สำรับมนตราของชายาอ๋อง - บทที่ 251 ต้องมีความสุขให้มากขึ้น (จบบริบูรณ์)
ตอนที่ 251 ต้องมีความสุขให้มากขึ้น (จบบริบูรณ์)
ตอนที่ 251 ต้องมีความสุขให้มากขึ้น (จบบริบูรณ์)
วังน้ำพุร้อน
หมี่อี้เหิงลืมตาขึ้น แต่ก่อนที่เขาจะลุกขึ้น หมี่เจ๋อเฉินในห้องชั้นนอกก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว เขาจึงวางสิ่งที่กำลังทำลงแล้วเดินเข้าไป
“ฝ่าบาท…”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หมี่เจ๋อเฉินก็ขมวดคิ้วและวางหมอนนุ่ม ๆ ไว้ข้างหลังเขาอย่างคุ้นเคย ทำให้เขานอนเอนกายอยู่บนเตียง
หมี่อี้เหิงยกยิ้ม “คราวนี้ข้านอนไปกี่วัน”
“ไม่มากหรอก ห้าวัน” หมี่เจ๋อเฉินตอบก่อนจะหยิบภาชนะบนเตาเล็กข้างเขามาเทยาต้มให้ “อุณหภูมิกำลังพอดี ดื่มเองเถิด”
“โม่หรู่กลับไปแล้วหรือ” หมี่อี้เหิงเงยหน้าขึ้นถามหลังจากดื่มยาต้มแล้ว พลางลิ้มรสความขมในปากของตน
“กลับไปถึงเมื่อบ่ายวันก่อน”
หมี่อี้เหิงกล่าวว่า “มันจะดีกว่าหากเขากลับไปช่วยอาเฉินให้เร็วกว่านี้ เขาถอนหายใจอย่างทุกข์ระทมท่ามกลางกองหนังสือรายงานทุกวัน ทว่าเหตุใดฝ่าบาทไม่รีบเสด็จกลับไปล่ะ”
“ตอนนี้ข้าแทบไม่มีอะไรต้องทำที่นั่นเลย อาเฉินและเจ้าเจ็ดสามารถจัดการมันได้ แต่หลังปีใหม่นี้ท่านต้องช่วยข้าเกลี้ยกล่อมอาเฉิน” หมี่เจ๋อเฉินรู้สึกกังวลเล็กน้อย
เมื่อเห็นสีหน้าเศร้าสร้อยของเขา หมี่อี้เหิงก็ยกมุมปากคลี่ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “เจ้าพร้อมจะเลือกพระชายาให้กับอาเฉินอีกแล้วหรือ? ปีที่แล้วใช้วิธีสกัดจุดเขาแล้วลากเขาเข้าไปในห้องโถงไปแล้ว ปีนี้วิธีนี้คงใช้ไม่ได้ผลแน่นอน”
“เช่นนั้นข้าจะวางยาเขา” หมี่เจ๋อเฉินดูมุ่งมั่นและน่าเกรงขาม “ข้าแค่ไม่รู้ว่าจะวางยาเขาด้วยยาปลุกกำหนัด หรือให้เขากินยาเลยแล้วโยนสตรีผู้หนึ่งเข้าไปอยู่กับเขาดี”
หมี่อี้เหิงส่ายหน้า “เจ้าคิดวิธีวางยาเขาแล้ว แล้วเหตุใดถึงอยากให้ข้าช่วยเกลี้ยกล่อมเขาอีกล่ะ?!”
“การวางยาเป็นทางเลือกสุดท้ายไม่ใช่หรือ ท่านต้องลองดูก่อนว่าเขาจะพูดอย่างไร และไม่ต้องไปสนใจแม่ของหมิงเอ๋อร์เลย” หมี่เจ๋อเฉินก็ส่ายหน้าเช่นกัน “ไม่เห็นหรือว่าที่ผ่านมา คนผู้นี้ยังคงเป็นคนที่มีรักมั่นคง”
“หรือว่า…” เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกะพริบตา “เจ้าไปเกลี้ยกล่อมให้เจ้าเจ็ดช่วย ข้าเห็นว่าสามีภรรยาคู่นี้ไม่ปฏิเสธอาเฉิน และทัศนคติของแม่สาวน้อยที่มีต่ออาเฉินก็ค่อนข้างดี เหตุใดจึงไม่… ให้เจ้าเจ็ดหย่าร้างเป็นเวลาหนึ่งปีครึ่ง อย่างน้อยก็ให้อาเฉินมีชายาก่อน…”
หมี่อี้เหิงกลอกตาก่อนจะหัวเราะ “ความคิดของเจ้าช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก”
“เอ๊ะ นี่ไม่ได้เป็นเพราะถูกแม่สาวน้อยล้างสมองหรอกนะ” ใบหน้าของชายวัยกลางคนเริ่มร้อนผ่าว
ในตอนแรกเขาไม่รู้ว่าเหตุใดฉินปู้เข่อถึงได้กล่าวว่า ‘รักแท้ไร้ซึ่งพรมแดน รักแท้ปราศจากเพศ’ เขาจึงทิ้งอาเหิงไว้ข้างหลัง นี่เป็นครั้งแรกในรอบสี่สิบหรือห้าสิบปีที่เขาตรวจสอบหัวใจของตัวเองอย่างแท้จริง
“สองคนนี้ปฏิบัติต่ออาเฉินในฐานะผู้อาวุโสเท่านั้น หากคิดจะทำเช่นนั้นจริง แม่สาวน้อยจะเป็นคนแรกที่คัดค้าน” หมี่อี้เหิงโบกมือ “ทิ้งความคิดนี้ไปก่อนน่าจะดีกว่า มาดูกันว่าในอีกสองปีอาเฉินจะเปลี่ยนใจหรือไม่”
“ไม่เป็นไร ตอนนี้ข้าไม่อาจควบคุมคนอื่นได้แล้ว แค่คอยดูแลอยู่เคียงข้างท่านเพื่อช่วยให้ท่านไม่ต้องเตรียมตัวจากไปทุกครั้งที่พิษกำเริบจนหายใจไม่ออกได้ก็พอแล้ว!” หมี่เจ๋อเฉินถอนหายใจเบา ๆ “อย่าได้ปิดบังข้าอีกต่อไปเลย”
หมี่อี้เหิงยืนขึ้นและส่ายตัวไปมา “เจ้าไม่ต้องกังวล ไม่ถึงตายหรอก แม้มันจะดูน่ากลัว แต่ข้าก็เป็นมาหลายปีจนข้าชินกับมันแล้ว”
ด้วยลักษณะนิสัยเช่นนี้ หัวใจของหมี่เจ๋อเฉินจึงรู้สึกราวกับถูกบีบอย่างรุนแรง เขายืนขึ้นและเดินตามหลังหมี่อี้เหิงไป ก่อนจะซบหน้าผากกับหลังของอีกฝ่าย “มีคำพูดอีกประโยคหนึ่งของแม่สาวน้อยที่ค่อนข้างถูกต้อง ชีวิตนั้นช่างแสนสั้น เราพลาดมาเกือบทั้งชีวิตแล้ว ดังนั้นในอีกสิบปีข้างหน้าเราต้องใช้ชีวิตที่เหลือให้ดีที่สุด”
“อืม ต้องมีความสุขให้มากขึ้น”
[การพูดนอกเรื่องของผู้เขียน] สันนิษฐานว่าผู้อ่านที่คอยติดตามน่าจะได้เห็นเบาะแสของตอนอวสานแล้ว
ดูเหมือนว่าแม้ฉันจะเขียนเรื่องนี้จบแล้ว แต่ก็ดูราวกับว่ามันยังคงไม่จบ ทุกวันนี้เมื่อฉันหลับตาลงก็จะมีเสียงในหัวของฉันดังขึ้นว่า
สุดท้ายมันน่าจะยังมีอีกหลายตอน
หวังว่าทุกคนจะชอบนะ
ฉันหวังว่าเรื่องต่อไปจะยังได้รับการสนับสนุนจากคุณ
ขอบคุณ
…………………………………………………………………………..