สำรับมนตราของชายาอ๋อง - บทที่ 84 ท่านจะนอนกับหม่อมฉันหรือเพคะ
“ฮองเฮาและอัครมหาเสนาบดีจะเลื่อนวันอภิเษกสมรสของหมี่เซวียนให้จัดขึ้นในอีกครึ่งเดือนข้างหน้านี้” หมี่ฉงลืมไปอย่างรวดเร็วว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้และพูดอย่างตื่นเต้น
หมี่โม่หรู่และซือต๋ามองหน้ากัน และดูเหมือนว่าทั้งสองแทบรอไม่ไหวที่จะรวมพลังกัน
แต่เหตุใดจึงรีบเดินหน้าจัดงานอภิเษกสมรสก่อนแผนเดิมที่วางไว้ว่าเป็นก่อนวันส่งท้ายปีเก่ามากกว่าสามเดือน
“พวกเจ้าต้องการรู้ว่าเพราะอะไรใช่หรือไม่” หมี่ฉงไม่ค่อยได้เห็นสีหน้าสงสัยของคนสองคนนี้ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลเล็กน้อยในใจ
ซือต๋าไม่ได้มีบุคลิกที่ดีเหมือนหมี่โม่หรู่ เขาจึงมองไปทางด้านข้าง “ต้องการพูดก็พูดมา อย่าคิดว่าเจ้าเป็นคนเดียวที่รู้ดี หากนายน้อยต้องการจะรู้ เพียงแค่เท้าหน้าก้าวออกจากวัง เท้าหลังก็รู้แล้ว”
หมี่ฉงเชิดคางขึ้นอย่างเย่อหยิ่งแล้วยืดตัวให้ตรงและชนกับซือต๋า เขาพูดว่า “ผู้ใดต้องการบอกเจ้า ข้าต้องการบอกเจ้าเจ็ดต่างหาก”
“ในช่วงไม่กี่วันมานี้ทางพระราชวังได้จัดเตรียมวังน้ำพุร้อน เดิมทีเสด็จพ่อจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ แต่เสด็จอาที่เก้าจะไปวังน้ำพุร้อนเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีและรู้สึกโปรดปรานที่นั่น ท่านจึงเริ่มมอบหมายให้กรมพระคลังรับผิดชอบเรื่องนี้”
“จากนั้นเสด็จอาที่เก้าก็กล่าวเป็นพิเศษว่าท่านต้องการให้อ๋องหลี่ชินและพระชายาเข้าร่วมด้วย ท่านกล่าวว่าเมืองหลวงจะกลายเป็นน้ำแข็งในฤดูหนาว และท่านเกรงว่าร่างกายของอ๋องหลี่ชินจะอ่อนแอเกินกว่าจะทนไหว การไปที่วังน้ำพุร้อนเพื่อพักอยู่ในช่วงฤดูหนาวจะช่วยให้โม่หรู่รักษาสุขภาพได้”
ซือต๋าตกตะลึงชั่วขณะ หมี่โม่หรู่ไม่เคยเกี่ยวข้องกับเรื่องเช่นนี้ และแน่นอนว่าเขาก็ไม่เต็มใจที่จะมีส่วนร่วมในเรื่องดังกล่าว
ตามธรรมเนียมแล้ว ฮ่องเต้ต้าเซี่ยจะไปยังวังน้ำพุร้อนเพื่อใช้เวลาในช่วงฤดูหนาวก่อนและหลังหิมะตกหนัก และจะกลับมาประมาณต้นฤดูใบไม้ผลิ สองเดือนในช่วงเวลานี้เกือบจะเป็นสองเดือนที่หนาวที่สุดในเมืองหลวง หลังจากกลับมาแล้วท่านก็จะใช้วันส่งท้ายปีเก่าในเมืองหลวง
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คนที่ติดตามไปด้วยในอดีตคือพระชายาและองค์ชายผู้โดดเด่นและสมาชิกราชวงศ์บางคน
“ยังมีอีก” หมี่โม่หรู่ดูสงบนิ่งและดูเหมือนจะรอฟังประโยคต่อไป “หากอ๋องจั่วเสียนมีความคิดริเริ่มที่จะแสดงความโปรดปรานต่อตำหนักของอ๋องหลี่ชิน เขาคงจะไม่ได้ทำให้ฮองเฮาและต๋งชวนตื่นตระหนกถึงเพียงนี้”
“เจ้าเจ็ดรู้อย่างกับหลับตาเห็น” หมี่ฉงยกยิ้มอย่างเบิกบาน “คราวนี้เสด็จพ่อเสนอให้องค์ชายสองดูแลราชวงศ์”
“หมี่เหิงหรือ?” หมี่โม่หรู่คาดไม่ถึงว่าจะได้ยินข่าวนี้ เมื่อเสด็จพ่อไปที่วังน้ำพุร้อนในอดีต ท่านจะมอบหมายงานราชการให้ฉินเฉิงหย่งให้ส่งสาส์นกราบทูลไปที่พระราชวังโดยตรง
ความสามารถของหมี่เหิงไม่ได้เลวร้ายไปกว่าหมี่เซวียน แต่เขาเป็นคนถ่อมตนและไม่ต่อสู้หรือไขว่คว้า และส่วนใหญ่แล้วเขาก็ไม่ค่อยมีบทบาทมากนัก
เมื่อพูดถึงความโปร่งใสในราชวงศ์ หมี่เหิงและหมี่โม่หรู่ก็เท่าเทียมกัน
ข้อแตกต่างคือหมี่โม่หรู่ไม่พอใจความโปร่งใสของฮ่องเต้ต้าเซี่ย ซึ่งเป็นเหตุผลรอง ส่วนเหตุผลหลักคือเขาเลือกที่จะหลีกเลี่ยงโลกเพราะความเจ็บป่วยของเขา และเขาไม่ต้องการดึงดูดความสนใจของผู้อื่น มิฉะนั้นก็อาจใช้เวลาไม่กี่นาทีในการเปลี่ยนความประทับใจโดยเนื้อแท้ของข้าราชบริพารด้วยความสามารถของเขา
ในทางกลับกัน หมี่เหิงทำสิ่งที่จริงแท้แต่กลับถูกผู้อื่นละเลย หรือหลายครั้งก็ถูกองค์รัชทายาทขโมยชื่อเสียงไป
“นั่นเป็นสาเหตุที่ฮองเฮากังวลนักในตอนนี้ และถึงกับพานให้ผู้เฒ่าฉินเฉิงหย่งโกรธไปด้วย” หมี่ฉงหยิบชาขึ้นมาและจิบเข้าไปสองสามคำ
ถูกต้องแล้วที่ฉินเฉิงหย่งเลือกที่จะยืนเคียงข้างหมี่เซวียน แต่หลังจากอุบัติเหตุที่ทำให้ฉินปู้เข่อไม่อาจเข้าไปได้นั้น เขาก็ไม่มีโอกาสที่จะมีการเชื่อมผลประโยชน์ระหว่างจวนมหาเสนาบดีและวังบูรพาได้เลย
เรื่องนี้ทำให้ฉินเฉิงหย่งไม่อาจทำคนเดียวได้หากเขาต้องการ
การเปิดตัวอย่างกะทันหันของหมี่เหิง และความใกล้ชิดของอ๋องจั่วเสียนและตำหนักของอ๋องหลี่ชินได้ทำลายความสงบขึ้นพร้อมกันจริง ๆ
แต่…
ดวงตาดำสนิทของหมี่โม่หรู่เปล่งประกายขึ้นทันที
เขาแสดงให้ผู้คนเห็นว่าเขาป่วยและอ่อนแอ ในสายตาคนอื่นเขาจึงเป็นองค์ชายที่ถูกทอดทิ้งและไม่สามารถให้ร้ายใครได้ ตั้งแต่อ๋องจั่วเสียนกลับมายังเมืองหลวงก็ได้แสดงความโปรดปรานต่อเขาหลายครั้ง และมีเหตุผลเดียวเท่านั้นสำหรับการสืบเรื่องนี้เพิ่มเติม
พระชายาตัวน้อยของเขา
จุดตัดทั้งหมดระหว่างตำหนักของอ๋องหลี่ชินและอ๋องจั่วเสียนมีเพียงคืนนั้นเท่านั้น
ในคืนที่พระชายาตัวน้อยของเขาถูกองค์รัชทายาทลักพาตัวไป แล้วนางก็ได้พบกับอ๋องจั่วเสียนโดยบังเอิญ
เดิมทีเขาไม่รู้ว่าเหตุใดเสด็จอาที่เก้าถึงได้สนใจสตรีผู้หนึ่งที่บังเอิญมาพบกัน หลังจากที่อู๋อวิ๋นและอู๋เยว่ได้รับบาดเจ็บเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาก็รู้ทันทีว่ามีสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลอยู่ตรงกลาง
สิ่งที่หมี่ฉงพบในขณะนั้นคือหมี่เฉินอี้ที่แอบกลับมาที่เมืองหลวงถูกจับ และได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะคนขององค์รัชทายาท และได้พบกับพระชายาที่ฐานที่มั่นนอกเมืองขององค์รัชทายาทจอมโหด
เป็นไปได้มากที่พระชายาจะรู้สึกสงสารเมื่อเห็นหมี่เฉินอี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสและกำลังจะตาย เช่นเดียวกับอู๋อวิ๋นและอู๋เยว่ที่นางใช้วิธีลึกลับเพื่อทำให้บาดแผลของพวกนางหาย และกลับมาเป็นปกติในระยะเวลาอันสั้น
ไม่มีใครไม่สงสัยเกี่ยวกับวิธีการลึกลับและมหัศจรรย์นี้ นั่นจึงเป็นเหตุผลให้หมี่เฉินอี้พยายามทุกวิถีทางเพื่อเข้าใกล้ตำหนักของอ๋องหลี่ชินและพระชายาตัวน้อยของเขา
หมี่โม่หรู่ขมวดคิ้วคู่งาม ยังเหลือเวลาอีกเดือนกว่าก่อนจะออกเดินทางไปยังวังน้ำพุร้อน เนื่องจากอ๋องจั่วเสียนเชิญพวกเขาไปที่นั่น เขาจะต้องทำบางอย่างกับพระชายาตัวน้อยในตอนนั้นอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาต้องเข้าใจเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนก่อนที่อ๋องจั่วเสียนจะเริ่มต้น
บางครั้งสิ่งลึกลับและมหัศจรรย์อาจสามารถช่วยให้คนพ้นจากอันตรายได้ แต่ก็เป็นไปได้ว่าอาจทำให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมากกว่าเดิม
หลังจากที่เข้าใจอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาจึงจะคิดหาวิธีที่เหมาะสมเพื่อช่วยพระชายาตัวน้อยเอาชนะวิกฤตที่ตามมาได้
“อู๋เหิน เก็บข้าวของ ตั้งแต่วันนี้ไปข้าจะย้ายไปอยู่กับพระชายาที่สวนเฉินอวี้ และบัดนี้ข้าจะแจ้งให้พระชายาทราบและให้คนที่สวนเฉินอวี้เตรียมการ”
เมื่อซือต๋าได้ยินเช่นนั้น เขาก็ตกตะลึงครู่หนึ่งแล้วก็นึกขึ้นได้
เป็นเรื่องง่ายสำหรับคนที่จะผ่อนคลายความระมัดระวังในสภาพแวดล้อมที่พวกเขาคุ้นเคย หากพระชายาเจ็ดไม่เต็มใจที่จะอธิบายเรื่องนี้ หมี่โม่หรู่ก็จะอยู่เคียงข้างนาง กินและอาศัยอยู่กับนาง
ด้วยจิตใจที่ละเอียดอ่อนของโม่หรู่ เขาจะสามารถค้นหาเบาะแสจากการกระทำของพระชายาเจ็ดได้อย่างแน่นอน
“พรูด” หมี่ฉงที่กำลังดื่มชาอยู่ข้างเขาพ่นชาออกมา
เขานั่งอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้าราวกับถูกฟ้าผ่า และมองดูหมี่โม่หรู่อย่างมึนงง “เจ้าต้องการย้ายไปอยู่กับนางหรือ?!”
หมี่โม่หรู่เหลือบมองเขาอย่างเฉยเมยราวกับว่ากำลังนึกถึงอะไรบางอย่าง แล้วเข็นรถเข็นของเขาออกจากห้องอ่านหนังสือด้วยตัวเอง “เจ้ารอข้าสักครู่”
สวนเฉินอวี้
“อะไรนะ?!” เมื่อฉินปู้เข่อที่กำลังเล่นโยคะอยู่ได้ยินคำพูดของซวงหวน น่องของนางก็สั่นสะท้านจนเกือบจะสูญเสียการทรงตัว
เมื่อนางทำให้แขนและขาของนางไปอยูในตำแหน่งที่ถูกต้องแล้ว ซวงหวนก็ทำงานยุ่งอยู่ในห้องอย่างมีความสุข เตรียมตัวให้พร้อมต้อนรับการมาถึงของท่านอ๋องในคืนนี้
ฟังจากน้ำเสียงของอู๋เหินแล้ว ดูเหมือนว่าท่านอ๋องจะอาศัยอยู่ในสวนเฉินอวี้เป็นเวลานาน ดังนั้นจะต้องเตรียมของอีกชุดหนึ่งในห้องชั้นในนี้
ฉินปู้เข่อเช็ดเหงื่อจากหน้าผากของตนด้วยหลังมือและหยุดการกระทำของซวงหวน “เจ้าหยุดเลย หากเขาบอกว่าจะย้ายเข้ามา เขาก็จะย้ายเข้ามาได้เลยหรือ?!”
ช่วงนี้พฤติกรรมของชายผู้นี้แปลกเกินไป ดูเหมือนว่าจะจับนางไม่ปล่อยอย่างไม่ยอมเลิกรา
หลังจากวันนั้นหมี่โม่หรู่ก็ยังขอให้อู๋อวิ๋นตรวจอาการบาดเจ็บ แต่เนื่องจากอู๋อวิ๋นหมดสติทันทีที่นางปีนลงกำแพงมา ซวงหวนจึงใช้ ‘โซดาห้ามเลือดฉุกเฉิน’ นางจึงไม่มีความทรงจำเรื่องการทำแผลหรือเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย ดังนั้นจึงไม่อาจตอบได้ว่าเพราะเหตุใด
นางรู้เพียงแค่ว่าอาการบาดเจ็บของนางหายไปเองหลังจากนอนหลับ และสุดท้ายนางก็ยังสงสัยว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บหรือไม่
หมี่โม่หรู่ต้องไม่เชื่อคำพูดของอู๋อวิ๋นและอู๋เยว่ ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะย้ายเข้าไปอยู่ในห้องของนาง
หลังจากครุ่นคิดได้ดังนั้น ฉินปู้เข่อก็รีบวิ่งไปที่ห้องอ่านหนังสือ
“หม่อมฉันได้ยินมาว่าท่านจะย้ายมาอยู่กับหม่อมฉันหรือเพคะ? ท่านจะนอนกับหม่อมฉันหรือเพคะ”
……………………………………………………………………..