สืบล่าหาผู้ใช้ศาสตร์ความตาย - ตอนที่ 13
“อาจารย์ ทำไมถึงกลายเป็นผีดูดเลือดอะไรอย่างนั้นล่ะคะ”
ระหว่างที่สติเริ่มเลือนราง คานก็ได้ยินเสียงของลูน่า ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือภาพหลอน
“เพื่อที่จะไปถึงจุดสูงสุดของวิถีแห่งเวทมนตร์”
ปากของเขายังขยับได้เล็กน้อย
“แล้วทำไมถึงกัดฉันล่ะคะ”
“ตอนแรกฉันตั้งใจจะใช้เธอเป็นเครื่องสังเวยเพื่อที่จะได้เป็นราชาอมตะ”
“ราชาอมตะ? แล้วทำไมถึงไม่เป็นล่ะคะ”
“ตราบใดที่ฉันระวังแสงแดด ก็แทบไม่มีความแตกต่างระหว่างราชาอมตะกับผีดูดเลือด”
“อ้าว แล้วทำไมถึงกัดฉันล่ะ”
ลูน่าถามคำถามเดิมซ้ำอีกครั้ง
“……ฉันกลัวความโดดเดี่ยวชั่วนิรันดร์”
“คะ?”
“ก่อนที่เธอจะมา ความโดดเดี่ยวก็เหมือนกับสหาย แต่หลังจากที่เธอมาอยู่ข้างกาย ความโดดเดี่ยวก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นความกลัว เลยทำให้เธอเป็นบริวาร เพื่อมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน”
“ทำไมถึงไม่บอกเรื่องนี้ให้ฉันรู้ล่ะคะ!”
ลูน่าตะโกน
“ถ้าบอกไป เธอจะยอมรับหรือเปล่าล่ะ”
“จะไปยอมรับได้ยังไง! ถ้าบอกให้ฉันรู้ ฉันคงไม่ยอมให้ทำแบบนี้! ฉันคงพูดว่ามาอยู่ด้วยกันในฐานะมนุษย์จนถึงวันสุดท้ายเถอะ!”
“……แบบนั้นฉันก็ไปถึงจุดสูงสุดของวิถีแห่งเวทมนตร์ไม่ได้น่ะสิ”
“ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่คะ! เพราะไปถึงไม่ได้ก็เลยต้องไล่ตามไม่ใช่หรือไง! ถ้าสามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่มีวันสิ้นสุด ก็คงกลายเป็นบ้า และไม่นานก็คงเบื่อเวทมนตร์! แต่เพราะมันมีวันสิ้นสุด ก็เลยมีค่าให้ไล่ตามไม่ใช่หรือไง!”
“……หึ”
คานที่ยกมุมปากเล็กน้อยหัวเราะขึ้น นั่นเป็นครั้งแรกที่ลูน่าเห็นรอยยิ้มของอาจารย์
“อาจจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ นั่นแหละนะ”
ร่างของคานค่อย ๆ กลายเป็นเถ้าถ่าน ทว่าใบหน้าของคานกลับดูสงบ
“มีอีกอย่างที่ฉันกลัว นั่นคือเธอจะจากไปในสักวัน พักหลังนี้เธอดูมีความสุข ฉันรู้ว่านั่นเป็นเพราะเธอได้มีปฏิสัมพันธ์กับโลกภายนอก ฉัน……ไม่อยากปล่อยเธอไป”
ลูน่าตะลึงงัน อาจารย์ที่เธอคิดว่าเขาไม่ได้สนใจอะไรเธอเลย กลับเฝ้าดูเธอมาโดยตลอด
“อาจารย์ซื้อฉันมา ฉันก็ต้องอยู่กับอาจารย์ไปตลอดอยู่แล้วสิคะ! เรื่องแค่นั้นฉันรับฟังอยู่แล้วล่ะค่ะ! ขอแค่บอกเถอะ”
“อย่างนั้นเหรอ……นี่ฉัน……ซื้อของดีกว่าที่คิดมาสินะ……”
ร่างของคานแหลกสลายไปจนหมดสิ้น
“ใช่ค่ะ ฉันเป็นของดีมากเลยล่ะค่ะ”
ลูน่าจ้องมองร่างของคานที่กลายเป็นเถ้าถ่าน
──
“แล้วทีนี้ จะให้ทำยังไงต่อคะ”
หลังจากนั้นไม่นาน ลูเซียน่าก็เอ่ยถามรัถ
เธอถามถึงว่าจะจัดการกับลูน่าอย่างไรต่อ
ลูน่ากลายเป็นผีดูดเลือดแล้ว แต่เนื่องจากเป็นชาวอาซูรา เธอจึงไปถึงขั้นราชาอมตะ
นั่นแสดงว่า แม้จะสาดแสงของ “กระจกสุริยา” ร่างของลูน่าก็ไม่ได้รับผลอันใด
“……ลูน่า เธอโกรธฉันเหรอ”
รัถไม่ตอบคำถามของลูเซียน่า แล้วหันไปพูดกับลูน่า
ลูน่ายังคงยืนจังงังอยู่หน้าเถ้าถ่านที่เคยเป็นคานมาก่อน
“ไม่ได้โกรธสักหน่อย ก็รัถมาช่วยฉันไม่ใช่เหรอ ไม่มีทางที่ฉันจะโกรธนายได้ลงคอหรอก”
ลูน่าหันไปทางรัถแล้วก็ยิ้มตามมารยาท
“อย่างนั้นเหรอ ถ้างั้นมาอยู่กับฉันก็ได้”
“ฮะ?”
ลูเซียน่าอุทานเสียงหลง
“ท่านรัถ มันไม่เหมือนกับการเลี้ยงสัตว์นะคะ ตอนนี้ลูน่าจังเป็นราชาอมตะ เป็นปิศาจที่ทรงพลังค่ะ นอกจากนี้ยังเป็นพวกเดียวกับผีดูดเลือดอีกด้วย เธอจำเป็นต้องกินเลือดมนุษย์เพื่อให้มีชีวิตอยู่ค่ะ จะมาพาเข้ารั้วเข้าวังมันทำไม่ได้ค่ะ”
ลูเซียน่าชี้แจงข้อเท็จจริงโดยไม่ประนีประนอม
“ถ้าเลือดละก็ ฉันให้เลือดของฉันเองก็ได้ แบบนี้ก็ไม่มีปัญหาแล้วใช่ไหม”
รัถพูดอย่างเย่อหยิ่ง
“……..ท่านเอาจริงเหรอคะ”
ลูเซียน่าจ้องหน้ารัถ
“แน่นอนสิ ถ้าแม้แต่ผีดูดเลือดตัวเดียวก็ยังปกป้องไม่ได้ แล้วจะเรียกว่าราชาได้ยังไง”
“……ราชา?”
ลูน่าที่นิ่งเงียบอยู่ มองดูพวกรัถด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“นี่รัถเป็นราชาเหรอ แล้วลูเซียน่าก็เป็นผู้ใช้เวทงั้นเหรอ”
รัถ ลูเซียน่า และคิเลียน ทั้งสามคนสบตากัน
“……ใช่ ฉันเป็นนักเวทที่รับใช้ท่านรัถ แม้ท่านรัถจะยังไม่ใช่ราชา แต่อีกไม่นานก็จะเป็นแล้วละ ตอนนี้ฝ่าบาททรงพระประชวร และคงอยู่ได้อีกไม่นาน ดังนั้นเจ้าชายผู้มีความคิดตื้น ๆ องค์นี้ก็จะได้สืบทอดราชสมบัติ เพราะทรงเป็นพระราชโอรสองค์โตน่ะ”
ลูเซียน่าถอนหายใจหนึ่งเฮือกแล้วอธิบาย
“นี่รัถเป็นเจ้าชายเหรอ”
ลูน่าประหลาดใจ
“มีอะไรไม่พอใจงั้นเหรอ”
รัถทำท่าไม่พอใจ
“ก็ไม่ได้มีอะไรไม่พอใจหรอก……แต่ว่า ฉันไม่ต้องการเลือดอะไรนั่น เพราะงั้นไม่เป็นไร ฉันจะกลับไปที่บ้านของนายหน้าค้ามนุษย์ จากนั้นก็……”
“ไม่ได้”
ลูเซียน่าพูดเสียงแข็ง
“เราปล่อยผีดูดเลือดไปไม่ได้หรอก ผีดูดเลือดเพิ่มบริวารได้ไม่รู้จบโดยการดูดเลือดน่ะรู้ไหม เดิมทีก็ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ร่วมกันกับมนุษย์ได้อยู่แล้ว แต่ฉันก็สู้ลูน่าจังไม่ได้เหมือนกัน อย่างน้อย ๆ ก็ขอให้เราได้รับเธอมาอยู่ด้วยเถอะ แถมท่านรัถผู้มีพระทัยกว้างก็ตรัสเองด้วยนะ ว่าจะให้เลือดมากเท่าที่ต้องการ”
ลูเซียน่าขยิบตาให้
“มาเถอะน่า”
รัถจับมือลูน่า
“เธอไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น”
ลูน่าไม่สามารถสะบัดมือนั้นออกได้
──
รัถพาลูน่ากลับเข้าพระราชวัง อย่างผ่าเผย
ลูน่าได้รับการแนะนำให้คนอื่นรู้จักในฐานะนางสนองพระโอษฐ์คนใหม่ของรัถ ซึ่งไม่มีแทบใครคิดว่ามันแปลก
รัถเป็นที่รู้จักในฐานะเจ้าชายประหลาด เขามีพฤติกรรมแปลกประหลาดมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“ต้องขอบคุณที่ฉันทำตัวดีมาตลอดสินะ”
รัถพูดพลางหัวเราะ ตอนนี้เขากับลูน่าอยู่กันสองต่อสองในห้องของรัถ
เป็นห้องที่กว้างประมาณครึ่งหนึ่งของคฤหาสน์ของคาน เพดานก็สูงเช่นกัน อีกทั้งยังเรียงรายไปด้วยของตกแต่งที่หรูหรา
“ไม่ใช่เพราะปกติทำตัวแย่หรอกเหรอ”
ลูน่าแปลกใจมากกว่าที่ตัวเองเข้ามาในวังได้อย่างง่ายดาย
“เพราะผลลัพธ์มันออกมาดี แสดงว่าการกระทำของฉันต้องก็ดีสิ เรื่องง่าย ๆ”
รัถพูดเช่นนั้นพลางกัดผลไม้ที่วางกองเป็นภูเขาอยู่บนโต๊ะ
เป็นผลไม้สีเขียวอ่อนอมเหลือง เมื่อกัดลงไปจะได้ยินเสียงที่น่าฟังและเห็นได้ถึงเนื้อผลไม้สีขาว
“เธอเองก็ด้วย ถ้ากินได้ก็กินตุนไว้”
“ทำไม”
ลูน่าไม่ค่อยรู้สึกหิวเท่าไร
“ถ้ากินอาหารไว้มาก ๆ มันก็จะเปลี่ยนเป็นเลือด หากเธอกินแล้วมันทำให้เธอไม่ต้องการเลือดอีกต่อไปก็ไม่มีอะไรดีไปกว่านั้นแล้ว
ต่อจากนี้ฉันตั้งใจว่าจะกินให้เยอะเข้าไว้ จะได้จะแบ่งเลือดให้เธอได้”
รัถพูดพลางกินผลไม้ไปเรื่อย ๆ ลูกแล้วลูกเล่า
“ถ้ามีอะไรอยากกินก็บอก จะจัดเตรียมให้ทุกอย่าง”
แม้รัถจะพูดแบบนั้น แต่ลูน่าก็ไม่รู้สึกอยากอาหาร
“ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ”
“งั้นเหรอ”
รัถไม่มีแม้แต่ท่าทีจะสนใจ
ในห้องที่อยู่ถัดไป คิเลียนและพี่สาวของเขาลูเซียน่า กำลังเฝ้าดูท่าทางของทั้งคู่ผ่านกระจกพิเศษอย่างใจจดใจจ่อ
รัถก็รู้ว่าทั้งสองคนกำลังจับตาดูอยู่ แต่ในกรณีที่ร้ายแรงที่สุด พี่น้องคู่นี้ก็พร้อมจะฆ่าลูน่าแม้ว่าจะต้องขัดคำสั่งของรัถก็ตาม
──
ลูน่าได้เก้าอี้ยาวแทนเตียงนอน รัถเสนอให้ลูน่านอนเตียงของตน แล้วตนเองไปนอนบนเก้าอี้ยาวแทน แต่ลูน่าก็ปฏิเสธ
เก้าอี้ยาวตัวนั้นดีกว่าเตียงที่ลูน่าเคยใช้ในคฤหาสน์ของคานมาก จึงไม่ได้มีความลำบากอะไรในการนอน
เพียงแต่──ลูน่ารู้สึกกระหาย
ทั้งที่ตอนตื่นอยู่ ก็ไม่ได้รู้สึกหิวอะไรแท้ ๆ แต่หลังจากนอนไปสักพัก เธอก็ตื่นขึ้นมากลางดึก แล้วรู้สึกกระหายคอแห้งอย่างรุนแรง
ถึงจะกินผลไม้ที่เหลืออยู่ แต่นั่นก็ไม่ได้นำความชุ่มชื้นใดมาสู่คอของลูน่า
สายตาของเธอเหลือบไปยังรัถที่กำลังนอนอยู่บนเตียง
ลำคอนั้นที่ไร้ซึ่งการป้องกัน ดูน่าดึงดูดใจอย่างยิ่งยวด
ลูน่าตรงไปที่เตียงของรัถอย่างช้า ๆ
ในห้องข้าง ๆ คิเลียนที่เห็นเหตุการณ์นั้นมาตลอดก็ชักดาบและเตรียมพร้อมจะเข้าไป
ลูเซียน่าเองก็ถือไม้เท้าอยู่
“กะแล้วเชียว เริ่มอยากได้เลือดขึ้นมาแล้วเหรอ”
ทันใดนั้น รัถก็ลุกขึ้น ลูน่าตกใจจนถอยหลังออกไป
“เปล่า ฉัน……”
ลูน่าอยู่ในสภาพเหม่อลอย แต่เธอก็นึกออกอย่างชัดเจนว่าตัวเองกำลังจะทำอะไร และรู้สึกกลัวตัวเอง
“มันเป็นสิ่งที่ฉันสัญญาไว้แล้ว แต่อย่าทำที่คอมันจะสะดุดตา ถ้าเป็นแขนละก็ไม่มีปัญหา”
รัถยื่นแขนซ้ายซึ่งเป็นข้างที่ไม่ถนัดให้