สำรับมนตราของชายาอ๋อง - บทที่ 51 การจัดการของคนในครอบครัวต่อหน้าผู้อื่น
ตอนที่ 51 การจัดการของคนในครอบครัวต่อหน้าผู้อื่น
หญิงสาวจ้องฮูหยินฉินด้วยรอยยิ้มอ่อน ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าสองก้าวอย่างช้า ๆ
“ท่านป้า ท่านว่าสิ่งที่ข้าพูดถูกต้องหรือไม่ หากมีคนได้ยินคำพูดเมื่อสักครู่นี้ของน้องสาม ท่านพ่อของข้าจะเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่?”
ฮูหยินฉินรู้สึกขนลุกเล็กน้อยเมื่อถูกจ้องมอง ขาของนางไม่อาจหยุดสั่นได้ รังสีแห่งอำนาจแผ่ซ่านออกมาจากร่างของฉินปู้เข่อทำให้นางไม่อาจเอ่ยคำใดออกมาได้เลย
นางกัดฟันด้วยความโกรธแล้วกลืนคำพูดนั้นลงไปในท้องของตน เป็นที่ชัดเจนว่านางไม่อาจก้าวออกไปโต้เถียงฉินปู้เข่อได้ ในขณะนี้ทุกคนในโถงตะวันตกต่างเกรงว่าคำพูดของชิงเหยียนจะแพร่ออกไป
“ท่านบอกว่าน้องสามยังเด็ก แต่ข้าจำได้ว่านางอายุน้อยกว่าข้าเพียงแค่สองสามวัน และหากข้าจำไม่ผิด เมื่อสิบวันก่อนนางเพิ่งเข้าพิธีเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ใช่หรือไม่ ก็ถึงวัยผู้ใหญ่แล้วแต่ก็ยังเอ่ยวาจาเช่นนี้อีก หากท่านป้าไม่อาจจัดการนางได้ พี่สาวคนนี้จะช่วยจัดการให้เอง”
“จัดการ จัดการ ข้าจะจัดการนาง” ฮูหยินฉินลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยกมือขึ้นตบหน้าฉินชิงเหยียน
ฉินชิงเหยียนมองฮูหยินฉินอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง น้ำตาของนางพลันไหลออกมาเพราะความเจ็บปวดและความคับข้องใจ “ท่านแม่…ท่านช่างใจร้ายนัก…”
เพี๊ยะ!
ฮูหยินฉินเงื้อฝ่ามือตบอีกครั้งเพื่อหยุดคำพูดของฉินชิงเหยียนไว้ หากนางไม่ทำอะไรตอนนี้แล้วเรื่องไปถึงหูของฮ่องเต้ก็มีโอกาสสูงที่จวนมหาเสนาบดีจะถูกโจมตี
แม้ว่าฮ่องเต้จะไม่ได้ถือสา แต่การกบฏที่เกิดขึ้นในราชสำนักตลอดหลายปีที่ผ่านมาจะทำให้คำพูดของชิงเหยียนก่อความวุ่นวายขึ้นมาได้
นางสามารถเปลี่ยนจากการเป็นผู้กระทำไปเป็นผู้ถูกกระทำได้ก็ต่อเมื่อถูกลงโทษอย่างรุนแรงเช่นนี้
บางสิ่งสามารถแก้ไขได้โดยให้คนในครอบครัวของตัวเองจัดการต่อหน้าผู้อื่น หากคนนอกใช้ประโยชน์จากความผิดดังกล่าวของนาง จวนมหาเสนาบดีก็จะถึงกาลวิบัติ
“ท่านป้า~” ฉินปู้เข่อรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อจับมือฮูหยินฉินหลังจากตบไปสองครั้ง แล้วกล่าวอย่างลำบากใจว่า “อย่าลงมือเองเลยเจ้าค่ะ มือของท่านจะได้ไม่เจ็บ”
เมื่อเห็นว่าการลงโทษหยุดลงแล้ว ฉินชิงเหยียนก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย อย่างไรเสียแม่ของนางก็มาอยู่ที่นี่ด้วยและฉินปู้เข่อก็ยังคงกลัวแม่ของนางอยู่วันยังค่ำ
สิ่งที่ทำให้ฉินชิงเหยียนกังวลมากขึ้นก็คือตนถูกทำร้ายในโอกาสเช่นนี้ ความเจ็บปวดเป็นเรื่องรองแต่การเงยหน้าขึ้นมองหน้าสตรีผู้สูงศักดิ์เหล่านี้ในอนาคตจะเป็นปัญหาใหญ่
“มาเถิด~ เชิญท่านป้านั่งลงแล้วดื่มชาเพื่อสงบสติอารมณ์ก่อนเจ้าค่ะ” ฉินปู้เข่อดึงฮูหยินฉินไปยังที่นั่งแล้วส่งชาให้หนึ่งถ้วยก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มอ่อน “ซวงหวน มาจัดการแทนท่านป้าจนกว่าท่านป้าจะพอใจ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ใบหน้าของฉินชิงเหยียนก็นิ่งงันขึ้นมาทันที และมือของฮูหยินฉินที่กำลังถือถ้วยชาก็สั่นเทาเช่นกัน
ยังไม่จบอีกหรือ?!
“ฮูหยินฉิน หากท่านรู้สึกพอใจแล้วก็บอกข้าน้อยล่วงหน้าด้วยนะเจ้าคะ เพราะข้าน้อยเป็นคนหูไม่ค่อยดีนัก ฉะนั้นท่านต้องตะโกนสองสามครั้งก่อน ข้าจึงจะได้ยิน”
ซวงหวนกล่าวแล้วเดินไปข้างฉินชิงเหยียน ก่อนจะหันไปทางใบหน้าฝั่งที่กำลังบวมแดงอยู่แล้วตบต่อไปอีกเรื่อย ๆ
ฮูหยินฉินสำลักชาในลำคอของนางและเกือบจะร้องไห้ออกมา นางรู้สึกผิดหวังในตัวฉินชิงเหยียนมากกว่าโกรธ นางผิดหวังที่ฉินชิงเหยียนเปิดปากพูดพล่อยจนทำให้ฉินปู้เข่อได้ทีจัดการนาง
แต่คนที่นางโกรธจริง ๆ คือฉินปู้เข่อผู้เป็นคนทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ถึงกับทำให้ฉินชิงเหยียนกลายเป็นคนกระด้างกระเดื่องต่อราชวงศ์และสร้างความร้าวฉานระหว่างฮ่องเต้กับอ๋อง
กลับกลายเป็นว่านางลงโทษลูกสาวของตนเองเพื่อประโยชน์ของมหาเสนาบดี
เสียงตบดังชัดเจนมากในโถงทิศตะวันตกอันเงียบสงบ ปากของฉินชิงเหยียนเต็มไปด้วยเลือด และฟันซี่หนึ่งของนางก็กระเด็นหลุดออกมา
นางไม่ได้หวังให้แม่ของนางมาช่วยอีกต่อไป นางจึงทำได้เพียงหวังว่าการทรมานครั้งนี้จะสิ้นสุดลงในไม่ช้า! นางเหลือบมองฉินปู้เข่อด้วยสายตาเกรี้ยวกราด ความอาฆาตแค้นและความเกลียดชังระหว่างพี่น้องครั้งนี้ นางจะเอาคืนเป็นร้อยเท่าแน่นอน!
ฉินปู้เข่อย่อมไม่พลาดสายตานี้ ดูเหมือนว่าฉินชิงเหยียนผู้นี้จะยังคงไม่เรียนรู้ที่จะกลับตัวกลับใจ แต่นางก็ไม่ได้รีบร้อน วันข้างหน้ายังอีกยาวไกล นางยังคงมีเวลามากพอที่จะทำให้น้องสาวคนที่สามของนางประพฤติตัวดีขึ้น
ความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมยังคงตราตรึงอยู่ในใจของนาง ในยามเมื่อนางอยู่ในจวนมหาเสนาบดี สองพี่น้องฉินเสวี่ยเหลียนและฉินชิงเหยียนได้รังแกเจ้าของร่างเดิมอย่างหนัก
นางจะจัดการกับทุกคนในตระกูลฉินที่รังแกเจ้าของร่างเดิมและแม่ของนางทีละคน
“ท่านป้า ท่านเห็นหรือไม่ว่าเพียงแค่ให้บทเรียนเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เพียงพอแล้ว น้องสามรู้แล้วว่าตนเองทำผิดไป ท่านจะให้ซวงหวนหยุดเลยหรือไม่เจ้าคะ?!” ฉินปู้เข่อมองฉินชิงเหยียนที่มีใบหน้าบวมเหมือนหัวหมูพลางเอ่ยเตือนฮูหยินฉิน
ฮูหยินฉินเปิดปากพูดทันที “หยุด หยุดเดี๋ยวนี้!” เมื่อพูดจบนางก็รีบลุกขึ้นไปดูอาการบาดเจ็บของฉินชิงเหยียน
“เจ้าช่างอำมหิตเสียจริง ปล่อยให้คนอื่นมาทุบตีน้องสาวของเจ้าเช่นนี้!” ฮูหยินฉินโกรธจัดเมื่อเห็นบาดแผลบนใบหน้าของฉินชิงเหยียน คิดจะพุ่งเข้าใส่ฉินปู้เข่อแล้วฉีกเป็นชิ้น ๆ
ฉินปู้เข่อพูดเสียงเบาอย่างไร้เดียงสา “ท่านป้า ท่านลืมไปแล้วหรือว่าซวงหวนเกรงว่ามือของท่านจะบาดเจ็บจากการสั่งสอนบทเรียนให้กับน้องสาม ท่านสามารถหยุดนางได้ตลอดเวลาแต่ท่านไม่ได้ตะโกนเตือนนางเอง ข้าทนดูต่อไปไม่ได้จึงได้เป็นคนเตือนท่าน”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ฉินชิงเหยียนก็สะบัดมือของฮูหยินฉิน นางกวาดสายตาอันแข็งกร้าวไปทั่วใบหน้าของฮูหยินฉินแล้วคำราม “ท่านแม่คิดว่าข้ากำลังลากท่านพ่อและจวนมหาเสนาบดีลงมาเช่นนั้นหรือ?! หึ ช่างเป็นแม่ที่ประเสริฐอะไรเยี่ยงนี้!”
นางพูดด้วยเลือดกบปากก่อนจะชี้หน้าฉินปู้เข่อแล้วตะโกนอย่างโกรธเคือง “พระชายาหลี่ชิน เจ้ารอก่อนเถอะ!”
“เอ๊ะ น้องสามอย่าเพิ่งไป” ฉินปู้เข่อหยุดฉินชิงเหยียนที่วิ่งไปยังประตูไว้แล้วพูดอีกครั้ง
“น้องสามเพิ่งกล่าวว่าอ๋องหลี่ชินเป็น ‘คนพิการที่ไม่มีผู้ใดโปรดปราน’ ซึ่งคำพูดของเจ้าได้ถูกคนส่งต่อไปยังหูของอ๋องหลี่ชินแล้ว พี่สาวผู้นี้เกรงว่าจะต้องพาเจ้าไปขออภัยท่านอ๋องก่อน”
“ถุย อย่าแม้แต่จะคิด!” ฉินชิงเหยียนหันไปจ้องฉินปู้เข่อ
“น้องสามอย่าใจร้อน พี่สาวคนนี้เตรียมชาไว้ให้เจ้าแล้ว เจ้าเอาไปได้เลย”
“เจ้าต้องการให้ข้า…ขออภัยอ๋องหลี่ชินสำหรับเรื่องนั้นหรือ?! ข้าเกรงว่าเขาจะ…”
“ฉินชิงเหยียนตามพระชายาหลี่ชินไปขออภัยอ๋องหลี่ชินเสีย!” ก่อนที่ฉินชิงเหยียนจะพูดจบ ฉินเฉิงหย่งก็เดินเข้ามาด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“ท่านพ่อ!” ฉินชิงเหยียนมองฉินเฉิงหย่งอย่างไม่เชื่อสายตา นางทำอะไรผิด เพียงแค่ชั่วพริบตาพ่อและแม่ของนางก็อยู่ฝั่งตรงข้ามกับนางเสียแล้ว
“คำนับท่านพ่อเจ้าค่ะ” ฉินปู้เข่อเดินไปหาเขาแล้วทำความเคารพ “ท่านพ่อของข้ามาพอดี โปรดช่วยลูกชักชวนน้องสามด้วยเถิดเจ้าค่ะ ลูกแต่งเข้าตำหนักของอ๋องหลี่ชินแล้วจึงไม่อาจพูดอะไรต่อหน้าท่านอ๋องได้ ข้าเกรงว่าน้องสาวของข้าต้องไปขออภัยด้วยตนเองจึงจะทำให้สถานการณ์นี้สงบลงได้เจ้าค่ะ”
ฉินเฉิงหย่งเหลือบมองนางอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “พ่อรบกวนพระชายาหลี่ชินช่วยนำชิงเหยียนไปยังโถงตะวันตกด้วย”
“เจ้าค่ะท่านพ่อ” ฉินปู้เข่อทำราวกับว่านางสัมผัสไม่ได้ถึงความเย็นชาในน้ำเสียงของเขาแล้วตอบอย่างสุภาพว่า “เรื่องนี้เป็นข้อพิพาทระหว่างผู้น้อย ท่านพ่อไม่จำเป็นต้องแสดงตนเพราะเกรงว่าเรื่องนี้จะแพร่ไปอีกครั้งเจ้าค่ะ”
“อืม” ฉินเฉิงหย่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน