สืบล่าหาผู้ใช้ศาสตร์ความตาย - ตอนที่ 18
“อะไรคะ เงื่อนไขที่ว่า”
คำพูดแปลก ๆ ของชายชรามีแต่ทำให้ลูน่ารู้สึกไม่ชอบ
“จงสู้กับข้า อย่างเอาจริงด้วยนะ แม้หลังจากที่เจ้ากลายเป็นลูกศิษย์แล้ว ข้าก็จะให้เจ้าสู้กับข้าเดือนละครั้ง”
โลแกนตอบอย่างยินดีปรีดา
สู้? กับชายชราคนนี้? ลูน่างงงวย
“คืออย่างนี้นะคะ เนื่องจากฉันเป็นราชาอมตะ เพราะงั้นฉันคิดว่าฉันก็แข็งแกร่งอยู่ไม่น้อย ถ้าพลาดขึ้นมาอาจตายได้เลยนะคะ”
พลังของลูน่าในตอนนี้แข็งแกร่งมาก เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะยั้งมือได้หรือไม่
“เจ้าโง่เอ๊ย ข้าต้องแข็งแกร่งกว่าอยู่แล้วสิ เจ้าคิดว่าข้าเป็นใคร ข้าคือท่านจอมเวทผู้ยิ่งใหญ่ในตำนานเชียวนะโว้ย ชื่อของข้าปรากฏอยู่ในตำราเวทมนตร์ด้วยซ้ำ
ส่วนเจ้า กะอีแค่เป็นผีดูดเลือดกระจอกงอกง่อยก็ได้ใจซะแล้ว ชื่อของเจ้าคงจะอยู่ในรายชื่อผู้ที่จะถูกปราบซะมากกว่าละมั้ง เจ้าโง่เอ๊ย เจ้าโง่”
ท่าทีของโลแกนช่างน่าโมโหจริง ๆ ลูน่าก็ไม่ได้อยากเป็นราชาอมตะสักหน่อย เธอต้องละทิ้งหลาย ๆ อย่างและผ่านความยากลำบากมามากมายกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้
ร่างกายของลูน่าสั่นเทาด้วยความโกรธ
“……จะสู้ตอนนี้เลยก็ได้นะคะ”
ลูน่าคิดว่าจะฆ่าให้ตายซะเลย
“ไม่มีปัญหา จัดมาเลย”
โลแกนกระดิกนิ้วชี้สองครั้งราวกับเชื้อเชิญและยั่วยุ
เมื่อเห็นเช่นนั้น ลูน่าก็พุ่งเข้าใส่โลแกน เธอเข้าไปประชิดตัวโดยการกระโดดพรวดเดียวแล้วต่อยเข้าที่หัวอย่างสุดแรงเกิด
ชายชราร่างเล็กกระเด็นไปตามแรงชกและกระแทกพื้นถึงสองครั้งก่อนจะแน่นิ่งไม่ไหวติง
“เอ๊ะ ไม่จริงน่า อุตส่าห์คุยโวเสียขนาดนั้น ดันตายซะแล้วเหรอ”
ลูน่าตะลึงงัน ไม่คิดว่าโลแกนจะตายง่ายขนาดนี้
“ไม่ไหวเลยจริง ๆ ไอ้คนที่มันใจร้ายกับคนแก่เนี่ย เป็นพวกแต่งงานแล้วรังแกพ่อตาสินะ”
มีเสียงดังมาจากด้านหลัง เมื่อหันไป โลแกนก็กำลังไม้เท้าจ่อมาที่ลูน่า
“เสียใจด้วย นั่นมันเป็นภาพลวงตา ชอบใจไหมล่ะ”
ร่างของลูน่าถูกโจมตีด้วยแรงกระแทกที่รุนแรงพร้อม ๆ กับที่ได้ยินเสียงพูดนั้น ร่างของเธอลอยกระเด็นราวกับวาดเส้นพาราโบลา
ลูน่ากระแทกพื้นอย่างแรง ความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนกระจายไปทั่วทั้งร่าง
ทว่าลูน่าผู้เป็นกลายเป็นราชาอมตะนั้นแข็งแกร่งมาก แม้จะหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความปวด แต่ก็ยังสามารถลุกขึ้นยืนได้อย่างรวดเร็ว
“โอ้ สมกับเป็นราชาอมตะ มันต้องอย่างนี้สิ”
โลแกนพึงพอใจมาก
“……ทำไมถึงอยากสู้เหรอคะ ได้สู้กับอาจารย์……กับคานหรือเปล่าคะ”
ลูน่าถามพลางกุมตรงจุดที่ปวด
คานไม่ใช่ผู้ใช้เวทที่ชอบการต่อสู้ ไม่มีทางที่เขาจะจะรับลูกศิษย์ด้วยวิธีการแบบนี้แน่
“คาน? ไอ้หมอนั่นมันจริงจังเกินเหตุ รู้สึกจะให้อะไรสักอย่างนี่แหละแลกกับการเป็นลูกศิษย์ จำไม่ได้แล้วว่าเป็นเงินหรือสิ่งของ เจ้ารู้จักคานด้วยเรอะ”
“คานเป็นอาจารย์ของฉันค่ะ ในเมื่ออาจารย์เป็นเช่นนั้น ฉันก็ไม่ต้องต่อสู้ก็ได้ไม่ใช่เหรอคะ”
ลูน่าก็ไม่ได้มีนิสัยชื่นชอบการต่อสู้หรืออะไรเป็นพิเศษเช่นกัน ถ้าเขารับเธอเป็นลูกศิษย์แบบปกติก็คงดี
“ไม่เอาหรอก อุตส่าห์มีคู่ต่อสู้ที่ข้าสามารถใช้พลังทั้งหมดได้มาทั้งที มีหรือที่ข้าจะไม่อยากสู้?”
โลแกนแลบลิ้นปฏิเสธคำพูดของลูน่า
“พลังทั้งหมด? หมายความว่ายังไง”
“หัวช้าจริง ๆ ราชาอมตะก็คือผู้เป็นอมตะตามชื่อนั่นแหละ มันแปลว่าต่อให้เจ้าจะโดนเวทมนตร์ของข้าอัดใส่แค่ไหนเจ้าก็จะไม่ตายยังไงเล่า ของเล่นชั้นดีขนาดนี้ หาที่อื่นไม่ได้อีกแล้ว เพราะงั้นข้าถึงต่อสู้กับเจ้า”
สรุปก็คืออยากโจมตีทดสอบเวทมนตร์ของตัวเอง ช่างเป็นคนแก่ที่ไร้เหตุผลสิ้นดี
“เข้าใจแล้วค่ะ ถ้าพอใจแล้วก็ช่วยรับเป็นลูกศิษย์ด้วยเถอะค่ะ”
ลูน่ากล่าว
“สักวันฉันจะชนะให้ดู”
──
การฝึกของโลแกนจริงจังกว่าที่คิด
เขาให้ความสำคัญกับพื้นฐาน และชี้แนะขั้นตอนการใช้เวทมนตร์ทีละอันอย่างละเอียด
สิ่งที่ลูน่าโดนติตลอดก็คือการปรับปริมาณพลังเวท
เขาให้เธอคำนึงถึงการปล่อยพลังเวทในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ใช่ใช้พลังทั้งหมดทุกครั้ง
“จะเติมน้ำแก้วเดียว ก็ไม่จำเป็นต้องมีน้ำที่ปริมาณมากพอจะเติมเต็มอ่างใช่ไหมล่ะ”
โลแกนพูดเช่นนั้นแล้วสอนให้เธอใช้พลังเวทให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
ลูน่าที่เคยคิดว่ายิ่งเวทมนตร์ทรงพลังมากเท่าไรก็ยิ่งดีนั้น ถูกกดดันให้ต้องเปลี่ยนความคิด
นอกจากนี้ ด้วยความที่เธอกลายเป็นราชาอมตะ พลังเวทของเธอจึงแข็งแกร่งเกินไปจนแทบจะเป็นไม่ได้ที่จะควบคุม
ตกกลางคืน เธอก็ยังคงทนทุกข์กับความกระหายเลือดเหมือนเช่นเคย มีบางครั้งที่เธอทนไม่ไหวและโจมตีใส่โลแกน แต่ก็ถูกสวนกลับได้อย่างง่ายดาย
“ถึงข้าจะน่าดึงดูดขนาดไหน ก็ไม่ควรใช้ข้าเพื่อฟื้นฟูพลังนะ”
ทุกครั้งที่โจมตี เขาจะพูดเช่นนั้นและมันทำให้เธอลิ้มรสถึงความอัปยศอดสู แม้ในเชิงเนื้อหาแล้วมันจะไม่ผิด แต่เธอก็รู้สึกไม่ดีเอามาก ๆ
ถึงอย่างนั้น เธอก็ได้รับยาฟื้นฟูสามวันครั้ง จึงสามารถเลี่ยงการเผาผลาญพลังกายจนหมดได้
การฝึกดำเนินต่อไปหลายปี เธอควบคุมพลังเวทได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อเป็นเช่นนั้น เธอก็สามารถรับรู้การไหลเวียนของพลังเวทในร่างกายได้ และต่อมาก็จับการไหลเวียนของพลังเวทจากภายนอกได้
สุดท้ายเธอก็เข้าใจความหมายที่โลแกนบอกว่า “พลังเวทมีอยู่ในทุกสิ่ง”
ความถี่ในการใช้ยาฟื้นฟูก็ลดลงเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็เหลือเพียงเดือนละครั้ง
แต่กว่าจะมาถึงขั้นนี้ ลูน่าก็ใช้เวลาไป 20 ปี
──
ลูน่าและโลแกนยืนอยู่กลางทุ่งร้างที่อยู่ห่างจากเมืองบานูกูตไปเล็กน้อย
วันนี้เป็นวันที่ต้องเผชิญหน้ากันเดือนละครั้ง
ด้านหลังของลูน่ามีเหล่าอันเดดจำนวนมากเรียงรายอยู่ มีทั้งกริม รีปเปอร์หลายสิบตัว ปิศาจที่กลายเป็นซอมบี้ สเกเลตัน และอื่น ๆ อีกมากมาย
พวกนี้คือกองทัพอันเดดที่ลูน่ารวบรวมมาจากบริเวณโดยรอบเพื่อเอาชนะโลแกน และพวกมันก็แข็งแกร่งขึ้นทุกวัน
เมื่อลูน่าดีดนิ้ว เหล่าอันเดดก็กระจายกำลังออกไปล้อมโลแกน เป็นกลยุทธ์ที่ทำเพื่อไม่ให้ถูกเวทมนตร์รวบยกกอง
แล้วพวกมันก็พุ่งเข้าโจมตีพร้อมกัน โลแกนใช้ไม้เท้าเคาะพื้นดังก๊อกอย่างไม่ร้อนรน จากนั้นก็เกิดรอยร้าวที่พื้นดินโดยมีจุดนั้นเป็นศูนย์กลาง และพื้นดินก็เริ่มแยกออก
เหล่าอันเดดถูกกลืนลงไปในรอยแยกทีละตัว แต่พวกมันก็ยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างไม่กลัวตาย ทำให้มีบางตัวเข้าไปถึงตัวโลแกน
กริม รีปเปอร์ฟาดเคียวลงมา แต่ทว่าโลแกนกลับกระโดดขึ้นไปในอากาศและลอยอยู่อย่างนั้น บริเวณที่เขายืนอยู่เมื่อครู่ถล่มลงโดยสมบูรณ์ แล้วเหล่าอันเดดที่เหลือก็ถูกกวาดล้างจนสิ้น
ถึงอย่างนั้นก็ยังมีสิ่งที่โจมตีโลแกนผู้ลอยตัวอยู่กลางอากาศ นั่นก็คือสเกเลตันมังกร
เดิมทีปีกที่เป็นกระดูกจะไม่สามารถใช้บินได้ แต่มันกลับบินร่อนในอากาศด้วยปีกกระดูกนั้นและโจมตีโลแกนด้วยเขี้ยวที่โผล่ออกมา
สเกเลตันมังกรตัวนี้เป็นสิ่งที่ลูน่าใช้เวลาหลายเดือนในการตามหา และเป็นไพ่ตายของเธอในการต่อสู้ครั้งนี้
“ไปหาของแบบนี้มาจากไหนเนี่ย”
โลแกนยกไม้เท้าขึ้นตั้งท่าแล้วตีเบา ๆ ไปที่หัวของปิศาจที่โจมตีมา จากนั้นกระดูกของสเกเลตันมังกรก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ แล้วตกลงไปยังพื้น โลแกนหลุดพ้นจากกลยุทธ์ของลูน่าสำเร็จ
แต่ร่างของลูน่าไม่ได้อยู่ที่พื้น รู้ตัวอีกทีเธอก็กระโดดขึ้นไปอยู่เหนือศีรษะของโลแกนและเตะเข้าอย่างแรง
“ฮึบ”
โลแกนใช้ไม้เท้ารับแรงเตะนั้นด้วยการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย แล้วร่างของลูน่าก็หยุดกึกอยู่กลางอากาศ
“ช่างน่าเสียดาย ไว้เจอกันใหม่พรุ่งนี้”
ขณะที่ได้ยินคำพูดนั้น ร่างของลูน่าก็หนักขึ้นอย่างกะทันหันแล้วตกลงมาด้วยความเร็วสูงจนทำให้พื้นดินยุบ
โลแกนร่ายเวทแรงโน้มถ่วงใส่ลูน่าแล้วบังคับให้เธอตกลงมา
“ข้าชนะอีกแล้วสินะ”
โลแกนหัวเราะชอบใจ ลูน่ามองท้องฟ้าทั้งที่ยังคงจมอยู่ในดินแล้วคิดว่า
“แพ้อีกแล้ว”
ลูน่าไม่เคยชนะโลแกนเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เธอดัดแปลงเวทมนตร์ ฝึกฝนกลยุทธ์ และต่อสู้นับครั้งไม่ถ้วน แต่โลแกนก็ยังแข็งแกร่งกว่า
โลแกนสอนเวทมนตร์ที่ตัวเองใช้อยู่ให้ลูน่าอย่างไม่หวงวิชา แต่ถึงแม้จะรู้วิชา โลแกนก็มีความรู้เกี่ยวกับวิธีต่อสู้มากมายและยังนำมาประยุกต์ใช้จริงได้อีกด้วย เธอจึงไม่สามารถใช้วิธีปกติด้วยได้
ปริมาณพลังเวทของทั้งสองสูสีกัน ไม่สิ ของลูน่ามีมากกว่า แต่ด้วยความต่างของประสบการณ์ เธอจึงตามหลังอยู่หนึ่งก้าว และแม้เวลาจะผ่านไปนานเพียงใด ความต่างของประสบการณ์นั้นก็ไม่ถูกเติมเต็มเสียที เพราะโลแกนเองก็คิดค้นเวทมนตร์และวิธีต่อสู้ใหม่ ๆ ขึ้นมาเรื่อย ๆ จากการต่อสู้กับลูน่า โลแกนเป็นผู้ใช้เวทที่ชอบวิจัยเวทมนตร์อย่างแท้จริง
เพียงแต่ลูน่ารู้สึกแปลกใจ โลแกนเป็นชายชราตั้งแต่ตอนที่เจอกัน จนถึงตอนนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้นไม่เปลี่ยนแปลง มันผ่านไป 30 ปีแล้วตั้งแต่ที่รับเธอมาเป็นลูกศิษย์
พอถามเรื่องนี้กับโลแกน เขาก็ตอบว่า
“มันก็เหมือนกับพลังเวท ชีวิตเป็นสิ่งที่ใช้แล้วหมดไป ถ้าใช้ให้น้อยลงก็จะอยู่ได้ยืนยาว”
สรุปคือ ถ้าไม่ทำอะไรเลย ก็เหมือนว่าจะมีชีวิตได้นานเท่าที่ต้องการ
“งั้น ถ้าไม่สอนเวทมนตร์ให้ฉัน ไม่ต่อสู้กับฉัน ก็จะมีชีวิตอยู่ได้นานขึ้นอีกไม่ใช่เหรอคะ”
ลูน่าเอียงคอ
“เจ้าโง่หรือไง นี่แปลว่าไม่เข้าใจเลยสิท่าว่าเรียนเวทมนตร์ไปเพื่ออะไร เวทมนตร์มันสนุกก็เพราะได้ใช้ต่างหากเล่า เวทมนตร์ที่ไม่ได้ใช้มันก็ไม่มีความหมาย ข้าอยากใช้เวทมนตร์ที่อลังการ เลยมาเป็นผู้ใช้เวทยังไงล่ะ”
ลูน่าคิดว่าช่างเป็นคำตอบที่สมกับเป็นโลแกนเสียจริง
และแล้ววันเวลาก็ผ่านไปอีกครั้ง