สืบล่าหาผู้ใช้ศาสตร์ความตาย - ตอนที่ 12
คานผู้อยู่ในวาระสุดท้ายได้สูญเสียแสงสว่างไปแล้ว และถูกแทนที่ด้วยความทรงจำในอดีตที่หลั่งไหลกลับเข้ามาในห้วงความคิด
บิดาของคานเป็นนักเวท และคานก็ได้รับการศึกษาเรื่องเวทมนตร์มาตั้งแต่เด็ก
ด้วยเหตุที่มีความสามารถพิเศษด้านเวทมนตร์ จึงไม่ได้รับการเลี้ยงดูเหมือนเด็กทั่วไป แต่กลับได้รับการสอนเฉพาะเรื่องเวทมนตร์เท่านั้น
เมื่อเวลาล่วงเลยไป คานเติบใหญ่ขึ้นเป็นนักเวทที่เก่งกาจกว่าพ่อ และเพื่อแสวงหาความรู้ที่สูงยิ่งขึ้น เขาจึงได้ออกตามหาโลแกนนักเวทผู้ยิ่งใหญ่ และกลายเป็นลูกศิษย์ของเขา
คานไม่เคยพบนักเวทใดที่เหนือกว่าตนมาก่อน จึงมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมในเวทมนตร์ของตน และตั้งใจแน่วแน่ที่จะก้าวข้ามโลแกนให้ได้
ทว่า เวทมนตร์ของโลแกนอยู่เหนือจินตนาการของคานอย่างมาก นั่นอาจเป็นเพราะความต่างของพรสวรรค์ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด หรืออาจเป็นเพราะความต่างในวิธีการเผชิญหน้ากับเวทมนตร์ก็เป็นได้
“ขืนเป็นแบบนี้ คงไม่มีวันก้าวข้ามโลแกนได้ตลอดชีวิต”
สำหรับคาน เวทมนตร์คือเหตุผลที่ตนเองยังมีชีวิตอยู่ เขาละทิ้งทุกอย่างเพื่อสิ่งนั้น
ตอนนี้มันย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว
เพื่อก้าวข้ามอาจารย์ คานต้องการเวลาที่มากกว่านี้ ปรารถนาอายุขัยที่ยาวนานกว่านี้
และบทสรุปที่ออกมาก็คือ ศาสตร์ความตาย
หากกลายเป็นผีดูดเลือดก็จะได้ชีวิตนิรันดร์ ยิ่งกว่านั้นหากกลายเป็นราชาอมตะ ก็จะได้มาซึ่งพลังเวทที่เหนือกว่ามนุษย์
ถ้าเป็นเช่นนั้น การก้าวข้ามโลแกนก็คงไม่ใช่เรื่องยาก
สำหรับนักเวท มันเป็นสามัญสำนึกที่รู้ว่าศาสตร์ความตายเป็นสิ่งต้องห้าม แต่สำหรับคาน มันไม่ใช่เรื่องสำคัญแต่อย่างใด
คานจากโลแกนมาและสร้างคฤหาสน์ขึ้นในอาณาจักรรามซึ่งเป็นประเทศบ้านเกิดเพื่อทุ่มเทให้กับการวิจัยศาสตร์ความตาย
เนื่องจากบิดาผู้เป็นนักเวทและขุนนางได้ล่วงลับไป ทรัพย์สมบัติทั้งหมดก็ตกเป็นของตน จึงไม่ได้มีความขัดสนทางการเงิน
คานจึงได้ทุ่มเทให้กับการวิจัยศาสตร์ความตายอย่างเต็มที่
ระหว่างที่การวิจัยดำเนินไป ก็ได้ค้นพบว่าการจะก้าวขึ้นเป็นราชาอมตะนั้น จำเป็นต้องใช้ชีวิตของชาวอาซูรา
เป้าหมายคือชีวิตนิรันดร์ ดังนั้นหากกลายเป็นผีดูดเลือดก็เพียงพอแล้ว แต่เขาสนใจในพลังเวทที่จะได้มาหลังจากกลายเป็นราชาอมตะ
“จำเป็นต้องมีชาวอาซูรา”
คานคิดที่จะหาชาวอาซูรามาไว้ครอบครองในฐานะวัตถุดิบชิ้นหนึ่ง
ทว่า การค้ามนุษย์ถือเป็นสิ่งต้องห้ามในอาณาจักรราม
ด้วยเหตุนั้น เขาจึงต้องการข้อมูลเกี่ยวกับนายหน้าค้ามนุษย์ต่างชาติที่ขายชาวอาซูรา
แม้คานจะไม่ค่อยได้ติดต่อกับผู้อื่นมากนัก แต่เดิมทีเขาก็เป็นขุนนาง และคานเองก็มีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะผู้ใช้เวท จึงพอมีเส้นสายอยู่บ้าง
ต่อมา ขุนนางต่างชาติท่านหนึ่งก็ได้แนะนำลูน่า
คานรีบมุ่งหน้าไปยังประเทศนั้นทันที และไปที่คฤหาสน์ของนายหน้าค้ามนุษย์
นายหน้าค้ามนุษย์ที่ชื่อเมสันเป็นชายพูดมาก แต่คานสนใจเพียงลักษณะของลูน่า
ตาแดง ผิวขาว ผมทอง
เหมือนกับชาวอาซูราที่คานรู้จักดี มีสายเลือดของชาวอาซูราอย่างไม่ต้องสงสัย
คานได้จ่ายเงินตามราคาที่เมสันเรียกร้อง และรับตัวลูน่ามา
แม้ราคาจะสูงลิ่ว แต่สำหรับคานแล้ว เงินไม่ใช่สิ่งที่มีความหมายมากนัก หากใช้มรดกจากบิดา ก็ไม่มีราคาใดที่จ่ายไม่ได้
ถ้าขัดสนเรื่องเงินก็แค่ปรุงยาก็ได้ เพราะยาที่ปรุงโดยนักเวทจะมีมูลค่าสูง จึงมีนักเวทที่ไม่ขึ้นกับหน่วยใดจำนวนไม่น้อยใช้ชีวิตด้วยการปรุงยาขาย
คานได้ชาวอาซูรามาแล้ว แต่พบว่าลูน่ายังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นเครื่องสังเวย
เธอยังเด็กและไม่มีพื้นฐานด้านเวทมนตร์ จึงมีพลังเวทไม่เพียงพอ จำเป็นต้องฝึกฝนให้เป็นผู้ใช้เวทในระดับหนึ่งก่อน
มันเหมือนกับผลไม้ ถ้ายังไม่สุกงอมก็นำมากินไม่ได้
ลูน่าเป็นเด็กสาวช่างพูด
ลูน่าถามคานอย่างจริงจังว่าทำไมจึงซื้อตัวเธอมา คานก็ตอบไปว่า “จะให้มาเป็นลูกศิษย์น่ะ”
นั่นไม่ใช่คำโกหก เพราะคานจะรับเธอเป็นลูกศิษย์ และฝึกฝนในฐานะผู้ใช้เวท แล้วจากนั้นถึงก็ใช้เป็นเครื่องสังเวย
พอได้ยินดังนั้น ลูน่าก็เริ่มเรียกคานว่าอาจารย์
“อาจารย์?”
แม้คานจะเคยเป็นลูกศิษย์ แต่มันเป็นครั้งแรกที่เขารับลูกศิษย์
เมื่อมาคิดดูดี ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะดูแลใครสักคนด้วยตนเอง
มีการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ เกิดขึ้นในใจของคาน แต่นั่นก็เป็นเพียงเสี้ยวที่เล็กน้อยเท่านั้น
วันดีคืนดี ลูน่าที่ถูกพามายังคฤหาสน์ก็พูดกับคานว่า “มีเรื่องจะขอร้องค่ะ!”
คานคิดว่าลูน่าคงอยากกลับบ้าน แน่นอนว่าเขาไม่คิดที่จะปล่อยให้เป็นเช่นนั้น เพราะนั่นเป็นวัตถุดิบที่ตนซื้อมา
ถึงอย่างนั้น สิ่งที่ลูน่าร้องขอก็คือการทำความสะอาดคฤหาสน์
จริงอยู่ที่คฤหาสน์เละเทะพอสมควร แต่คานคิดว่ามันไม่ได้เป็นปัญหาอะไรมากมายในการไล่ตามวิถีแห่งเวทมนตร์
แต่คานก็ตระหนักดีว่าการรับรู้ของตนไม่ปกติ จึงอนุญาตให้เธอทำความสะอาด
เพราะหากลูน่าคิดหนีด้วยเหตุผลที่ว่าคฤหาสน์สกปรก คานก็จะเดือดร้อน
ลูน่าทำงานอย่างขยันขันแข็ง เธอใช้ร่างกายเล็ก ๆ ของเธอทำความสะอาดภายในคฤหาสน์ จัดข้าวของให้เป็นระเบียบ และจัดเรียงหนังสือให้เรียบร้อย
ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังถามความเห็นของคานในเรื่องที่คิดว่าตนไม่ควรทำโดยพลการ
นอกจากนี้ แม้ตอนแรกเธอจะกลัวอันเดด แต่พอรู้ว่าพวกมันจะไม่ทำร้ายตัวเอง ก็เห็นได้ว่าเธอเริ่มใช้พวกมันเป็นคนรับใช้โดยไม่เกรงกลัว และใช้งานได้เก่งกว่าคานเสียอีก
คานเองก็ชื่นชมเรื่องนี้ว่า “เป็นการใช้งานที่ดีเยี่ยม”
หนึ่งเดือนผ่านไปนับตั้งแต่ลูน่ามาอยู่ คฤหาสน์ดูสะอาดเอี่ยมอ่อง แม้ว่าสำหรับคานแล้ว ไม่ว่าคฤหาสน์จะสกปรกแค่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้สึกประทับใจที่เด็กสาวสามารถทำได้ขนาดนี้
ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่เขากังวล
บางครั้งลูน่าก็จ้องมองคานราวกับว่าจะรอดูอะไรสักอย่าง
คานไม่ค่อยเข้าใจว่ามันคืออะไร
คานคิดว่าการทำความสะอาดคฤหาสน์สิ้นสุดลงแล้ว ในที่สุดก็จะสอนเวทมนตร์ได้เสียที แต่ลูน่ากลับพูดขึ้นว่า
“ให้ฉันโกนหนวดให้เถอะนะคะ”
พอฟังเธอ เธอก็เล่าว่าได้รับการฝึกฝนให้โกนหนวดผู้ชายจากนายหน้าค้ามนุษย์เช่นกัน
คานไม่สนใจเรื่องนั้นเลยสักนิด แม้จะไม่สนใจแต่ลูน่าก็ยังคงจ้องมองคาน
แววตานั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและหวาดหวั่น
สุดท้ายคานก็เข้าใจ
ว่า อ้อ เด็กคนนี้ไม่มีอะไรเลย
เธอไม่สามารถยืนยันในคุณค่าของตัวเองด้วยตัวเองได้ จึงเฝ้ารอปฏิกิริยาจากคาน
คงพยายามค้นหาตัวเองจากผู้อื่น
แต่คานไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร
เพราะคานค้นพบตัวเองจากเวทมนตร์ และใช้ชีวิตโดยไม่สนใจผู้อื่นมาตลอด
เมื่อมองไปที่ลูน่า ก็เห็นว่ามือที่ถือมีดโกนกำลังสั่น
.…..อันตรายมาก อันตรายทางกายภาพ
ทว่า เธอดูมั่นใจในฝีมือการโกนหนวด
คานเข้าใจอย่างถ่องแท้ ว่าการยอมรับมันคือสิ่งเดียวที่ทำได้
(อาจตายก็ได้)
คานรู้สึกกลัวตายเป็นครั้งแรกในชีวิต เขารู้สึกสงสัย ว่าเหตุใดตนผู้แสวงหาชีวิตนิรันดร์ จะต้องมาเสี่ยงอันตรายเพื่อเด็กสาวคนนี้ แต่สุดท้าย เขาก็มอบกายให้กับลูน่า
ลูน่าให้คานนั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นตัวเองก็ยืนบนแท่น แล้วโกนหนวดเคราของคานอย่างมีความสุข ฝีมือของเธอดีมาก
ตัวคานเองไม่ได้รู้สึกแย่ และเข้าใจว่าความมั่นใจมันจำเป็นสำหรับเด็กคนนี้
จากนั้นก็ได้สอนเวทมนตร์ให้ลูน่าในฐานะอาจารย์ ด้วยความที่มีสายเลือดของชาวอาซูรา ลูน่าจึงมีพลังเวทสูง และเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังมีความสนใจในเวทมนตร์ และมีทัศนคติที่พยายามจะเรียนรู้อย่างสุดความสามารถ
นั่นอาจเป็นเพราะเธอต้องการดึงดูดความสนใจของคาน แต่ความพยายามของลูน่าก็ไม่ใช่ของปลอม
“มีพรสวรรค์“ พอคานพูดอย่างนั้น เธอก็ดีใจออกนอกหน้า
คานไม่ค่อยชมใครมากนัก แต่คำชมเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ทำให้ลูน่ายิ้มและมีความสุขเสมอ
ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่คานเริ่มตั้งตารอดูภาพของลูน่าที่กำลังเติบโตขึ้นในฐานะผู้ใช้เวท
ตัวคานเองยังประหลาดใจกับตัวเองที่เริ่มสนใจในสิ่งอื่นนอกเหนือจากเวทมนตร์
ทว่าเมื่อเวลาผ่านมา 10 ปีตั้งแต่ที่ลูน่ามาจนเธอโตขึ้นเป็นสาวสวย ก็เห็นได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในท่าทีของลูน่า
ในวันที่เธอออกไปซื้อของ เธอจะดูอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก
เหมือนเจ้าตัวเองจะไม่รู้ตัว แต่วันที่เธอออกไปซื้อของกับวันที่ไม่ออกไปนั้น ท่าทีต่างกันชัดเจน
“หรือว่าจะมีคนรักแล้ว?” คานคิด แต่ก็ไม่กล้าถามเรื่องแบบนั้นกับลูน่า
หากลูน่ามีคนรักที่อยู่ในเมืองแล้วเธอไปอยู่กับชายคนนั้น ตัวเองก็จะต้องอยู่ตัวคนเดียวอีกครั้ง
นั่นเป็นสิ่งที่น่ากลัวสำหรับคาน เขาไม่อาจจินตนาการถึงชีวิตที่ไม่มีลูน่าได้
คานหมดสิ้นซึ่งความคิดที่จะใช้ลูน่าเป็นเครื่องสังเวยซึ่งนำไปสู่การเป็นราชาอมตะ
เพราะรู้ตัวว่าความยึดติดในตัวลูน่าได้เกิดขึ้นมาแทน