สืบล่าหาผู้ใช้ศาสตร์ความตาย - ตอนที่ 21
ลูน่าตัดสินใจอยู่ช่วยงานที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าต่อ
เพราะโดโรธีและคนอื่น ๆ ก็เริ่มอายุมากขึ้นและขาดคนหนุ่มสาวมาช่วยงาน แถมตัวลูน่าเองก็รู้สึกอยากดูแลมอลลี่ในช่วงสุดท้ายของชีวิตเช่นกัน
ลูน่าเป็นที่รักของเด็ก ๆ ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอเคยมีอาจารย์หลายคน จึงมีประสบการณ์มากมายในฐานะผู้ถูกสอน อีกทั้งยังเป็นคนที่มีความอดทนสูงและยังสอนเก่งอีกด้วย
สำหรับลูน่าแล้ว เด็ก ๆ ดูแลจัดการง่ายกว่าพวกอันเดดก็ตรงที่พูดคุยได้นี่แหละ
ลูน่ายังคงทำงานที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าพร้อมทั้งศึกษาวิจัยเวทมนตร์ต่อไป พวกโดโรธีเปิดเผยให้คนอื่นรู้ว่าลูน่าเป็นผู้ใช้เวท จึงไม่มีใครรู้สึกแปลกใจเรื่องนั้น
หลังจากที่ถูกซื้อมาเป็นลูกศิษย์ของผู้ใช้เวท และได้ฝึกฝนวิชากับคานและโลแกนแล้ว ลูน่าก็ตั้งใจที่จะใช้ชีวิตในฐานะผู้ใช้เวท เธอรู้สึกถึงความรับผิดชอบว่าไม่มีใครเหมาะสมในการสืบทอดเวทมนตร์ของทั้งสองอีกแล้วนอกจากตน
ต่อมาไม่นาน มอลลี่ก็เสียชีวิต
ทุกคนต่างร่ำไห้ในงานศพของเธอ ทั้งโดโรธีและคนอื่น ๆ ที่เคยถูกขายออกไปจากที่นี่ และเด็กกำพร้าที่อยู่นี่ในตอนนี้ ทุกคนต่างโศกเศร้าเสียใจและร้องไห้กับการจากไปของมอลลี่
ลูน่ารู้สึกอิจฉามอลลี่ที่ได้จากไปแบบนั้น
แล้ววันเวลาก็ล่วงเลยไปอีกครั้ง
──
เมื่อกษัตริย์รามนาถผู้มีสมญานามว่าราชาผู้ห้าวหาญทรงพระชราและทรงพระประชวร อาณาจักรรามก็เริ่มระส่ำระสาย ยิ่งอาณาจักรรามขยายดินแดนออกไปไกลเท่าไร จุดที่การปกครองไปไม่ถึงก็เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น จนครั้นเมื่อบารมีของราชาผู้ห้าวหาญเสื่อมลง สัญญาณของการกบฏก็ปรากฏให้เห็น
อีกทั้งเรื่องรัชทายาทแห่งอาณาจักรรามก็เป็นปัญหา เพราะราชาผู้ห้าวหาญมิได้รับผู้ใดเป็นราชินี จึงไม่มีโอรสหรือธิดาด้วยเหตุนั้น
แม้มีข่าวลือต่าง ๆ นานาว่าเหตุใดจึงไม่ทรงอภิเษกสมรส แต่ราชาผู้ห้าวหาญก็ทรงรับพระโอรสในพระขนิษฐามาเป็นพระโอรสบุญธรรม และทรงแต่งตั้งให้เป็นรัชทายาท
ทว่าเนื่องจากไม่ใช่สายตรง จึงมีแรงดึงดูดใจผู้คนไม่มาก และเมื่อราชาผู้ห้าวหาญอ่อนแอลง รากฐานของราชอาณาจักรก็สั่นคลอนในทันที
มีการกบฏเกิดขึ้นทั่วทุกหัวระแหง และรวมกำลังกันจนกลายเป็นกระแสคลื่นลูกใหญ่
แม้แต่ในกองทัพรามก็ยังมีการคิดคดทรยศบ่อยครั้ง ทำให้พ่ายแพ้ต่อกองทัพกบฏซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนความเสื่อมถอยของอาณาจักรรามกลายเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้ง
แต่เนื่องจากกองทัพกบฏได้กระทำการอันโหดเหี้ยมอย่างการปล้นชิงทรัพย์ในเมืองที่ยึดมา จึงไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนมากนัก การรุกรานของกองทัพกบฏจึงเป็นเพียงแค่ความหวาดกลัว
และแล้ว กองทัพกบฏก็ได้ประชิดเข้ามาจนถึงเมืองที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของพวกลูน่าตั้งอยู่
“ฉันไปแล้วนะ ถึงเวลาแล้ว”
ลูน่ากำลังจะออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในยามค่ำคืน
“จะไปไหนเหรอ”
โดโรธีที่กลายมาเป็นผู้อำนวยการสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเอ่ยถามด้วยความสงสัย
เพราะลูน่าจะบอกอยู่เสมอว่าไม่มีที่อื่นให้ไป
“อืม ความจริงมีเรื่องที่ฉันอู้มานานแล้วน่ะ”
“อู้? เธอเนี่ยนะ”
ลูน่าเป็นคนขยันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว โดโรธีจึงนึกไม่ออกว่าลูน่าจะอู้อะไรได้ยังไง
“ใช่ เมื่อก่อน มันมีงานที่ฉันถูกยัดเยียดให้ทำอยู่งานหนึ่ง ฉันปฏิเสธไปแล้ว แต่คนที่พยายามยัดเยียดให้น่ะเป็นคนหัวรั้น และเหมือนจะเก็บงานนั้นไว้ให้ฉันมาตลอด ทั้งที่ฉันทำให้คนอื่นเดือดร้อนเพราะเรื่องนั้นแท้ ๆ”
“งานที่ว่านี่ งานอะไรเหรอ”
“ราชินีน่ะ”
“ลาชิณี?”
คำพูดของลูน่าแปลกประหลาดเกินกว่าที่โดโรธีจะเข้าใจในคำว่า “ราชินี” ได้
“เพราะงั้นฉันเลยจะไปทำงานสักหน่อย ชดเชยส่วนที่อู้ไปจนถึงตอนนี้น่ะ ไปก่อนนะ”
ลูน่าทิ้งโดโรธีที่อ้าปากหวอไว้ข้างหลัง แล้วออกจากคฤหาสน์ไป
──
เมื่อลูน่าออกจากเมืองที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตั้งอยู่ เธอก็พุ่งไปในความมืดยามราตรี
ตอนนี้เธอสามารถควบคุมการปล่อยพลังเวทได้อย่างเสรี ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดเทียบ
ความเร็วสูงสุดของเธอได้ เป็นสายลมอย่างแท้จริง
จากนั้นลูน่าก็วิ่งผ่านระยะทางที่ต้องใช้เวลาขี่ม้าถึง 3 วัน ด้วยเวลาเพียง 3 ชั่วโมง จนพบเป้าหมายในที่สุด
นั่นคือกองทัพกบฏ ด้วยความที่ไม่เกรงกลัวว่าจะถูกศัตรูโจมตีกลางดึก ฐานที่มั่นนั้นจึงเงียบสงัด
ลูน่าดีดนิ้วดังป๊อก
แผ่นดินสั่นสะเทือน จากนั้นกูลและสเกเลตันก็ทยอยปรากฏตัวขึ้นจากพื้นดิน
พวกมันเป็นเหล่าอันเดดที่ลูน่าเคยรวบรวมไว้สำหรับใช้ต่อสู้กับโลแกน
ลูน่าที่สามารถควบคุมเหล่าอันเดดได้อย่างสมบูรณ์ สามารถเรียกกองทัพอมตะมาได้ทุกที่ นี่คือ“ไนต์แมร์” ศาสตร์ความตายที่เกิดขึ้นได้จากการฝึกฝนมา 60 ปี บวกกับสายเลือดของชาวอาซูราและพลังของราชาอมตะ
ในตอนนี้ ลูน่าเป็นผู้ที่อยู่ในจุดสูงสุดของผู้ใช้ศาสตร์ความตาย
“ฉันไม่ได้โกรธอะไรหรอกนะ”
ลูน่าพึมพำ
“แต่เพราะอาณาจักรนี้คือสิ่งที่รัถสร้างขึ้นเพื่อฉันต่างหาก”
ลูน่าชี้ไปยังกองทัพกบฏ เพื่อแสดงเป้าหมายให้เหล่าอันเดด
เหล่าอันเดดค่อย ๆ เข้าไปใกล้กองทัพกบฏ
ในขณะนั้น คนเฝ้ายามก็สังเกตเห็นบางสิ่ง และแจ้งเตือนถึงความผิดปกติด้วยเสียงที่ราวกับกรีดร้อง
แต่บริเวณโดยรอบกลับถูกล้อมด้วยเหล่าอันเดดจำนวนนับไม่ถ้วนไปเสียแล้ว กองทัพกบฏไม่มีแม้แต่วิธีที่จะเอาชนะ จึงไม่แปลกที่จะถูกกลุ่มผู้วายชนม์กลืนกินเข้าไป ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นฝันร้ายอย่างแน่นอน
นับจากวันนั้น กองทัพกบฏก็ถูกโจมตีโดยกองทัพอันเดดอย่างต่อเนื่อง
กองทัพกบฏสูญเสียกำลังไป ในทางตรงข้าม กองทัพรามกลับมามีพลังขึ้นมาอีกครั้ง แต่กองทัพกบฏปกปิดความจริงเรื่องกองทัพอันเดดเพื่อซ่อนความพ่ายแพ้ และกองทัพรามก็ไม่ต้องการให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่ดีว่าได้รับความช่วยเหลือจากอันเดด จึงไม่มีการเปิดเผยเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ
จากนั้น ลูน่าก็เดินทางกลับมายังเมืองหลวงของอาณาจักรราม
──
ลูเซียน่ามาเยือนคฤหาสน์ของคานในรอบหลายสิบปี คฤหาสน์หลังนี้ได้รับคำสั่งจากรัถให้ดูแลรักษาไว้ ถึงแม้จะเก่า แต่ก็อยู่ในสภาพที่ได้รับการดูแลอย่างดี
ที่ลูเซียน่ามาที่นี่ ก็เพราะกำไลวงหนึ่งมีการตอบสนองต่อพลังเวทในเมืองหลวง
ลูเซียน่าซึ่งเป็นจอมเวทประจำราชสำนัก สวมเสื้อคลุมนักเวท ถือไม้เท้า และเตรียมอุปกรณ์มาเผื่อในกรณีฉุกเฉิน
“ไม่เจอกันนานเลยนะ ลูเซียน่า”
คนที่รออยู่ก็คือลูน่า ภาพของเธอที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องของคานนั้น ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อ 50 ปีก่อนเลย
เธอโชว์กำไลที่สวมอยู่ที่แขนซ้ายให้ลูเซียน่าดู มันเป็นกำไลที่รัถให้ลูน่าเมื่อ 50 ปีก่อน
ผมดำที่เคยเงางามของลูเซียน่าเปลี่ยนเป็นสีขาว เธอเข้าสู่วัยชราโดยสมบูรณ์ แต่ก็ยังให้ความรู้สึกว่าสวยตามวัย
“ไม่เจอกันนานเลยนะ ลูน่า สบายดีไหม”
“สบายดี” ที่ว่าหมายถึงความกระหายเลือด หากเธอไม่สามารถเอาชนะความกระหายเลือดได้และยอมจำนนต่อมันแทน ลูน่าก็จะเป็นภัยคุกคามต่ออาณาจักร
“ฉันสบายดี ถึงจะใช้เวลาไปประมาณ 30 ปีกว่าจะดีขึ้นก็เถอะ แต่ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว”
“30 ปี……นานมากเลยนะ”
ลูเซียน่าหลับตาลงแล้วนึกถึงช่วงเวลาหลายเดือนหลายปีที่ลูน่าใช้เพื่อเอาชนะความกระหายเลือด
“นั่นสินะ นานมาก แต่ชีวิตมันก็เป็นอะไรที่ยากลำบากสำหรับทุกคนนั่นแหละนะ ถึงจะเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับคนอื่น แต่สำหรับบางคนมันก็เป็นเรื่องที่ยากลำบาก ทุกคนต่างก็กำลังต่อสู้กับบางสิ่งบางอย่างกันทั้งนั้น”
“……ก็อาจจะเป็นอย่างนั้น แต่ ความจริงเธอก็กำลังต่อสู้อยู่ไม่ใช่เหรอ กับกองทัพกบฏน่ะ”
รัถ ลูเซียน่า และคิเลียน ทั้งสามคนคาดเดาได้คร่าว ๆ เกี่ยวกับนักเวทที่ใช้กองทัพอันเดด
“ใช่แล้ว ฉันยุ่งไม่เข้าเรื่องหรือเปล่า”
ลูน่ายอมรับความจริงข้อนั้นอย่างง่ายดาย
“ไม่หรอก ช่วยได้มากเลยละ ฝ่าบาททรงดีพระทัยมาก ถึงขนาดตรัสว่า ‘ราชินีกลับมาแล้ว’ แต่แน่นอนว่าตรัสแบบนั้นให้ฉันกับคิเลียนฟังเท่านั้นนะ”
“ได้บอกหรือเปล่าว่าฉันมาที่เมืองหลวง”
“เปล่า ยังไม่ได้บอก ฝ่าบาททรงพระประชวรอยู่น่ะ จะบอกเรื่องที่กระตุ้นอารมณ์มากนักไม่ได้”
ลูเซียน่ายิ้มอย่างเศร้า ๆ สีหน้าของเธอแสดงให้เห็นว่าอาการของรัถไม่ค่อยดีนัก
“งั้นเหรอ……ฉันน่ะ ถ้าเจอรัถก็ไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังไงดี ก็ไม่คิดว่าจะครองโสดมาจนถึงป่านนี้จริง ๆ นี่นา”
“ฉันก็ไม่คิดเหมือนกัน ไม่คิดว่าจะเป็นคนจิตใจบริสุทธิ์ขนาดนี้ นึกว่าจะหว่านเสน่ห์ใส่สาวอื่นทันทีเลยซะอีก”
ลูน่าและลูเซียน่าสบตากันแล้วหัวเราะเรื่องของรัถเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี
“รัถสร้างอาณาจักรให้ตามที่ฉันบอก เพราะงั้นครั้งนี้ถึงตาที่ฉันจะปกป้องมันบ้างแล้ว ฉันจะกำจัดกองทัพกบฏเอง เพราะฉันคือราชินีแห่งอาณาจักรของรัถยังไงล่ะ”
ลูน่าอยากตอบแทนความรู้สึกของรัถ ถึงแม้จะสายเกินไปก็ตาม
“ขอบคุณนะ ลูน่า ฉันไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะพูดได้แต่ฉันก็ซาบซึ้งใจจริง ๆ เพียงแต่ มีเรื่องหนึ่งที่อยากขอร้องน่ะ”
ลูเซียน่าพูดแล้วมองดูบริเวณโดยรอบอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“อะไรเหรอ แถวนี้ไม่มีใครอยู่หรอก หมายถึงคนที่มีชีวิตน่ะ”
บริเวณโดยรอบคฤหาสน์ของคานมีเหล่าอันเดดของลูน่าซ่อนตัวอยู่ และคอยจับตาดูว่าจะมีผู้บุกรุกหรือไม่
“ความจริง ในเมืองหลวงก็มีคนทรยศอยู่เช่นกัน คนที่ส่งข้อมูลให้กองทัพกบฏอยู่เรื่อย ๆ น่ะ บางทีคนที่จัดตั้งกองทัพกบฏก็คือเจ้านี่ด้วยเหมือนกัน เดิมทีก็เป็นองค์กรที่มีอุดมการณ์อนุรักษนิยมต่อต้านอาณาจักรที่ทำการปฏิรูปอย่างเร่งรีบ แต่ต่อมาก็ค่อย ๆ รวบรวมผู้สนับสนุนและผู้ที่ไม่พอใจอาณาจักรทีละน้อย และขยายอิทธิพลไปยังต่างจังหวัดมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วหลังจากที่ฝ่าบาทเสื่อมอำนาจ พวกนั้นก็ได้รับการสนับสนุนอย่างท่วมท้น จนตอนนี้กลายเป็นกระดูกสันหลังทางความคิดของกองทัพกบฏไปแล้ว ตราบใดที่องค์กรนี้ยังอยู่ การกบฏก็อาจเกิดขึ้นอีก”
“เป็นเรื่องที่ไม่ดีเลย โลกอุตส่าห์ดีขึ้นแล้วแท้ ๆ”
ลูน่าขมวดคิ้ว
“คิเลียนกำลังทำการสืบสวนอยู่ แต่ก็ยังระบุตัวผู้ต้องสงสัยไม่ได้ แต่ฉันคิดว่าเจ้านั่นจะเคลื่อนไหวเมื่อรู้ว่ามีผู้ใช้ศาสตร์ความตายที่ควบคุมพวกอันเดดอยู่ในเมืองหลวง เพราะขอแค่ไม่มีผู้ใช้ศาสตร์ความตายที่ชั่วร้ายซะอย่าง การกบฏก็จะประสบความสำเร็จยังไงล่ะ”
ลูเซียน่ายิ้มอย่างไม่หวั่นเกรง
“ผู้ใช้ศาสตร์ความตายที่ชั่วร้าย……สินะ เข้าใจแล้ว มันคงได้กลายเป็นเรื่องซุบซิบในเมืองเร็ว ๆ นี้แน่นอน เหมือนกับตอนอาจารย์คนเก่าของฉันที่มีลูกศิษย์เป็นผู้ใช้เวทที่น่ารักไงล่ะ”
ลูน่าหัวเราะอย่างสนุกสนานเช่นกัน
──
ลูน่าเริ่มใช้ชีวิตในคฤหาสน์ของคานเหมือนเมื่อก่อน เธอจัดระเบียบคฤหาสน์ ทำงานบ้าน เก็บสมุนไพร ปรุงยา ออกไปซื้อของในเมือง และฝึกฝนเวทมนตร์
ลูเซียน่าได้ปล่อยข่าวลือว่ามีนักเวทน่าสงสัยอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ที่ลูน่าอยู่
หลังจากนั้นไม่นาน ลูน่าก็ถูกเรียกขณะที่กำลังเดินกลับจากเมือง
“แม่หนู ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”
คนที่เรียกเธอคือคอนราต สมาชิกกองอัศวินที่ 8