สืบล่าหาผู้ใช้ศาสตร์ความตาย - ตอนที่ 14
ลูน่าละสายตาสักพักจากแขนของรัถที่ยื่นมาให้ แล้วปิดตาลง
แต่ความกระหายจนแทบคลั่งครอบงำจิตสำนึกของลูน่าไปเกือบหมด และไม่มีทีท่าว่าจะสามารถต้านทานสิ่งนั้นได้
“ไม่ต้องเกรงใจ”
เสียงของรัถอ่อนโยน
ลูน่าลืมตาขึ้นแล้วถือแขนซ้ายของรัถอย่างหวาดหวั่น
จากนั้นก็กัดลงไป
ลูน่ารู้สึกว่าแขนของรัถแข็งเกร็งชั่วขณะ และต่อมาก็ค่อย ๆ อ่อนแรงลง
รัถไม่ส่งเสียงร้องเลยแม้แต่น้อย
เมื่อลูน่ารู้สึกได้ถึงสัมผัสของเลือดที่ไหลลงไปในลำคอของตน ความกระหายนั้นก็พลันหายไปในที่สุด จากนั้นจิตสำนึกก็กลับมาสู่สภาพเดิม
เธอรีบปล่อยปากออกจากแขน แต่มีรอยกัดและเลือดหลงเหลืออยู่ตรงนั้นอย่างชัดเจน
“ไม่ต้องกังวล ฉันเลือดเยอะ”
แม้รัถจะพูดเช่นนั้น แต่ลูน่าก็เอามือปิดหน้า
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้……”
ในที่สุดลูน่าก็เข้าใจ ว่าตัวเองกลายเป็นปิศาจไปแล้ว
──
แม้ลูน่าจะกลัดกลุ้มเพียงใด เมื่อความกระหายเลือดมาเยือน ก็ไม่มีศาสตร์ใดต่อต้านสิ่งนั้นได้
เธอพยายามอดทนอยู่หลายครั้ง แต่ก็ตกอยู่ในสภาพหิวโหยจนมิอาจทนได้ และยอมจำนนต่อความยั่วยวนของเลือด
สุดท้าย ลูน่าก็ดูดเลือดรัถทุกวันวันละครั้ง
คิเลียนเสนอให้เลือดของตัวเองแก่ลูน่าด้วยเช่นกัน แต่
“ฉันไม่อยากให้เธอไปดูดเลือดมนุษย์คนอื่น”
รัถปฏิเสธข้อเสนอ
แขนซ้ายของรัถเต็มไปด้วยรอยกัดของลูน่า แต่รัถก็ซ่อนมันไว้ด้วยการพันผ้าพันแผล
เวลาเหล่าข้าราชบริพารคนอื่นถามถึงผ้าพันแผล
“นี่เอาไว้ผนึกพลังอันรุนแรงที่สถิตอยู่ในแขนซ้ายของเรา……”
รัถเริ่มพูด แล้วแทบทุกคนก็เข้าใจได้ว่า“อ๋อ เหมือนทุกทีสินะขอรับ”
ลูน่าที่เพิ่งรู้เรื่องนี้ก็ถามลูเซียน่าตอนที่เธออยู่กับลูเซียน่าตามลำพังในห้องของรัถ
“ทุกคนคิดยังไงกับรัถเหรอ”
“ท่านรัถชอบพวกเรื่องเทพนิยายกับตำนานมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วน่ะ ตอนเด็ก ๆ ท่านเล่นเป็นวีรบุรุษในตำนานอยู่เสมอเลยละ……ถึงช่วงเวลาตอนเด็ก ๆ ที่ว่านั่นจะนานเอาเรื่องเลยก็เถอะ
แต่ก็ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงทุ่มเทกับวิชาดาบ การเรียนท่านก็มุ่งมั่นตั้งใจมาก คนรอบข้างเลยไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าไร ส่วนฉันกับคิเลียนเป็นข้ารับใช้ส่วนพระองค์ ก็เลยต้องคอยติดตามไปไหนมาไหนด้วยตลอด
ผลที่ตามมาก็คือ ท่านก่อตั้งกองอัศวินซึ่งไม่มีอยู่จริงขึ้นมา เรียกว่ากองอัศวินที่ 8 อะไรนั่นแหละ จากนั้นก็แต่งตั้งให้พวกฉันเป็นสมาชิกกองอัศวินตามใจชอบ แล้วก็เริ่มดูแลความสงบเรียบร้อยในเมืองตามอำเภอใจน่ะ”
ลูเซียน่ายิ้มอย่างขมขื่น ในอาณาจักรรามมีกองอัศวินเพียง 7 กองเท่านั้น
“อะไรล่ะนั่น รัถนี่เด็กน้อยจริง ๆ เนอะ”
ลูน่ายิ้ม เป็นรอยยิ้มแรกในรอบหลายวัน เพราะตั้งแต่เข้ามาในพระราชวัง เธอก็ไม่ได้ยิ้มเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“แต่ว่า ท่านรัถไม่เคยทำอะไรเล่น ๆ ท่านเอาจริงทุกครั้ง
เรื่องความสงบเรียบร้อยในเมืองเอง ท่านก็ตั้งใจเก็บรวบรวมข้อมูล และช่วยเหลือผู้คนที่เดือดร้อนอย่างเต็มที่มาตลอด ท่านกดดันบรรดาเจ้าหน้าที่ที่ไม่ซื่อสัตย์ในจนด้วยหลักฐานและจัดการลงโทษพวกนั้น อีกทั้งยังกำจัดปิศาจที่อันตรายอีกด้วย
ถึงฉันจะอ้างโน่นอ้างนี่ แต่ท่านรัถก็เป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ทุกคนรู้เรื่องนี้ดี เริ่มตั้งแต่องค์ราชาลงไปเลย เพราะฉะนั้นท่านจึงได้รับความเชื่อถือเป็นอย่างมาก”
“อย่างนี้นี่เอง”
ลูน่ารู้สึกประหลาดใจเมื่อได้รู้อีกด้านหนึ่งของรัถที่เธอไม่รู้จัก
“…..เรื่องของคานก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน”
“ฮะ?”
“ข่าวลือเรื่องคฤหาสน์ของคานโด่งดังในเมืองมากทีเดียวละ ในฐานะคฤหาสน์ผีสิงน่ะนะ ถึงแม้ทางกฎหมายจะมีเจ้าของที่ดินชัดเจนและไม่มีปัญหาอะไรเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่มีใครเข้าใกล้ได้เป็นเวลานานจนผิดสังเกต ประกอบกับสภาพทำเล เลยทำให้ข่ายอาคมแข็งแกร่งเกินไปหน่อยน่ะ
แถมยังมีเด็กหนุ่มในเมืองที่สนใจเรื่องนี้ด้วย แต่โชคไม่ดีที่เขามีพลังต้านทานเวทมนตร์อยู่นิดหน่อย เขาเลยแอบย่องเข้าไปในสวนของคาน”
“ผ่านข่ายอาคมมาได้งั้นเหรอ!”
ลูน่ารู้สึกประหลาดใจ บริเวณรอบคฤหาสน์ของคานมีข่ายอาคมถูกกางอยู่ ซึ่งมันจะไม่ยอมให้คนเข้าใกล้ได้เลยแม้แต่นิดเดียว จึงยากที่มนุษย์ธรรมดาจะเข้าไปใกล้ได้
“เพราะมีเรื่องบังเอิญหลายอย่างเกิดขึ้นพร้อมกันน่ะ ถึงแม้เขาเองก็เหมือนจะไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไปถึงด้านในของคฤหาสน์ก็เถอะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลูน่าก็นึกถึงสิ่งที่เธอฝังไว้ในสวน
“จู่ ๆ ก็ถูกกูลที่คลานออกมาจากพื้นดินจับขาน่ะ ได้ยินว่าเด็กหนุ่มคนนั้นตกใจจนหัวใจจะวายแล้วหนีออกมา เหมือนว่ากูลตัวนั้นถูกฝังอยู่ในดินครึ่งหนึ่ง เลยพอที่จะสลัดให้หลุดออกมาได้น่ะ
แล้วทีนี้ เด็กหนุ่มที่หนีออกมาคนนั้นก็ป่าวประกาศในเมืองว่า “คฤหาสน์หลังนั้นมีอันเดดอาศัยอยู่!”
เดิมทีก็มีชื่อเสียงว่าเป็นคฤหาสน์ผีสิงอยู่แล้ว ก็เลยเป็นแค่ข่าวลือทั่วไปที่มีอยู่บ่อย ๆ แต่ถ้าเรื่องอันเดดเป็นเรื่องจริงขึ้นมา อาณาจักรก็ปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้
เพราะงั้นท่านรัถก็เลยออกไปสืบสวนน่ะ
ฉันไม่อยากให้เธอเข้าใจผิดไป อันที่จริงแค่การถูกสงสัยว่าเป็นผู้ใช้ศาสตร์ความตายอย่างเดียวก็ถือว่าเป็นพวกนอกรีต และคานก็จะโดนกำจัดไปตั้งนานแล้ว ด้วยความที่ท่านรัถวางแนวทางการจัดการไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงเริ่มจากการรวบรวมข้อมูลอย่างรอบคอบก่อนยังไงล่ะ แต่ไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันดีสำหรับลูน่าจังหรือเปล่านะ”
“กูลตัวนั้นเป็นสิ่งที่ฉันฝังลงไป……เป็นเพราะฉัน อาจารย์ก็เลย……”
ลูน่าทำหน้าเครียด
“คืออย่างนี้นะลูน่าจัง ตอนที่พัวพันกับศาสตร์ความตาย คนผิดคือคานหรอกนะ แถมเป็นเพราะเหตุผลที่เห็นแก่ตัวว่าอยากมีชีวิตนิรันดร์อีกต่างหาก เพราะงั้นเรื่องนี้ก็จบลงเพียงเท่านี้ ไม่มีอะไรให้เธอต้องกลัดกลุ้มเลย เพราะฉันก็เข้าใจความรู้สึกที่อยากฝังกูลเหมือนกัน ก็มันเหม็นนี่เนอะ”
ลูเซียน่าลูบหัวลูน่าอย่างอ่อนโยน
ทว่าลูน่าช็อกที่ตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้อาจารย์ตาย
──
หลังจากนั้นไม่นาน กษัตริย์แห่งราชอาณาจักรรามก็สวรรคต
แม้ไม่มีความโกลาหลครั้งใหญ่เนื่องจากเป็นเรื่องที่คาดการณ์ไว้แล้ว แต่รัถผู้ที่ต้องสืบทอดตำแหน่งก็ยุ่งมาก
ชื่อจริงของรัถคือรามนาถ รัถเป็นชื่อเล่นที่คนสนิทเรียกกัน
หลังจากนี้ก็จะกลายเป็นกษัตริย์รามนาถแห่งราชอาณาจักรรามและเป็นผู้กำหนดชะตากรรมของประเทศ
เดิมทีรามนาถก็เป็นที่นิยมทั้งในหมู่ข้าราชบริพารและประชาชนอยู่แล้ว จึงไม่มีปัญหาใดเป็นพิเศษ แต่มีสิ่งหนึ่งที่น่ากังวล
นั่นคือการที่ยังไม่ได้แต่งงาน
“เราได้ตัดสินใจเรื่องราชินีแล้ว”
รามนาถตอบอย่างชัดเจนเมื่อถูกข้าราชบริพารถามถึงการแต่งงานในวาระที่ขึ้นครองราชย์
ไม่ได้มีการประกาศว่าเป็นใคร ข้าราชบริพารจึงคาดเดากันไปต่าง ๆ นานา
“ลูน่า เป็นราชินีของเราเถอะนะ”
รัถก็พูดกับลูน่าหลังขึ้นครองราชย์ได้ไม่นาน
“หา?”
ลูน่าถึงกับพูดอะไรไม่ถูก
ต่อให้รัถยิ่งใหญ่แค่ไหน มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะให้ตนซึ่งกลายเป็นราชาอมตะมาเป็นภรรยา
แถมยังเป็นราชินี ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของสตรีในอาณาจักรนี้อีกด้วย
แม้ว่าจะไม่ได้กลายเป็นราชาอมตะ แต่ฐานะก็ต่างกันเกินไปจนเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้
แทนที่จะเรียกว่าเป็นไปไม่ได้ เรียกว่าไม่มีใครยอมรับได้น่าจะถูกต้องกว่า ถ้าโชคร้าย ก็อาจสั่นคลอนทั้งประเทศได้เลย
“…..ทำไม?”
“จะอะไรเสียอีกล่ะ ก็ฉันชอบเธอไง”
รัถหัวเราะ แต่ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าพูดเล่น
“มันเป็นไม่ได้หรอก”
“ไม่ได้เกลียดฉันสินะ”
รัถโต้แย้งคำพูดของลูน่า
“มันเป็นไปไม่ได้ รัถเองก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
ลูน่าพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ฉันเป็นถึงพระราชาเชียวนะ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอก พระราชาก็ต้องฝ่าฟันสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้ได้สิ”
“พระราชาแบบนั้น มีแต่จะทำให้ทุกคนเดือดร้อนเปล่า ๆ!”
“ทำไมถึงทำให้เดือดร้อน? ฉันว่าลูน่าเหมาะสมแล้วที่จะเป็นราชินี เธอเป็นคนที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนหรือไงกัน?”
รัถจ้องลูน่า
“ฉันไม่ได้ตั้งใจแบบนั้น……”
บทสนทนาจบลงแค่นั้น รัถเองก็ไม่อยากบีบให้ลูน่าจนมุมเช่นกัน
แต่หลังจากนั้น ลูน่าก็เอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับลูเซียน่า
“มีเรื่องจะขอร้องน่ะ”
──
อีกหลายวันต่อมา คืนหนึ่ง ลูน่ากำลังดูดเลือดรัถ
ปกติแล้วไม่นานนักก็จะเสร็จ แต่วันนี้กลับนาน
รัถผู้อาจหาญก็ถูกดูดเลือดมากเกินไปจนรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย
“……ลูน่า ไม่นานไปหน่อยเหรอ”
สติของรัถเลือนรางขึ้นเรื่อย ๆ แต่ถึงอย่างนั้น ลูน่าก็ยังคงดูดเลือดต่อไป
จนในที่สุด รัถก็เอนตัวลงบนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง
“ขอโทษนะรัถ เพราะครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายน่ะ”
ลูน่าบอกเช่นนั้นกับรัถที่ล้มตัวลง แล้วถลาออกไปทางหน้าต่างห้องสู่เมืองยามค่ำคืน
ความสามารถทางกายภาพของลูน่าผู้กลายเป็นราชาอมตะนั้น เหนือกว่ามนุษย์ธรรมดามาก จึงกระโดดได้สูงราวกับจะขึ้นไปบนดวงจันทร์
ลูเซียน่ากับคิเลียนที่รอรับคำสั่งอยู่ในห้องข้าง ๆ ก็เฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ
เป็นธรรมดาที่ทั้งคู่จะคัดค้านเรื่องการรับลูน่าเป็นราชินี
ถึงไม่บอกเรื่องที่เป็นราชาอมตะ หากความจริงปรากฏขึ้น ก็มีโอกาสที่จะกลายเป็นบาดแผลฉกรรจ์ของราชอาณาจักรอยู่ดี
เดิมที หากรับหญิงสาวที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้ามาเป็นราชินี ก็เห็นได้ชัดว่าจะต้องถูกสืบสวนทุกซอกทุกมุมอย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงปล่อยให้ลูน่าหนีไป