สำรับมนตราของชายาอ๋อง - บทที่ 34 เจ้านี่วรยุทธสูงส่ง
ตอนที่ 34 เจ้านี่วรยุทธสูงส่ง
“อ๋องคังชินเขียนได้มีความสุขเหลือเกินนะ ให้ข้าหยิบพู่กันให้ท่านอีกด้ามดีหรือไม่” หมี่โม่หรู่หรี่ตามองหมี่ฉงพร้อมคลี่ยิ้มบาง
เหงื่อเย็นเม็ดหนึ่งไหลผ่านหลังใบหูของหมี่ฉง เขาหัวเราะแห้ง ๆ “เปล่า ข้า เอ่อ เจ้าดูนี่…”
เขาฉีกหนังสือหย่าฉบับใหม่ที่เขียนไปได้ครึ่งหนึ่งอย่างลนลาน ก่อนจะหยิบหนังสือหย่าฉบับที่ฉินปู้เข่อเขียนขึ้นมาและพูดด้วยท่าทีขึงขัง “นี่นางเขียนอะไรกันนี่ คำผิดเป็นพรวน การเรียบเรียงประโยคก็ไม่ลื่นไหล ดูก็รู้ว่าเขียนโดยผู้ที่หยาบโลนไร้การศึกษา…”
อากาศโดยรอบหนาวเย็นขึ้นอีกครั้ง หมี่ฉงอดตัวสั่นไม่ได้ เขารีบอธิบายออกมา “ข้าไม่ได้หมายความว่าน้องสะใภ้เป็นคนหยาบโลน ข้า…คือว่า…”
หมี่โม่หรู่มีสีหน้าอึมครึม ชายหนุ่มขยับนิ้วเล็กน้อย หมี่ฉงที่กำลังจะหนีจากห้องหนังสือจึงยืนตัวแข็งทื่อ
“เจ้าเจ็ด คลายให้ข้าเร็ว น้องเจ็ด ข้าผิดไปแล้ว…” หมี่ฉงเหงื่อซึมออกมาด้วยความหวาดกลัว ร้องขอความเมตตาไม่หยุด “โม่หรู่ พี่สามรู้ว่าฝีมือสกัดจุดของเจ้าเยี่ยมยอดหาใครเปรียบ พรุ่งนี้แล้วกันโม่หรู่ พรุ่งนี้ข้าจะพาน้องสะใภ้ไปเลี้ยงเสี่ยวหลงเปาเป็นอย่างไร หมิงเทาเยี่ยน พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าและน้องสะใภ้ไปเลี้ยงที่ร้านหมิงเทาเยี่ยน”
เจ้าหมี่โม่หรู่มีพรสวรรค์ด้านวรยุทธอยู่พอสมควร สมัยที่พวกเขาสองคนเล่าเรียนกับอาจารย์คนเดียวกัน หมี่ฉงแพ้ประลองในทุก ๆ ปีอย่างไม่ต้องสงสัย
มิหนำซ้ำจุดที่หมี่โม่หรู่สกัดก็ไม่เคยเหมือนกับคนปกติเลย หากโดนเขาสกัดจุดนานหนึ่งก้านธูป แขนขาก็จะชาไป 2-3 วัน
หมี่โม่หรู่เข็นเก้าอี้เลื่อนของตนช้า ๆ และดึงหนังสือหย่าที่เขียนได้ยุ่งเหยิงฉบับนั้นออกจากมือของหมี่ฉง ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก “พี่สาม ท่านว่าพระชายาของข้าน่าสนใจมากใช่หรือไม่”
หมี่ฉงกะพริบตาปริบ ๆ อย่างบ้าคลั่งเพื่อแสดงว่าเห็นด้วย “น่าสนใจ น่าสนใจ”
“ ‘พรุ่งนี้มีไม่จบไม่สิ้น พรุ่งนี้แล้วพรุ่งนี้เล่า’ พี่สามรอข้าในห้องหนังสือก่อนสักครู่ หลังจากข้าจัดการเรื่องหนังสือหย่าเสร็จแล้วเราค่อยไปทานข้าวที่หมิงเทาเยี่ยนด้วยกัน เป็นอย่างไร”
ขณะที่พูด อู๋เหินที่เฝ้าอยู่หน้าประตูก็เข็นหมี่โม่หรู่ออกจากห้องหนังสือ
“ได้ ไม่มีปัญหา วันนี้เลย เจ้าเจ็ด เจ้าเจ็ด…เจ้าคลายจุดให้ข้าก่อน ข้าขอนั่งรอ เจ้าเจ็ด…”
ณ สวนเฉินอวี้
ฉินปู้เข่อกำลังเก็บสินสอดของตนเอง นางวางแผนไว้แล้วว่าหลังจากได้หนังสือหย่าแล้วจะไม่กลับไปที่จวนมหาเสนาบดีฉิน นางจะเปลี่ยนสินสอดเป็นเงิน ท่องเที่ยวไปทั่วสารทิศ มีความสุขเสียเหลือเกิน
“ท่านอ๋องเสด็จ”
ฉินปู้เข่อคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย นางเปิดประตูห้อง “ท่านอ๋อง ท่านลงนามแล้วให้ซวงหวนไปเอาก็ได้เพคะ ไฉนต้องนำมาให้ถึงที่ด้วย”
อู๋เหินเข็นหมี่โม่หรู่เข้าไปในห้อง ก่อนจะถอยออกไปและปิดประตูห้องให้สนิท
“ข้าตกลงจะลงนามในหนังสือหย่านี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน” หมี่โม่หรู่ยืนขึ้นจากเก้าอี้เข็นค่อย ๆ เดินเข้าไปหาฉินปู้เข่อ
“เฮอะ ๆ ท่านอ๋องแค่ลงนามครู่เดียว ไม่เสียเวลาหรอกเพคะ หากยุ่งมากจริง ๆ แค่ประทับรอยนิ้วมือก็ได้เพคะ” ฉินปู้เข่อหัวเราะแห้ง ๆ และถอยหลังสองก้าวด้วยสัญชาตญาณ
“ข้าจำได้ว่าเหมือนเจ้าจะล่วงรู้ความลับอย่างหนึ่งของข้านะ”
ฉินปู้เข่อยกมือขึ้นมือปิดตาและส่ายหัวไปมา “เปล่าเพคะ หม่อมฉันไม่รู้อะไรเลย ไม่เห็นอะไรเลยเพคะ”
เวรกรรม ในเมื่อไม่อยากให้ข้ารู้ก็นั่งบนเก้าอี้เข็นต่อไปสิ ยืนต่อหน้าข้าบ่อย ๆ แบบนี้เพื่ออันใดกัน ฉินปู้เข่อบ่นกับตนเอง
“งั้นรึ” หมี่โม่หรู่กระตุกยิ้มมุมปาก จ้องฉินปู้เข่อตรงหน้าที่ปิดตาปฏิเสธเสียงแข็ง “เอามือออก”
“ไม่เพคะ” เอามือออกก็เท่ากับต้องเห็นอีกครา นางไม่หลงกลหรอก
“เอาออก”
“ไม่เพคะ”
ไม่นานต่อมาฉินปู้เข่อก็พบว่านางขยับนิ้วไม่ได้ จากนั้นมือของนางที่ปิดตาอยู่ก็โดนใครบางคนดึงออกไป
นี่มันอะไรกัน? สกัดจุดในตำนานรึ?!
ของแบบนี้มีจริงหรือนี่
“หลังจากนี้ขอให้พระชายาทำตามในสิ่งที่ข้าบอกด้วย” หมี่โม่หรู่ยิ้มอย่างชั่วร้าย เขายกมือจิ้มหน้าผากนาง “หากพระชายาซุกซนเกินไป ข้าจะลำบากใจมาก”
“อือ…” ฉินปู้เข่อพบว่าตนเองไม่อาจส่งเสียงได้
“อ๋อ ขออภัย ข้าไม่ทันระวังสกัดจุดใบ้ของเจ้าไปด้วย” หมี่โม่หรู่รอยยิ้มอย่างอ่อนโยน ดวงตายิ้มเป็นเส้นโค้งและเอื้อมมือไปลูบคอฉินปู้เข่อ
“เจ้ามันจงใจชัด ๆ เลยโว้ย…” นางเผลอหลุดคำด่าออกมา
ฉินปู้เข่อรีบเปลี่ยนคำและเปลี่ยนโหมดอ่อนโยน และพูดด้วยความแน่วแน่ “ท่านอ๋องสบายใจได้เพคะ เรื่องใด ๆ ที่เกี่ยวกับภายในตำหนัก หม่อมฉันไม่มีทางบอกคนอื่นเพคะ”
ต่อให้เวลานี้หมี่โม่หรู่ยิ้มหวานให้นางเพียงใด หล่อเหลาเท่าใดนางก็ไม่หลงกลอีกแล้ว คิดไม่ถึงว่าหมอนี่นอกจากจะไม่พิการแล้วยังเป็นยอดฝีมืออีกด้วย ขืนอยู่ในตำหนักต่อไปนางต้องโดนสังหารไปอย่างเงียบ ๆ แน่นอน
“ในส่วนของการรักษาความลับ ข้าเชื่อใจแค่คนตายเท่านั้น”
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่รังเกียจเลยหากท่านจะตั้งป้ายวิญญาณให้หม่อมฉันหลังจากหย่ากับหม่อมฉันแล้วเพคะ” เหงื่อเย็นไหลซึมออกมาตามแผ่นหลังของฉินปู้เข่อ นางรู้สึกเหมือนหัวจะระเบิด
“มีประโยคหนึ่งกล่าวไว้ว่า ‘รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง’ ข้าคิดว่าแทนที่จะมอบหนังสือหย่าให้กับเจ้าและปล่อยเจ้าออกจากตำหนัก สู้เก็บเจ้าไว้ในตำหนัก อยู่ใกล้หูใกล้ตาของข้าไว้จะดีกว่า เช่นนี้หากคนนอกรู้ความลับของข้าเข้า ข้าจะได้หาตัวผู้เผยความลับเจอ พระชายาคิดเห็นอย่างไร?”
ฉินปู้เข่อเลียริมฝีปากอันแห้งผาก นางรู้สึกอยากจะร้องไห้ทว่าไร้ซึ่งน้ำตา
“เพราะฉะนั้นข้าจะไม่ลงนามในหนังสือหย่านี้หรอก” หมี่โม่หรู่หยิบหนังสือหย่าออกมาและสะบัดไปมาตรงหน้านาง ก่อนจะใช้กำลังภายในทำให้กระดาษบางแผ่นนั้นลุกเป็นไฟต่อหน้าฉินปู้เข่อ
เหงื่อเม็ดใหญ่เท่าถั่วไหลรินผ่านใบหน้าเล็ก ๆ อันหม่นหมองของฉินปู้เข่อ นี่มันแห่งหนใดกันนี่ เหตุใดถึงมีปรากฏการณ์พิศวงที่อยู่เหนือเหตุและผลเช่นนี้ด้วย!