิงสาวจะต้องเกลียดชังหมี่โม่หรู่อย่างแน่นอน และจะอยู่กับเขาเพื่อแก้แค้น หากนางเป็นปกติแล้ว สักวันหนึ่งนางก็จะนึกถึงโม่หรู่และลูก ซึ่งตามนิสัยของนาง หากถึงเวลานั้น นางจะเกลียดตัวเองอย่างแน่นอน
“อาเหิง ข้า ข้าไม่คิดเช่นนั้น” มันเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากสำหรับเขา แต่เขารู้นิสัยของแม่สาวน้อยดี หากเขาตัดสินชะตากรรมในอนาคตของนางโดยไม่เคารพความปรารถนาของนาง เขาก็คงได้กลายเป็นคนแปลกหน้าไปโดยปริยาย
หมี่อี้เหิงเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย สายตาของเขาเหลือบมองไปยังหมี่เหิงที่กำลังคร่ำครวญ และในที่สุดก็มองไปยังดวงตาสดใสของหมี่เฉินอี้
อ่า ต้องมีสติ
ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้จะเติบโตขึ้นมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และคำนึงถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายด้วย
“หากเป็นเช่นนั้น… ก็ลืมมันไปเถอะ” ความผิดหวังฉายแววออกมาจากดวงตาของชายหนุ่ม หมี่อี้เหิงยกยิ้มในใจพลางคิดว่ายังพอมีที่ว่างสำหรับการโน้มน้าว
หากไม่ใช่เพราะมีเสียงโง่เขลามาขัดจังหวะให้เขามีสติ ตอนนี้เขาคงทำสำเร็จไปแล้ว
หมี่อี้เหิงยืนขึ้นแล้วเหลือบมองหมี่เหิงอย่างเย็นชาและพูดว่า “เจ้าบอกว่าโม่หรู่กำลังตกอยู่ในอันตรายและต้องการให้ข้าไปเจอกับเขาไม่ใช่หรือ ไปกันเถอะ”
“ตกลง” หมี่เฉินอี้คิดว่าจะถูกเขาตำหนิ และคาดไม่ถึงว่าจะสามารถเรียกเขาออกไปได้ในเวลานี้ ตอนนี้เขาจึงค่อนข้างพอใจ
สำหรับหมี่อี้เหิงนั้น เขาคิดว่าหมี่เฉินอี้ยังคงมีกังวลเรื่องพี่น้องอยู่ในใจ ยิ่งเขาโตขึ้นก็ยิ่งลึกซึ้งมากขึ้น หลังจากห่างหายกันไปหลายปีก็เห็นได้ชัดว่าความเป็นห่วงพี่ของหมี่อี้เหิงชัดเจนมากขึ้น
ทันทีที่ทั้งสองเดินออกจากประตู ชายชุดดำที่คุมตัวหมี่เหิงก็จากไปด้วย
หมี่เหิงที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นตกตะลึง พวกเขาทิ้งตนไว้เช่นนี้เหรอ? แล้วสามารถกลับตำหนักได้หรือไม่ หากเขากลับตำหนักได้ เขาต้องแก้แค้นที่ต้องมาทนทุกข์อยู่ในห้องนี้อย่างสาสม!
ราวกับว่ามีคนได้ยินสิ่งที่เขาคิด ชายชุดดำที่ออกไปแล้วเดินกลับมาที่ประตู
“นายท่านสั่งให้ข้ากำจัดท่าน ท่านผู้สูงศักดิ์โปรดอดทนกับข้าด้วย ข้าไม่ค่อยคุ้นเคยกับงานนี้มากเท่าใดนัก” ชายชุดดำกล่าวด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย
เมื่อหมี่เหิงได้ยินเช่นนั้นก็ขนหัวลุก “บังอาจ! ทาสชั้นต่ำเช่นเจ้าก็รู้ว่าข้าคือองค์รัชทายาทแห่งราชวงศ์! ลืมตาสุนัขของเจ้ามองให้ชัด! เจ้านายของเจ้าเป็นเพียงคนสมควรตายสองคน เจ้าต้องคิดออกว่าควรจะรับใช้ผู้ใดมากกว่า! ข้าผู้นี้คือ… อ๊าก!”
เอ็นร้อยหวายฉีกขาด หมี่เหิงกรีดร้อง และน้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนไป
“ชายผู้แข็งแกร่ง หากเจ้าปล่อยข้าไป ข้าสัญญาว่าเจ้าจะร่ำรวยและได้ยศ เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นองค์รัชทายาท เมื่อเสด็จพ่อสิ้นพระชนม์ ข้าก็จะสืบทอดราชบัลลังก์และตอบแทนเจ้าด้วยทองคำ! เหล่าหญิงงาม! หรืออะไรก็ได้ที่เจ้าอยากจะ… อ๊ากกก!!!”
คราวนี้กระดูกข้อต่อหัวเข่าถูกบดขยี้จนแหลกละเอียด
หมี่เหิงมองเข่าเปื้อนเลือดของตัวเอง หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นผุดซึม ชายหนุ่มดิ้นทุรนทุรายพยายามคว้าชายชุดดำเพื่อพยายามจะหยุดเขาไม่ให้ทำการสังหารต่อไป
“แม่ทัพใหญ่ ข้ายอมให้เจ้าได้เป็นแม่ทัพใหญ่ปกป้องอาณาจักร นั่นเป็นสิ่งที่เจ้าจะไม่มีวันได้รับต่อให้ฝึกฝนไปชั่วชีวิต เจ้ารีบหยุดเถิด คำพูดของข้ามีความหมาย ข้ามีตราประทับประจำตัวอยู่ที่เอวและข้าสามารถเขียนให้เจ้าได้…”
ชายชุดดำแสยะยิ้มมุมปาก ก่อนจะดึงผ้าสีดำผืนใหญ่ที่ปิดบังใบหน้าของเขาออกด้วย
“ท่านผู้สูงศักดิ์ ในตำหนักบูรพาไม่มีบัลลังก์ให้ท่านนั่งอีกต่อไปแล้ว หลังจากวันนี้ท่านไม่ควรจะมีฝันหวานเช่นนี้อีก” ด้วยแรงเพียงเล็กน้อยจากมือของเขา กระดูกข้อต่อหัวเข่าอีกข้างของหมี่เหิงก็ถูกบดขยี้จนแหลก
หมี่เหิงเจ็บปวดจนพูดอะไรไม่ออก เขานอนลงบนพื้นและยกมือขึ้นปฏิเสธที่จะสละสิทธิ์ขององค์รัชทายาทเป็นครั้งสุดท้าย “ข้าจะทำให้เจ้าตายด้วยวิธีพันมีดหมื่นแล่[1]! ข้า…”
“ใช่ มันขึ้นอยู่กับองค์รัชทายาทเช่นท่านที่จะสั่งเสียไว้ เช่นนั้นก็จงรอจนกว่าท่านจะสามารถเรียกคนของท่านให้มาช่วยได้ก็แล้วกัน” ชายชุดดำตัดเอ็นร้อยหวายที่เท้าอีกข้างอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเช็ดกริชเปื้อนเลือดบนตัวของหมี่เหิงแล้วเดินออกไป
ก้าวออกไปเพียงสองก้าว ชายชุดดำก็กลับมาเป็นครั้งที่สอง
“ท่านผู้สูงศักดิ์ ข้าต้องโยนท่านเข้าไปอยู่ในห้องว่างอีกห้องหนึ่ง ท่านทำให้ห้องของนายท่านเลอะเทอะ และนายท่านจะไม่พอใจเมื่อท่านกลับมา”
หลังการจุดธูปแล้วห้องของหมี่อี้เหิงก็กลับมาเป็นปกติ ธูปที่ถูกจุดขึ้นใหม่ขจัดกลิ่นเลือดสุดท้ายในห้องออกไป หมี่เหิงนอนหงายอยู่บนพื้นในห้องที่อยู่ไม่ไกล และยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดอ๋องถึงกล้าโจมตีเขาที่มีสถานะเป็นองค์รัชทายาทแห่งราชวงศ์อย่างซึ่ง ๆ หน้าได้
ในตำหนักของอ๋องหลี่ชิน มือสังหารที่ควรจะถูกจับกุมในตอนกลางคืนได้ถูกจับกุมแล้ว ส่วนคนที่ไม่ควรจะถูกจับได้ก็หลบหนีไปแล้ว ส่วนพวกที่หลบหนีไม่ทันก็ดื่มยาพิษปลิดชีพตนเอง
“ฝ่าบาท คนเหล่านี้เป็นคนขององค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ”
“ของหมี่เหิงหรือ?” เสียงของฮ่องเต้ต้าเซี่ยโศกเศร้าอย่างสุดจะพรรณนา “ไม่เสียแรงที่ข้าเลือกคนมาเป็นองค์รัชทายาทอย่าง ‘พิถีพิถัน’ คนหนึ่งฆ่าแม่ตัวเองส่วนอีกคนหนึ่งจะฆ่าพ่อตัวเอง ช่างยอดเยี่ยมเสียนี่กระไร”
“ฝ่าบาท อาการบาดเจ็บของอ๋องหลี่ชินควบคุมได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงเฒ่ากลับมารายงาน
…………………………………………………………………………..
[1] พันมีดหมื่นแล่ การประหารชีวิตรูปแบบหนึ่งของประเทศจีนในช่วงปี 900 AD กระทั่งถึงปี 1905 จึงได้มีการยกเลิก การประหารวิธีนี้จะฆ่านักโทษโดยการแล่เนื้อออกเป็นชิ้นบาง ๆ อย่างช้า ๆ จนถึงกว่าจะถึงความตาย แม้ว่าตายแล้ว ก็ยังคงไม่หยุดแล่