สำรับมนตราของชายาอ๋อง - บทที่ 6 โดนจับขังคุกใต้ดิน
บทที่ 6 โดนจับขังคุกใต้ดิน
เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้มีอะไรมากกว่าที่เขาคาดไว้เยอะ ทีแรกเขาตั้งใจเพียงไปร่วมงานหมั้นขององค์รัชทายาทและชายาตามที่ได้รับเชิญ ท้ายที่สุดกลับได้แต่งงานกับชายาองค์รัชทายาทในตอนแรก
หมี่โม่หรู่พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเอง เขารู้สึกว่าความอดทนของตัวเองใกล้จะถึงขีดสุดแล้ว
หากแต่ตอนนี้เขายังไม่สามารถระเบิดอารมณออกมาได้ เพราะยังไม่ถึงอาณัติของเขา คนที่องค์รัชทายาทและจวนมหาเสนาบดีส่งมาจับตาดูเขาทุกทาง
หากไม่ยอมอดทนในตอนนี้เรื่องเล็กจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ หลายปีมานี้ผู้คนนำสตรีเข้ามาในจวนอ๋องหลี่ชินของเขาคณานับ เขาไม่สนหรอกหากจะมีชายาเพิ่มมาอีกสักคน
เขาจะไม่ยอมให้ผู้หญิงคนนี้ทำลายภาพลักษณ์อ่อนแอที่เขาสร้างไว้ในสายตาขององค์รัชทายาทและมหาเสนาบดีฉินลงเป็นอันขาด
“ท่านอ๋อง เหตุใดท่านถึงไม่ตอบหม่อมฉันเพคะ” ฉินปู้เข่อปรับเสียงให้ฟังดูออดอ้อน เมื่อกี้ตอนเลิกผ้าคลุมหัวนางเผลอเปิดเผยธาตุแท้ไปเล็กน้อย ตอนนี้นางต้องกู้ภาพลักษณ์ของตนกลับมา
นางเองก็พยายามควบคุมตัวเองเช่นกัน อีกเดี๋ยวจะได้เข้าหอกับท่านอ๋องแล้ว หญิงสาวต้องควบคุมตัวเองไม่ให้เข้าไปจูบท่านอ๋องขี้โรคผู้นี้ตั้งแต่บนรถม้า
“เลิกผ้าคลุมหัวตามที่เจ้าต้องการแล้ว ตอนนี้คงหมดธุระของข้าแล้ว”
หมี่โม่หรู่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจนิดหน่อย เขาหลับตาลงเพื่อพักสายตา ท่าทางไม่สนใจในตัวนางเลยสักนิด
นี่มันหมายความว่าอย่างไร ฉินปู้เข่อกัดเล็บอย่างหงุดหงิด หรือท่านอ๋องผู้นี้ไม่ชอบสตรีขี้อาย
หญิงสาวส่งสายตาหว่านเสน่ห์ให้หมี่โม่หรู่อีกหลายครา ทว่าอีกฝ่ายไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้นมาด้วยซ้ำ
เอาเถอะ เอาเถอะ
นางยังมีเวลาอีกนาน คืนนี้ยังเหลือเวลาอีกตั้งสามสี่ชั่วยามกว่าฟ้าจะสว่าง เช่นนั้นนางจึงไม่รีบร้อน
หลังจากสงบใจลงแล้วฉินปู้เข่อก็นึกถึงโบนัสทะลุมิติของตัวเอง
ชานมคลายโทสะที่หมี่เซวียนดื่มหมดไป สร้างโบนัสความนิยมเลิศรสไว้ให้นางไม่น้อย หญิงสาวจึงฉวยโอกาสที่ตอนนี้มีเวลาสำรวจดูหน่อยว่ามีอะไรในระบบอีกบ้าง
1,899 ค่าความนิยม สิ่งที่ซื้อได้ในตอนนี้มีน้ำสุขสันต์แก้ไอ ช็อคโกบอลเพิ่มกำลัง และสุกี้หม้อไฟทำตามคำสั่ง
ฉินปู้เข่อมอง ‘สเปียร์’ ในรถเข็นแล้วก็หลุดหัวเราะออกมา
นี่มันระบบพิลึกอะไรกัน แค่สเปียร์ปลอมก็แก้ไอได้เหรอ
นางเป็นคนสุขภาพแข็งแรง ของแบบนี้คือสิ่งที่นางไม่ต้องการมันที่สุด
นางกลอกตาไปมาและควบคุมหน้าจอระบบตรงหน้า ทีแรกตั้งใจจะสไลด์ต่อไปอีกหน่อยว่ามีของดีอะไรอีก คิดไม่ถึงว่าไม่ทันมองให้ดีกลับไปแตะโดนปุ่ม ‘ยืนยันการซื้อ’ เข้า
ค่าความนิยมจาก 1899 แต้มเหลือเพียง 0 ในพริบตาเดียว
ฉินปู้เข่อเบิกตากว้างมองใบสั่งซื้อ สเปียร์ขวดนั้นใช้ค่าความนิยมของนางไปถึง 1099!
แพงเสียเหลือเกิน!
“ระบบ คืนสินค้าได้หรือไม่?”
“ไม่ได้”
ฉินปู้เข่อได้แต่เก็บของทั้งสามอย่างไว้ทั้งน้ำตา
“ถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”
เสียงขององครักษ์ดังขึ้น ฉินปู้เข่อรีบลุกขึ้นเตรียมเข็นหมี่โม่หรู่ออกจากรถม้า
หารู้ไม่ มือของนางเพิ่งแตะโดนด้านหลังของเก้าอี้เข็น นางกำนัลคนหนึ่งก็พุ่งเข้ามาผลักนางออกไปอยู่ด้านข้าง
“ห้ามแตะนะ” เสียงนี้มาจากสตรีเมื่อกี้ที่ไม่ให้นางเลิกผ้าคลุมหัวออก อู๋เยว่
ไม่รอให้ฉินปู้เข่อพูดอะไร อู๋เยว่ก็เข็นหมี่โม่หรู่ลงจากรถม้า
สายลมของค่ำคืนพัดพามา อากาศยามค่ำคืนทำให้หมี่โม่หรู่ไอออกมา
ไม่รู้ว่าเหตุเพราะลมแรงไปหรืออย่างไร หมี่โม่หรู่จึงไอตั้งแต่หน้าประตูตำหนักจนถึงหน้าประตูห้องนอน ก็ยิ่งไอหนักขึ้น
ฉินปู้เข่อรู้สึกว่าเขาไอจนหลอดลมจะพุ่งออกมาจากลำคอแล้ว
บางที ที่บอกว่าอาจจะสิ้นชีพในวันพรุ่งนี้คงไม่ได้พูดเล่น
เฮ้อ เมื่อคิดว่าชายในฝันที่ตัวเองเพิ่งแต่งงานด้วย และยังไม่ได้ร่วมหลับนอนกับเขาและเพื่อไม่ให้ตัวเองเป็นม่ายตั้งแต่เพิ่งแต่งงาน ฉินปู้เข่อจึงกัดฟันเอาสเปียร์ออกมา
“ข้ามียาแก้ไอวิเศษ ให้ข้าลองดูหน่อย” ฉินปู้เข่อผลักทุกคนออกให้พ้น นางยื่นมือไปบีบปากหมี่โม่หรู่และบังคับให้เขาดื่มมันลงไป
สเปียร์หมดลงไปครึ่งขวด
แต่หมี่โม่หรู่ยังคงไอหนักกว่าเดิม
ฉินปู้เข่อชะงักอยู่กับที่ หรือว่านี่เป็นของปลอมมันถึงไม่มีประโยชน์อันใดเกิดขึ้น
“เจ้าเอาสิ่งใดให้ท่านอ๋องดื่มกัน” อู๋เยว่จ้องฉินปู้เข่ออย่างโกรธเคือง นางใช้นิ้วแตะไปบนของเหลวที่เปื้อนเสื้อผ้าของหมี่โม่หรู่ นางสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเหนียวเหนอหนะ เป็นของหวานหรือนี่?
“ท่านอ๋องมีอาการไอ เขาไม่ควรแตะของหวานเย็น เจ้าบังอาจนำของหวานเย็นเช่นนี้มาให้ท่านอ๋องดื่ม เด็ก ๆ จับสตรีนางนี้ไปขังในคุกใต้ดิน”
“อย่ามาแตะตัวข้านะ สิ่งที่ข้าให้เขากินคือยาแก้ไอวิเศษจริง ๆ เพียงแต่ยายังไม่ออกฤทธิ์”
ฉินปู้เข่อมององครักษ์ที่พากันพุ่งเข้ามาอย่างระแวง นางจึงพูดออกมาด้วยท่าทีมั่นใจ
“แค่ก ๆๆๆ พรวด”
สีหน้าแดงก่ำเดิมของหมี่โม่หรู่แปรเปลี่ยนเป็นซีดเซียว จากนั้นเขาก็กระอักเลือดและหมดสติไป
ฉินปู้เข่อไม่รู้จะเอาน้ำตาที่ไหนมาร้องไห้ดี เจ้าสเปียร์นี่มันคือสิ่งใดกันแน่ เหตุใดหมอนี่ถึงกระอักเลือดออกมาได้เล่า!?
“เฮอะ ท่านอ๋องดื่มยาของเจ้าจนกระอักเลือด เจ้าต้องการปลิดชีพท่านอ๋องใช่หรือไม่!?” อู๋เยว่ตะคอกเสียงเย็น กระบี่ยาวในมือจ่อไปที่คอฉินปู้เข่อ
รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี
ฉินปู้เข่อยกมือขึ้นสองข้างทำท่ายอมแพ้พร้อมเอ่ย “ท่านจอมยุทธหญิง อย่างไรซะข้าก็เป็นคนของจวนมหาเสนาบดี หากข้าตายอยู่ที่ตำหนักท่านอ๋องตั้งแต่คืนแรกในวันแต่งงาน เกรงว่าท่านอ๋องของท่านจะอธิบายลำบาก ข้าว่าเรามาทำตามแผนแรกที่ท่านเสนอดีกว่า จับข้าไปขังในคุกใต้ดินของตำหนักก่อน”
“หากท่านอ๋องสิ้นพระชนม์จริง ๆ ค่อยฆ่าข้าก็ยังไม่สาย อีกอย่างข้าไม่มีแรงจูงใจในการปลิดชีพท่านอ๋องเสียหน่อย อย่างไรเสียข้าก็ไม่อยากเป็นม่าย ยังได้ชื่อว่าดวงกินสามีอีก”
องครักษ์ชายคนหนึ่งหันมองอู๋เยว่และเอ่ยเกลี้ยกล่อม “ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้นางก็เป็นชายาของท่านอ๋องเจ็ดแห่งต้าเซี่ยที่รับรู้โดยทั่วตั้งแต่องค์รัชทายาทยันประชาชน ต่อให้เจ้าเป็นห่วงท่านอ๋อง แต่ก็จะผลีผลามฆ่าใครไม่ได้”
“อู๋เหิน เจ้าเองก็โดนเปลือกนอกของหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งต้าเซี่ยของนางตบตาใช่หรือไม่” อู๋เยว่ในตอนนี้เสียสติเพราะความริษยาไปแล้ว นางแทบอยากจะพุ่งเข้าไปกัดฉินปู้เข่อให้แหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“อู๋เยว่” อู๋เหินมองนางด้วยสายตาเย็นยะเยือก อู๋เยว่จึงรู้ตัวว่าตัวเองพลั้งปากพูดในสิ่งที่ไม่เหมาะสมออกไป
นางเก็บกระบี่ก่อนจะตะโกนสั่งออกมา “จับผู้หญิงคนนี้ไปขังในคุกใต้ดิน”
หลังจากฉินปู้เข่อถูกพาตัวไป อู๋เยว่ก็หันไปมองอู๋เหินด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “เจ้าอย่าลืมนะว่าสิบห้าปีก่อนท่านอ๋องโดนวางยาพิษได้อย่างไร ผู้หญิงที่ถูกส่งมาที่ตำหนักในหลายปีมานี้ มีตั้งมากเท่าไรที่เคยวางยาท่านอ๋อง แล้วมีตั้งเท่าไรที่เคยพยายามปลิดชีพท่านอ๋อง”
ด้วยเหตุนี้ ฉินปู้เข่อจึงได้ก่อเรื่องจนตัวเองต้องกลายเป็นนักโทษของท่านอ๋องขี้โรคแทนที่จะเป็นว่าที่ชายาองค์รัชทายาท
อย่างไรซะก็ไม่เคยติดคุกมาก่อน ฉินปู้เข่อเห็นการติดคุกใต้ดินในตำหนักท่านอ๋องนี้เป็นหนึ่งในโหมดเกมทะลุมิติอย่างสิ้นเชิง
เนื่องจากกลัวว่านางจะโวยวายจะเป็นจะตายในคุกจนสร้างปัญหาให้กับตำหนักท่านอ๋อง อู๋เหินจึงส่งองครักษ์สี่นายเฝ้าหน้าประตูเอาไว้
ฉินปู้เข่อหามุมที่สะอาดและล้มตัวลงนอนทันที นางพันแผลตรงหลังหัวลวก ๆ ก่อนพิธีแต่งงาน แต่ก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่มาก บวกกับเพิ่งทะลุมิติมาจึงยังไม่ชินกับที่นี่เท่าไร อีกทั้งยังร่างกายอ่อนเพลีย ไม่นานนักนางก็ตกสู่ห้วงความฝันอันแสนหวาน
เช้าวันรุ่งขึ้น นางตื่นมาและเล่นอะไรอยู่ในคุกได้ประมาณครึ่งชั่วยาม ฉินปู้เข่อก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
นี่มัน…
น่าเบื่อชะมัด…
องครักษ์ที่ยืนอยู่หน้าประตูยืนนิ่งอย่างกับท่อนไม้สี่ท่อน ไม่ว่านางจะโหยหวนอาละวาดเพียงใดพวกเขาก็ไม่หันมาสนใจนาง ประหนึ่งว่านางล่องหนได้
ที่นางทนไม่ไหวกว่านั้นคือนางถูกขังมาหนึ่งคืนเต็ม ๆ นอกจากน้ำแค่ถ้วยเดียวแล้ว ข้าวต้มสักถ้วยคนพวกนี้ก็ไม่ให้นางกิน
ฉินปู้เข่อนั่งยอง ๆ อยู่ในมุมและดูของในระบบที่กักตุนไว้ ทันใดนั้นแผนหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัว